ฝังเข็ม...การรักษาแบบโบราณที่ทันสมัย


832 ผู้ชม


แม้การแพทย์ในปัจจุบันจะเจริญรุดหน้า ไปมากสักเพียงไร แต่ต้องยอมรับว่า โรคและ อาการผิดปกติบางอย่าง ยังไม่มีวิธีการรักษาใดที่ได้ผลดีเป็นที่พอใจ          แม้การแพทย์ในปัจจุบันจะเจริญรุดหน้า ไปมากสักเพียงไร แต่ต้องยอมรับว่า โรคและ อาการผิดปกติบางอย่าง ยังไม่มีวิธีการรักษาใดที่ได้ผลดีเป็นที่พอใจ 
ต่อให้ใช้ เครื่องมือ และยาที่มีราคาแพงที่สุด ผู้ป่วยอัมพาตก็ยัง ไม่ดีขึ้น ต่อให้มียาแก้ปวดหัวไมเกรนเม็ดละ 200 บาทมากิน โรคก็มิได้หายขาด ในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า ก็อาจจะ กลับมาปวดใหม่ ในปัจจุบันโรคที่รักษายากทั้งหลาย มีการวิจัยยาหรือเครื่องมือที่มีราคาแพงขึ้นทุกที เช่น ยาลดไขมันในโลหิตเม็ดละ 60 บาท ยาแก้อาเจียนเข็ม ละ 800 บาท ยาเหล่านี้ ทำให้ ทั้งคนไข้และประเทศของ เราจนลง เพราะต้องซื้อจากต่างประเทศนำเข้ามา การแพทย์แผนใหม่...ก้าวไปข้างหน้าแต่ลืมเหลียวมองข้างหลัง ในโลกปัจจุบันทั้งหมดและประชาชนถูกสอน ให้เชื่อแต่สิ่งที่อธิบาย พิสูจน์ได้ ดังนั้น การรักษาที่ บรรพบุรุษของเราเคยอาศัยใช้ดำรงชีวิต และได้ผลดี หลายอย่างจึงมิได้ถูก สนใจหันมามอง เป็นที่น่าเสียดายที่เราคิดแต่จะหยิบฉวยแต่สิ่ง ที่จะมีมาในอนาคต โดยมิได้นำเอาความรู้ ที่สะสมมา นานนับร้อยนับพันปี เฉพาะที่ได้ผลดีมาใช้รักษาโรค ภัยไข้เจ็บ...เราได้ทิ้งมัน ไปเฉยๆ ทั้งๆที่มีการรักษาโรค ที่ดีอยู่ใกล้ตัวเรา แต่เราหลับตามองมัน เราจึงไม่เห็น เช่น การนวดแผนไทย (ของแท้) ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าเป็น วิธีการนวดที่ดีที่สุดในโลก การรักษา โดยการปักเข็ม แบบจีน ซึ่งใช้รักษาประชาชนจีนและคนในโลกมานาน เป็นพันๆปี...ไม่เชื่อ ถามท่านซือกงดู ว่าควรปล่อยให้ การรักษาดีๆแบบนี้ลอยนวลอยู่ โดยไม่นำมาใช้รักษา ผู้ป่วยหรือเปล่า อดีตอันรุ่งเรือง การฝังเข็มนับว่ามีมาช้านานราว 4,000 ปีใน ประเทศจีน แต่หลักฐานแน่ชัดถูกบันทึกครั้งแรก พบเข็ม ที่ทำจากหินเมื่อ 2,500 ปีกว่าๆ 2,000 ปีก่อนในราชวงศ์ ฮั่นมีการบันทึกตำราแพทย์ เกี่ยวกับการฝังเข็มและมี การพัฒนาเข็มที่ทำด้วยเงินและทอง และการฝังเข็ม ถือเป็น การรักษามาตรฐานที่ดีที่สุด การฝังเข็มนั้นคาดว่าได้เข้ามาในเมืองไทย เมื่อมีการติดต่อกับจีนในสมัยพ่อขุนรามคำแหง ประมาณ 700 ปีก่อน และกระจายสู่ประเทศอังกฤษ เมื่อ 125 ปีก่อน จากนั้นไปสู่ยุโรป ญี่ปุ่น ตั้งแต่ปี 1898 มีรายงานการรักษาผู้ป่วยจาก ยุโรปเป็นระยะ และเป็นที่นิยมใน ฝรั่งเศส และเยอรมัน ในกรุงปารีสมีการจัดตั้งสมาคมฝังเข็มนานาชาติ ส่วนอเมริกาเริ่มตื่นตัวเมื่อประธานาธิบดี Nixon เดินทางไปเยือนจีนปี 1972 และได้มี การแสดง การฝังเข็มแทนการดมยาสลบให้ผู้ป่วยเพื่อทำผ่าตัด