โรคไข้หวัดใหญ่ หรือ Flu นับเป็นอันตราย ซึ่งบางครั้งอาจทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนเป็นอันตรายถึงชีวิต โดยเฉพาะกลุ่มที่มีโอกาสติดเชื้อสูง ได้แก่ เด็กเล็กและผู้สูงอายุ... จากสถิติขององคืการอนามัยโลกพบว่าในแต่ละปี มีผู้เสียชีวิตจากการเกิดภาวะโรคแทรกซ้อนที่มีสาเหตุมาจากการติดเชื้อโรคไข้หวัดใหญ่กว่า 250,000 ถึง 500,000 รายทั่วโลก และพบว่ายังมีผู้ป่วยอีกหลายล้านรายที่ต้องเข้ารักษาตัวจากโรคปอดบวม ที่มีสาเหตุมาจากการติดเชื้อโรคไข้หวัดใหญ่ การฉีดวัคซีน ป้องกันไข้หวัดใหญ่ปีละ 1 ครั้ง นับเป็นวิธีการป้องกันการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ และป้องกันการเกิดโรคแทรกซ้อนต่างๆ ได้ดี แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ในประเทศไทย การฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ยังไม่เป็นที่แพร่หลายเท่าที่ควร เชื้อไข้หวัดใหญ่ สามารถแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในช่วยฤดูกาลระบาด นำมาซึ่งความเสียหายทางด้านเศรษฐกิจ ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล ค่าดูแลรักษาสุขภาพ และการสูญเสีย ความสามารถในด้านการผลิต สำหรับในประเทศไทย โอกาสในการแพร่ระบาดของเชื้อไข้หวัดใหญ่จะพบมากในช่วงฤดูฝน และจะลุกลามอย่างรวดเร็วในช่วยระหว่างเดือนพฤษภาคมไปจนถึงเดือนตุลาคม วัคซีนไข้หวัดใหญ่ เด็กเริ่มฉีดได้ตั้งแต่อายุ 6 เดือนขึ้นไป วิธีป้องกันไข้หวัดใหญ่ที่ดีที่สุด คือ การฉีดวัคซีน คนทั่วไปยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ เนื่องจากขาดความตระหนักถึงความรุนแรง และความเสียหายที่เกิดจากการติดเชื้อ ซึ่งปัจจุบันการรับการฉีดวัคซีนป้งอกันการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ สามารถรับได้จากสถานพยาบาลทั่วไป และด้วยระบบการให้บริการด้านการดูแลสุขภาพของประเทศไทยที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น จึงน่าจะเอื้ออำนวยต่อการรับการฉีดวัคซีนของประชาชนทั่วไปให้เป็นที่แพร่หลายและง่ายมากขึ้น วัคซีนป้องกันการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ล่าสุดได้เข้ามาถึงประเทศไทยแล้ว กระทรวงสาธารณสุขให้คำแนะนำการใช้วัคซีนไข้หวัดใหญ่ กับบุคคลทั่วไปว่าควรได้รับการฉีดวัคซีนอย่างน้อย 2 อาทิตย์ก่อนที่จะเริ่มฤดูระบาดของเชื้อในเดือนพฤษภาคม ซึ่งเวลาดังกล่าวจะทำให้ร่างกายมีเวลาเพียงพอที่จะสร้างภูมิคุ้มกัน องค์การอนามัยโลก (WHO) ออกมาให้คำแนะนำว่าผู้สูงอายุที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป และผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็กเล็ก ผู้ที่มีโรคประจำตัว ควรได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันก่อนที่จะถึงฤดูกาลระบาดของไข้หวัดใหญ่ ซึ่งข้อแนะนำในการฉีดวัคซีนป้องกันนี้ ยังสามารถใช้กับบุคคลทั่วไปที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ และเป็นอันตรายเกิดโรคแทรกซ้อน วิธีการรักษาสุขอนามัยที่สามารถช่วยป้องกันการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ ปิดจมูก และปากด้วยกระดาษชำระเมื่อมีการไอและจาม ล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่ โดยเฉพาะหลังจากไอและจาม หลีกเลี่ยงการสัมผัสดวงตา จมูก และปาก เนื่องจากเชื้อโรคมักจะแพร่กระจายด้วยวิธีนี้ ในกรณีที่เด็กไม่สบาย ควรให้นอนพักผ่อนอยู่ที่บ้านช่วยลดการแพร่เชื้อที่โรงเรียน สอบถามรายละเีอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์กุมารเวช โทร. 039-319-888
ที่มา https://www.108health.com/108health/topic_detail.php?mtopic_id=156&sub_id=52&ref_main_id=3