แม้จะเพิ่งก้าวเข้าสู่เดือนที่ 2 และเจ้าตัวเล็กในท้องของคุณแม่ก็ยังอยู่ในระยะตัวอ่อน แต่ก็เริ่มสร้างอวัยวะต่างๆ อย่างรวดเร็วเลยล่ะค่ะ แต่เรายังเรียกเขาว่าตัวอ่อน(embryo) อยู่นะคะ... สัปดาห์ที่ 5 สร้างระบบประสาท ตัวอ่อนช่วงนี้จะมีรูปร่างคล้ายทรงกระบอก ความยาวประมาณ 1.5 มิลลิเมตร โดยส่วนบนจะค่อยๆ พัฒนาเป็นแกนประสาท(Neural tube) กลุ่มของเซลล์ตอนกลางของลำตัวจะกลายเป็นหัวใจ ขณะเดียวกันรกก็เริ่มมีการพัฒนาเป็นกลุ่มเส้นเลือดฝอยเล็กๆ มากมายและเชื่อมประสานกับตัวอ่อนเพื่อนำอาหารมาเลี้ยงส่วนต่างๆ ระยะนี้คุณแม่หลายท่านคงจะหายแพ้ท้องแล้ว แต่ก็ยังควรรับประทานอาหารที่ย่อยง่ายๆ เช่นเดิม เมื่อไปฝากครรภ์ คุณหมออาจจะให้คุณแม่เริ่มรับประทานยาบำรุง เช่น โฟลิก เป็นต้น สัปดาห์ที่ 6 มีตุ่มแขนและขา ตัวอ่อนจะเริ่มโค้งงอและมีรูปร่างคล้ายลูกอ๊อดค่ะ โดยมีความยาวประมาณ 2.5-5 มิลลิเมตร เริ่มมองเห็นตุ่ม 4 ตุ่ม ซึ่งจะเป็นแขนขาต่อไป และเริ่มเห็นจุดที่บริเวณหัวซึ่งจะกลายเป็นเลนส์ตาและหูชั้นใน ถ้าตรวจด้วยเครื่องอัลตราซาวนด์ก็อาจมองเห็นการเต้นของหัวใจแล้ว แต่ไม่จำเป็นต้องทำเพื่อดูแค่นี้หรอกนะคะ สัปดาห์ที่ 7 มีระบบไต ตัวอ่อนยังคงโค้งงอ โดยมีความยาวประมาณ 7-9 มิลลิเมตร มองภายนอกอาจไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงชัดเจน แต่ภายในตัวเขา ระบบไต เริ่มก่อตัวขึ้นแล้ว ช่วงนี้คุณแม่ยังคงปัสสาวะบ่อยอยู่ค่ะ เนื่องจากมดลูกเริ่มขยายตัวไปเบียดกระเพาะปัสสาวะ และอาจมีตกขาวมากขึ้น เนื่องจากร่างกายกำลังสร้างเมือกปิดปากทางเข้ามดลูกเพื่อป้องกันอันตรายต่อลูกน้อย สัปดาห์ที่ 8 เริ่มขยับ ตัวอ่อนยังคงโค้งงอและเห็นสายสะดือชัดขึ้น ตัวอ่อนมีความยาวประมาณ 11-14 มิลลิเมตร ตาเริ่มชัดขึ้นเพราะเริ่มเห็นสีของจอประสาทตา เริ่มเห็นนิ้วมือและนิ้วเท้าชัดขึ้นตามลำดับ ขณะเดียวกัน ระบบทางเดินหายใจและระบบทางเดินอาหารก็พัฒนาไปอย่างเงียบๆ ที่สำคัญเจ้าตัวเล็กในท้องเริ่มขยับแล้ว เพียงแต่คุณแม่ยังไม่รู้สึกว่าเขาดิ้น Doctor Tip "สำหรับคุณแม่บางคนอาจจะเป็นเดือนของการแพ้ท้องก็ได้ แต่สำหรับเจ้าตัวน้อยนี่คือเดือนแห่งการสร้างอวัยวะภายใน การรับประทานอาหารของคุณแม่จึงต้องใส่ใจมากขึ้น เพราะอาจรับประทานสารแปลกปลอมหรือสารปนเปื้อนที่อันตรายเข้าไป ซึ่งจะส่งผลต่อลูกน้อยได้ คุณแม่ไม่ต้องห่วงว่าเขาจะขาดสารอาหารนะครับ เพราะตัวเขาเล็กมาก คุณแม่จะดื่มนม1 แก้ว หรือ 1 ลิตร เขาก็รับสารอาหารได้เท่าเดิมครับ ส่วนคุณแม่ที่ใช้ยารักษาสิว ให้งดไว้ก่อนและปรึกษาแพทย์ของท่านว่าจะต้องใช้ต่อหรือไม่...
ที่มา https://www.108health.com/108health/topic_detail.php?mtopic_id=164&sub_id=42&ref_main_id=11