จากนั้นมีงานวิจัยมากมาย ทั้งในด้านผลการ รักษา และกลไกที่อธิบายการรักษาแบบ ฝังเข็ม... โลกทั้งโลกจึงเข้าใจว่า มันเป็นวิธีรักษาที่ดีที่สุดวิธีหนึ่ง และมิใช่เรื่องมาโกหก เล่นๆอีกต่อไป ความลึกลับที่ค่อยๆถูกเฉลย ในปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์และแพทย์ได้พบ หลักฐานที่นำมาอธิบายผลของการรักษา ด้วยการฝัง เข็มได้หลายอย่าง เช่น การปักเข็มลงบนจุดฝังเข็มทำ ให้เกิดการหลั่งของสาร คล้ายมอร์ฟีนในประสาทส่วน กลางทั้งสมองและไขสันหลัง รวมทั้งประสาทส่วน ปลาย สารเหล่านี้ก็ให้ผลระงับปวดได้เช่นเดียวกับที่เรา ฉีดมอร์ฟีนในผู้ป่วย แต่ปลอดภัยกว่าเพราะ เป็นสิ่งที่ร่าง กายสร้างขึ้นเอง การฝังเข็ม ยังทำให้ระบบประสาทหลั่งสารออก มาหลายอย่าง และสามารถยับยั้ง อาการเกร็งของ กล้ามเนื้อ ทำให้อาการปวดเกร็งของกล้ามเนื้อและเส้น เอ็นหมดไป ผู้ป่วยที่เป็นอัมพาตก็จะสามารถขยับ เขยื้อนแขนขาได้ดีขึ้น การฝังเข็ม ทำให้เพิ่มการไหลเวียนเลือดและ สารจำเป็น (micro circulation) ทำให้บริเวณ นั้นมีการ ซ่อมแซมตัวเองได้รวดเร็วขึ้น อาการบวม ฟกช้ำ เลือดคั่ง ก็จะหายเร็วขึ้น งานวิจัยในโรคเส้นโลหิตในสมองแตก พบว่า ผู้ป่วยที่ฝังเข็มจะมีเลือดคั่งในสมองลดจำนวนลงได้ รวดเร็วกว่าพวกที่ให้กินยาอย่างเดียว ซึ่งสามารถ พิสูจน์ได้จากเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ของสมอง ในผู้ป่วยอัมพาตจากเส้นโลหิตตีบ กลุ่มที่ฝังเข็มรักษามีอัตราเร็วของการฟื้นตัวมากกว่าและ ทุพพลภาพน้อยกว่ากลุ่มที่รักษาด้วยยาอย่างเดียว (Sallstrom et al 1995) ในผู้ป่วยปวดศีรษะไมเกรนพบว่าจากการ ศึกษา ติดตามผลนาน 3 ปี ผู้ป่วยกลุ่มที่ทำ ฝังเข็มใช้ยา น้อยลงประมาณ 50% เพราะอาการดีขึ้น (Baischer 1995) การฝังเข็ม ยังมีผลโดยตรงต่อระบบประสาท อัตโนมัติ จุดฝังเข็มบริเวณหน้าแข้งสามารถทำให้การ บีบตัวของลำไส้ และกระเพาะอาหารลดลง อาการปวด ท้องจึงหายไปได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว จุดฝังเข็มบริเวณข้อมือและแขนท่อนล่างยังมี การตอบสนองให้ความดันโลหิตที่สูงเกิน ไปกลับเป็น ปกติ และภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะกลับเป็นปกติได้ การฝังเข็มเชยหรือทันสมัย ข้อมูลล่าสุด ณ เวลานี้ โรงเรียนแพทย์ในสหรัฐ อเมริกาประมาณ 60 กว่า% มีแผนกฝังเข็ม หรือมีการ เรียนการสอนวิชาฝังเข็มอยู่ องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้จัดประชุม แพทย์ผู้เชี่ยวชาญการฝังเข็มจากนานาประเทศ ครั้งแรกของโลกในกรุงปักกิ่ง เมื่อปี ค.