ผลดีทางการแพทย์ แต่เป็นผลเสียของผู้เสพ
นักวิจัยได้รายงานว่า การสูบกัญชาเป็นสาเหตุทำให้เกิดกระบวนการเปลี่ยนแปลงของยีน ทำให้ยีนถูกทำลายและยังเป็นสาเหตุของโรคมะเร็งเช่นเดียวกับการสูบบุหรี่ ดร.มาริเนล แอมเมนฮิวเซอร์ แห่งคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเท็กซัส เมืองกัลเวสตัน กล่าวว่า การสูบกัญชาแม้เพียงเล็กน้อยแต่เป็นประจำจะเป็นโรคร้ายแรงได้เท่ากับการสูบบุหรี่ทีเดียว โดยเฉพาะมีผลกระทบเป็นอันตรายต่อเด็กที่อยู่ในครรภ์มารดา ซึ่งเป็นไปได้ที่จะเกิดความผิดปกติในการให้กำเนิดบุตรหรือทำให้เกิดมะเร็งกับเด็กทารกหลังคลอด ผลงานวิจัยนี้ตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสาร “Mutation Reserch” |
จากการสำรวจพบว่า ร้อยละของเด็กวัยรุ่นที่เชื่อว่ากัญชาเป็นยา เสพย์ติดที่มีอันตรายน้อยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับบุหรี่และแอลกอฮอล์ แอมเมนฮิวเซอร์เน้นว่าวัยรุ่นหญิงส่วนใหญ่บอกกับคณะนักวิจัยอย่างมั่นใจว่า “พวกเขาไม่ได้สูบบุหรี่ แต่เคยสูบกัญชา” คณะนักวิจัยนำเลือดตัวอย่างจากหญิงวัยรุ่น ๑๗ คน โดยคัดเลือกคนไข้ของคณะวิจัยชุดนี้และจากคลินิกสูตินรีทั่วไป มาตรวจดีเอ็นเอและนำไปเปรียบเทียบกับหญิงวัยรุ่น ๑๗ คนที่มีสุขภาพดีโดยไม่ได้เป็น ผู้ที่สูบบุหรี่และสูบกัญชา นักวิจัยให้ความสนใจเรื่องของดีเอ็นเอเป็นพิเศษ จึงพบว่าเกิดกระบวนการเปลี่ยนแปลงยีนเอชพีอาร์ที (hprt)ผู้ ใช้กัญชาสามครั้ง จะเกิดการเปลี่ยนแปลง ในยีนเท่ากับผู้ที่ไม่ได้ใช้ ถ้ามีการสูบต่อไปเรื่อยๆ ผู้ที่ใช้กัญชาจะมีอัตราการเปลี่ยนแปลงในยีน (hprt) สูงขึ้นมากกว่าคนที่สูบบุหรี่ (๕ ถึง ๘ มวนต่อวัน) กระบวนการเปลี่ยนแปลงดีเอ็นเอมีสาเหตุแท้จริงมาจากการ สูบกัญชา นอกจากนี้ยังพบการเติบโตของเซลล์มะเร็งในคนที่สูบกัญชาด้วย ในการวิจัยที่ผ่านมาจะพบว่า กลุ่มคนที่สูบกัญชาจะเป็นมะเร็งในส่วนต่างๆ ได้แก่ ลิ้น, ปอด, สมอง, ลำคอ และในหญิงตั้งครรภ์มีโอกาสที่จะเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว หากหญิงคนนั้นยังคงสูบกัญชาในระหว่างตั้งครรภ์ ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์เชื่อว่า ความเสี่ยงของการเป็นมะเร็งจากการสูบกัญชาเป็นประจำจะปรากฏชัดขึ้นภายใน ๑๐-๒๐ ปี ข้างหน้านี้ ซึ่งจะเป็นไปในลักษณะเช่นเดียวกับการขยายตัว ความเสี่ยงของคนเป็นมะเร็งที่เกิดจากการสูบบุหรี่เป็นประจำในทศวรรษที่ ๑๙๖๐ ถึง ๑๙๗๐ และนี่คือการค้นพบที่จะทำให้เกิดความคิดในการหาวิธีป้องกันและหยุดยั้งให้ผู้คนเลิกสูบกัญชา เนื่องจากการค้นพบครั้งนี้เป็นการค้นพบมะเร็งที่เกิดจากการสูบกัญชาในระยะเริ่มต้น ซึ่งหากไม่มีการป้องกันแก้ไขจะพบกับปัญหาในด้านการที่ยีนถูกทำลาย และการนำสารก่อมะเร็งเข้าสู่ร่างกายที่ลุกลามใหญ่โตในอนาคต |
ที่มา https://www.108health.com/108health/topic_detail.php?mtopic_id=2097&sub_id=14&ref_main_id=3