6 อาการป่วน! ตอนท้อง


917 ผู้ชม


คุณแม่มือใหม่ที่ตั้งครรภ์เป็นครั้งแรกแล้วมีการผิดปกติก็มักจะกังวลว่าเป็น อันตรายหรือไม่ ผมขอเล่าให้ฟังเลยแล้วกันว่าบรรดาอาการที่มาป่วนตอนท้อง เหล่านี้ มีอาการอะไรบ้างที่พบได้บ่อยๆ และมีวิธีแก้ไขหรือบรรเทากันอย่างไร...         คุณแม่มือใหม่ที่ตั้งครรภ์เป็นครั้งแรกแล้วมีการผิดปกติก็มักจะกังวลว่าเป็น อันตรายหรือไม่ ผมขอเล่าให้ฟังเลยแล้วกันว่าบรรดาอาการที่มาป่วนตอนท้อง เหล่านี้ มีอาการอะไรบ้างที่พบได้บ่อยๆ และมีวิธีแก้ไขหรือบรรเทากันอย่างไร... 
แพ้ท้อง "ภรรยาตั้งท้อง 2 เดือนเศษ แพ้ท้องมากกินอะไรไม่ได้และอาเจียนทั้งวันมาอาทิตย์หนึ่งแล้ว ตอนนี้ภรรยาดูโทรมมาก ตาลึกเลยครับ น้ำหนักลดจากเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนตั้ง 3 กิโลกรัม ภรรยาและลูกในท้องจะเป็นอันตรายไหมครับ
สาเหตุ : ทำไมคนเราถึงแพ้ท้อง " ตอบยากครับ แต่วงการแพทย์มีการศึกษากันไม่น้อย และเชื่อกันว่าน่าจะมีสาเหตุได้ 2 ประการครับ
ประการแรก : การแพ้ท้องน่าจะเป็นกลไกของร่างกายคุณแม่ที่จะปฏิเสธสิ่งที่คุณแม่จะกินเข้า ไปทุกชนิด เพราะกลัวว่าจะไปทำอันตรายต่อลูกน้อยในท้อง เหตุที่เชื่อเช่นนั้นก็เพราะพบว่าส่วนมากแล้วช่วงที่คุณแม่แพ้ท้องมักจะเป็น ช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ซึ่งเป็นช่วงที่ลูกกำลังมีการสร้างอวัยวะต่างๆ มากมาย ภายหลัง 3 เดือนไปแล้ว การสร้างอวัยวะต่างๆ จะเสร็จสิ้นเกือบหมดแล้ว การแพ้ท้องก็มักจะหายตามไปด้วย
 