ศ. 1979 และได้ กำหนดรายชื่อโรคที่แนะนำให้ การฝังเข็มเป็นทางเลือก ในการรักษาไว้ 43 โรค ต่อมา 1995 ได้จัดประชุมครั้งที่ 2 และได้ เพิ่มรายชื่อโรคเป็น 58 โรค ในปัจจุบันพบว่ามีโรคมากกว่ารายชื่อเหล่านี้ ที่นำการฝังเข็มรักษามาช่วยสนับสนุน การรักษาแผน ปัจจุบันได้ดี อยากจะกล่าว ณ ที่นี้ว่าหากท่านยังมองข้าม การรักษาชนิดนี้ไป นับว่าเชยอย่างยิ่ง ยิ่งเป็นโรคที่หาทางรักษาทางใดก็ไม่ได้ดี ควร คิดว่าอาจมีอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยได้ อย่าทำตัว เหมือนคน หิวกระหายน้ำกลางทะเลทราย ยังซมซานหาแหล่งน้ำ แต่ลืมไปว่าตัวเอง กำลังสะพายกระติกซึ่งมีน้ำบรรจุอยู่ การฝังเข็มแพทย์แผนโบราณ หรือแผนปัจจุบัน คำตอบไม่มี อยู่ที่คนคิดและคนปฏิบัติ จะไป สนใจอยู่ทำไม ในเมื่อมีการรักษาอยู่ อย่างหนึ่งที่ทำให้ คุณหายได้ โดยไม่มีอันตรายและไม่ต้องเสี่ยงต่อการแพ้ยา โดยส่วนตัวเห็นว่าหากเราทำแบบโบราณ ก็จะ เป็นแผนโบราณ หากเราคิดวิเคราะห์โรค แบบแผน ปัจจุบันและนำมันมาใช้แบบปัจจุบันก็ย่อมทำได้ แนวคิดในการรักษาแบบจีนแนวคิดของแพทย์แผนจีนอธิบายว่าโรคเกิด จากการเสียความสมดุลย์ระหว่าง Yin-Yang Yin (หยิน) และ Yang (หยาง) เป็น 2 อย่างที่อยู่ตรงข้าม กันเสมอ เช่น เย็นกับร้อน หยุดนิ่ง-เคลื่อนไหว เป็นต้น การเสียความสมดุลอันนี้อาจเกิดจากอิทธิพล จากภายนอก เช่น ดินฟ้าอากาศ ความร้อน, หนาว เชื้อโรค อาหาร และสารพิษ... หรือเป็นมาจากภายใน การปักเข็มลงบนจุดฝังเข็มจะช่วยปรับสมดุลย์ ให้กลับมาใหม่ และช่วยกระตุ้นให้มีการ บูรณาการ ซ่อม แซมตามธรรมชาติ อวัยวะต่างๆในร่างกายจะมีพลังของมัน (vital energy) เราอาจเรียกแบบหนังจีนว่า พลังลมปราณ (Qi - ซี่) พลังเหล่านี้จะมีทิศทางไหลเวียนโคจรไปตามร่าง กายที่ถูกต้อง แน่นอน เช่น ซี่ของกระเพาะจะต้องไหลลง อาหารจึงไปสู่ลำไส้ได้ หากซี่ของกระเพาะ โคจรกลับ ทางเป็นขึ้น ก็จะเกิดอาการผิดปกติ คือ อาเจียน การไหลเวียนของพลังอวัยวะต่างๆหากผิด ทิศทางหรือเกิดการอุดกลั้นเดินไม่สะดวก ก็จะเกิด อาการของโรค เกิดความเจ็บปวด เกิดเลือดคั่ง ของเสียคั่ง การปักเข็มจะช่วยทะลุทะลวงให้ลมปราณ ไหลเวียนได้ใหม่ และปรับทิศทางให้ถูกต้อง อาการ ปวดและความผิดปกติของอวัยวะนั้นก็จะหายได้ รู้ได้ยังไง ว่าจุดไหนรักษาโรคได้ คนจีนในอดีตใช้เวลา 4,000 ปีในการทดลอง ทดสอบและบันทึกต่อเนื่องกันมาแก้ไขกันไป ไม่น่า แปลกใจเลยว่า การบ้านที่ยากขนาดนี้จะทำเสร็จส่งมา ให้พวกเราได้ศึกษาต่อใน ลักษณะค่อนข้างสมบูรณ์ จุดฝังเข็มเหล่านี้เป็นที่น่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง เมื่อ มีผู้คิดค้นเครื่องมือ สำหรับค้นหาจุดฝังเข็ม และพบว่า จุดต่างๆที่แพทย์จีนได้บันทึกไว้ ล้วนแล้วแต่เป็นจุดที่มี ความต้านทานไฟฟ้า ต่ำทั้งสิ้น หมายความว่าเมื่อเรา กระตุ้นจุดเหล่านี้ด้วยพลังงาน แม้เพียงจำนวนน้อย ก็มีผล ต่อร่างกายมากกว่าจุดอื่นๆบนผิวหนัง แล้วคน จีนโบราณรู้ได้อย่างไรว่าเป็นจุดที่มี ความต้านทาน