ประการที่ 2 : น่าจะเกี่ยวข้องกับปริมาณของฮอร์โมนที่สร้างมาจากรกที่ชื่อว่า Human Chorionic Gonadotrophin หรือเรียกย่อๆ ว่า HCG ยิ่งมีเนื้อรกมากก็จะยิ่งสร้างฮอร์โมน HCG ได้มาก อาการแพ้ท้องก็จะยิ่งมากตามไปด้วย การที่เชื่อเช่นนี้เพราะพบว่าคุณแม่ที่ตั้งครรภ์แฝดซึ่งรกมักมีขนาดใหญ่ หรือเป็นโรคครรภ์ไข่ปลาอุก (การตั้งครรภ์ผิดปกติที่ไม่มีตัวเด็กมีแต่รกที่มีการเจริญเติบมากผิดปกติ) ซึ่งภาวะทั้ง 2 นี้มีการสร้างฮอร์โมน HCG มากทั้งคู๋
อาการ : คุณแม่แต่ละคน เวลาแพ้ท้องจะมีอาการรุนแรงไม่เท่ากันครับ บางคนก็แค่พะอืดพะอม บางคนก็อาเจียนออกมาเป็นบางครั้ง ในขณะที่บางคนแพ้รุนแรงมาก ทานอะไรไม่ได้เลย จนดูโทรมตาลึกโบ๋ ปากแห้ง ปัสสาวะน้อยและสีเหลืองเข้ม กรณีหลังต้องรีบไปหาหมอแล้วละครับ
รับมืออย่างไรดี : อาการเล็กน้อย สามารถแก้ไขหรือบรรเทาอาการได้โดยเปลี่ยนวิธีกินอาหาร กินอาหารย่อยง่าย มีสารอาหารที่มีคุณค่า อาจเป็นน้ำผลไม้สดกับขนมปังกรอบหรือน้ำขิง และเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง อาการปานกลาง ปรับวิธีการกินและควรกินยาบางชนิดช่วย เช่น ยาแก้หรือบรรเทาอาการอาเจียน ยาช่วยย่อย ยาขับลม อาการรุนแรง ไปนอนโรงพยาบาลเพื่อให้น้ำเกลือเถอะครับ มิฉะนั้นอาจย่ำแย่จากการขาดน้ำได้นะครับ
เส้นเลือดขอด "ดิฉันตั้งครรภ์ครั้งที่ 2 รู้สึกว่าที่ต้นขามีเส้นเลือดปูดออกมาคล้ายกับตัวหนอนเลย ดิฉันเป็นช่างเสริมสวยจึงต้องยืนวันละนานๆ บางครั้งก็รู้สึกปวดที่บริเวณเส้นเลือดที่ขา จะทำอย่างไรดีคะต้องผ่าตัดไหมคะ กลัวจังเลยค่ะ"
สาเหตุ : ขณะตั้งครรภ์ เมื่ออายุครรภ์มากขึ้นมดลูกที่ขยายใหญ่ขึ้นจะไปกดทับหลอดเลือด ดำใหญ่ภายในช่องท้องเหมือนเป็นเชื่อนไปกั้นน้ำทำให้หลอดเลือดดำส่วนที่อยู่ ต่ำกว่ามดลูกมีความดันในหลอดเลือดสูงขึ้น ส่งผลให้หลอดเลือดเล็กๆ บริเวณโคนขา น่อง เท้า ฯลฯ โป่งพองขึ้น โดยปกติภาวะนี้ไม่มีอันตรายหรอกครับ และจะหายได้เองภายหลังคลอด จะมีคุณแม่บางรายเท่านั้น ที่อาจมีเส้นเลือดขอดมาตั้งแต่ก่อนท้อง เมื่อมีการตั้งท้องขึ้นเลยทำให้อาการของเส้นเลือดขอดรุนแรงขึ้น บางคนแลเห็นเส้นเลือดปูดออกมาสีเขียวๆ เหมือนตัวหนอนดูน่ากลัวก็มีครับ
รับมืออย่างไรดี : ควรเปลี่ยนพฤติกรรมการยืน นั่ง และนอนเลี่ยงการเดิน ยืน หรือนั่งห้อยเท้านานๆ ถ้าเลี่ยงไม่ได้ควรใช้ผ้าพันแผลชนิดยืดพันรอบจากเท้ามาถึงใต้หัวเข่าหรือโคน ขา จะช่วยป้องกันไม่ให้เส้นเลือดขอดเป็นมากขึ้น เวลานอนก็ควรหาหมอนมาหนุนให้เท้าสูงๆ เลือดจะได้ไม่ไหลไปกองที่เท้า อาการของเส้นเลือดขอดก็จะลดลง
ริดสีดวงทวาร "ตอนนี้ตั้งท้องได 8 เดือนแล้ว รู้สึกมีก้อนตุงๆ ที่รูก้น ลองเอามือคลำดูก็ไม่เจ็บอะไร จะเป็นอันตรายไหมคะ"
สาเหตุ : ความจริงริดสีดวงทวาร ก็คือหลอดเลือดดำที่อยู่บริเวณทวารหนักนั่นเอง ซึ่งหลอดเลือดดำบริเวณนี้จะมีลักษณะพิเศษก็คือจะรวมกันเป็นกระจุก เวลาคุณแม่ตั้งครรภ์ มดลูกที่มีขนาดใหญ่ขึ้นจะกดหลอดเลือดดำใหญ่ในช่องท้องทำให้เลือดไหลเวียนไม่ ดีและมาคั่งอยู่ที่หลอดเลือดบริเวณก้น ทำให้กระจุกเลือดนี้ปูดออกมาเป็นก้อน เวลาถ่ายอุจจาระไปโดนจะทำให้เจ็บได้ ยิ่งบางคนท้องผูกหรืออุจจาระแข็ง ต้องเบ่งถ่ายเป็นเวลานาน อุจจาระอาจไปครูดกับริดสีดวงทำให้หลอดเลือดฉีกขาด เวลาถ่ายจึงมีเลือดสดปนออกมากับอุจจาระ