ไฟฟ้าต่ำ?? น่าฉงนไหมในความฉลาดของท่านเหล่านั้น จุดฝังเข็มและเส้นทางลมปราณ ในร่างกายมนุษย์จะมีเส้นลมปราณที่เป็น ทิศทางการไหลเวียนของอวัยวะต่างๆหลักๆอยู่ 12 เส้น และเส้นพิเศษอีกจำนวนหนึ่ง จุดฝังเข็มนั้นเป็นจุดที่มีอิทธิพลต่ออวัยวะ ต่างๆ และอาการต่างๆ จุดเหล่านี้วางเรียงรายตาม แนวเส้นเหล่านี้ โดยมีความตื้นลึกจากผิวหนังแตก ต่างกัน หากเราปักจุดที่ถูกต้องก็จะมีผลในการรักษา โรคของอวัยวะต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ ฝังเข็มหรือ...น่ากลัวจัง คนที่กลัวคือคนที่ไม่รู้ มนุษย์มีสัญชาตญาณ ในการกลัวสิ่งที่มองไม่เห็นเสมอ จริงๆแล้วคำว่า “ฝังเข็ม” เป็นการบัญญัติศัพท์ผิดมาตั้งแต่ต้น เพราะเรา มิได้ฝังมันเข้าไว้ในตัว แต่เราปักเข็ม ลงบนจุดรักษา แล้วคาเข็มไว้ 20-30 นาที อาจจะกระตุ้นไฟฟ้าเบาๆ จากถ่านไฟฉาย เพื่อ ให้ผลการรักษาดีขึ้น หรือกระตุ้น ด้วยมือแบบต้นฉบับของจีนก็ได้ เข็มที่ใช้ก็แสนจะเล็ก บางเฉียบ เช่น โตเพียง 0.20, 0.22, 0.25, 0.30 มม. คือหนากว่า เส้นผมหน่อย เดียว หากใช้เข็มแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งก็จะปลอดเชื้อแน่ นอน เข็มที่ใช้ปักไม่คมแบบเข็มฉีดยา จึงไม่ค่อยเจ็บ และแม้ถอนเข็มออกเลือดก็ไม่ค่อยจะออก เหมือนเข็ม แทรกลงไประหว่างเนื้อเยื่อ มิได้ตัดเนื้อเยื่อแบบเข็มฉีดยา ผู้ป่วยส่วนใหญ่ ติดใจ และขอให้ช่วยทำให้อีก จนหายจากโรค...ข้อดีของการฝังเข็มที่น่าสนใจ 1. เมื่อเราปักเข็ม ถามว่าจะเห็นผลเมื่อไหร่ ต้องตอบว่าเมื่อเราปักเข็มลงตรงผิวหนัง เราก็จะมอง เห็นเงาของมันทันที นั่นคือมันรักษาโรคทันที 2. การรักษาแขนงฝังเข็มเป็นการรักษาแบบ 2 ทิศทาง เพราะมันช่วยปรับสมดุล ยกตัวอย่างเช่น - ความดันโลหิตสูง การปักเข็มจะทำให้ความดันโลหิตลดลงมาจนปกติ แต่จะไม่เว่อร์ไปจนความดัน โลหิตต่ำเหมือนการกินยา - หัวใจเต้นเร็วผิดจังหวะก็เช่นเดียวกัน จะ ค่อยๆกลับมาเต้นเท่าปกติ แต่ไม่ใช่จากเร็วกลายเป็น ช้าเกินไป - อาการปวดท้องเกร็งในลำไส้ เพราะลำไส้บีบ ตัวมากเกินไป เมื่อปักเข็มก็จะบีบตัว ลดลงจนเป็นปกติ แต่ไม่ลดมากไปจนไม่เคลื่อนไหวจนท้องอืด ท้องผูก แบบกินยา 3. ไม่ใช่แก้ปวดแบบยาแก้ปวดอย่างเดียว แต่ ยังช่วยปรับการทำงานของอวัยวะเป็นการ รักษาโรค ไปพร้อมกันเลย เช่น มีผู้ป่วยปวดประจำเดือนทุกเดือน จนวันหนึ่งปวดมาก หลังจากทำฝังเข็ม 1 เข็มที่หน้าแข้ง และกระตุ้นด้วย.... มีอาการเย็นๆในท้อง และหายปวด สนิท ภายในเวลา 5 นาที จากวันนั้นจนวันนี้นาน 3 เดือนเศษ อาการปวดประจำเดือน ไม่มีอีกเลย 4. ไม่ต้องเสี่ยงต่อการแพ้ยา และปฏิกิริยาของ ยาที่มีต่อกัน คนเราไม่ใช่กระปุกอ� 
ที่มา https://www.108health.com/108health/topic_detail.php?mtopic_id=306&sub_id=11&ref_main_id=3

อัพเดทล่าสุด