รับมืออย่างไรดี : กินผัก ผลไม้ และน้ำให้มากๆ ควรฝึกขับถ่ายให้เป็นเวลา อย่ากั้นอุจจาจจะโดยไม่จำเป็น และใช้ยาระบายเป็นครั้งคราวถ้าจำเป็น 
อืด แน่นท้อง "คุณหมอคะ ตั้งแต่ตั้งท้องเวลากินอะไรเข้าไป ทำไมอืดแน่นท้องง่ายจังเลย บางทีแน่นมากๆ อาเจียนออกมาเลยก็มีค่ะ เป็นอันตรายไหมคะ"
สาเหตุ : เมื่อมีการตั้งครรภ์ ร่างกายของคุณแม่จะมีการสร้างฮอร์โมนจากการตั้งครรภ์ขึ้นมาหลายชนิด ซึ่งมีผลรวมๆ กันทำให้ระบบการย่อยอาหารทำงานช้าลง เวลาทานอาหารคุณแม่จึงรู้สึกอึดอัดและแน่นท้องได้ง่าย
รับมืออย่างไรดี : คุณแม่ควรกินอาหารที่ย่อยง่ายๆ งดเว้นอาหารที่ย่อยยาก เช่น อาหารมันๆ หรืออาหารที่จะทำให้เกิดแก๊สได้ง่าย เช่น น้ำอัดลม และควรกินอาหารครั้งละน้อยๆ แต่บ่อยมื้อขึ้น เพราะถ้าอาหารที่กินเข้าไปย่อยยากหรือไม่ทัน จะทำให้จุกได้
ตกขาว "หนูตั้งครรภ์ได้ 3 เดือนแล้วค่ะ รู้สึกว่ามีตกขาวมากจังเลยค่ะ เพราะติดกางเกงในตลอดเวลา แต่ก็ไม่คันนะคะ ทำไมถึงเป็นและเป็นอันตรายไหมคะ"
สาเหตุ : อาการตกขาวกับคุณแม่ที่ตั้งท้อง แทบจะเรียกว่าของคู่กันเลยก็ว่าได้ ตกขาวในคุณแม่ตั้งท้องมีได้ทั้งตกขาวที่ปกติและผิดปกติ ซึ่งในขณะไม่ตั้งครรภ์ผู้หญิงทุกคนก็จะมีตกขาวมากขึ้น การที่เป็นเช่นนี้ก็เนื่องจากอิทธิพลของฮอร์โมนจากการตั้งครรภ์ การมีตกขาวมากในคุณแม่ที่ตั้งครรภ์เป็นกลไกการปรับตัวตามปกติสำหรับคุณแม่ ที่ตั้งครรภ์ครับ และภายหลังคลอดก็จะหายไปได้เอง
รับมืออย่างไรดี : ตกขาวที่ปกติมักมีลักษณะเป็นมูกสีขาวๆ แต่ถ้าคุณแม่คนใดที่มีตกขาวเปลี่ยนสีไป อาจจะเป็นสีเหลืองหรือเขียวหรือมีอาการบางอย่างร่วมด้วย เช่น คันช่องคลอด หรือปวดในช่องคลอด อย่างนี้ไม่น่าจะปกติและควรจะรีบไปพบคุณหมอ เพราะอาจมีการติดเชื้อในช่องคลอด โดยเฉพาะเชื้อราได้
ง่วงนอน เหนื่อยง่าย "หนูท้อง 3 เดือนค่ะ ไม่รู้ว่าทำไมถึงง่วงนอนง่ายจัง ทั้งที่ตอนกลางคืนก็นอนพอค่ะ"
สาเหตุ : ฮอร์โมนที่สร้างขึ้นขณะตั้งครรภืร่วมกับท้องที่ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จะทำให้คุณแม่รู้สึกหายใจไม่สะดวกหรือไม่เต็มปอด จึงทำให้คุณแม่รู้สึกเหนื่อยง่ายกว่าปกติและง่วงนอนบ่อยครับ
รับมืออย่างไรดี : การพักผ่อนให้มากกว่าช่วงไม่ตั้งครรภ์เป็นสิ่งจำเป็น ถ้าคุณแม่สามารถนอนช่วงกลางวันหรือหลังกินอาหารได้ละก็จะทำให้คุณแม่อาการดี ขึ้นได้ครับ อาการต่างๆ ที่เล่ามาข้างต้นสามารถพบได้ในคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ส่วนมาก ส่วนอาการจะรุนแรงมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับคุณแม่แต่ละคนครับ
บางคนก็เป็นมากบางคนก็เป็นน้อย อาการต่างๆ เหล่านี้มักจะหายไปได้เองภายหลังคลอดไปแล้ว คุณแม่จึงไม่ควรจะกังวลมากเกินไป อย่างไรก็ตามถ้าไม่แน่ใจหรือไม่สบายใจว่าอาการเหล่านี้จะเป็นอันตรายหรือไม่ ก็ควรปรึกษากับคุณหมอที่ดูแลคุณแม่อยู่นะครับ


ที่มา  https://www.108health.com/108health/topic_detail.php?mtopic_id=98&sub_id=43&ref_main_id=11

อัพเดทล่าสุด