การศึกษาพบว่า แม่ที่ทำงานกะกลางคืนหรือเปลี่ยนกะบ่อย จะทำให้ลูกมีพัฒนาการช้า!


844 ผู้ชม


การศึกษาล่าสุด ตีพิมพ์ลงในวารสารการพัฒนาเด็ก (journal of child development) นำความวิตกมายังแม่ที่เป็น แพทย์ พยาบาล หรือผู้ที่ทำงานกลางคืน หรือเปลี่ยนกะอยู่เรื่อยๆ เพราะพบว่า มีเวลาฝึกพัฒนาการลูกแย่กว่าผู้ที่ทำงานปกติชัดเจน 

WebMD 10-2-2005

จากประสบการณ์ที่เคยสัมผัสพยาบาลที่ทำงานกะกลางคืนและมีลูกน้อยวัย 1-3ขวบ พบว่า แม้แม่จะพยายามไม่เอาเด็กไปไว้ที่ศูนย์บริบาลหรือ day care center พัฒนาการของเด็ก โดยเฉพาะภาษาก็ด้อยกว่าเด็กคนอื่น

ก้อย เป็นพยาบาลของโรงพยาบาลของรัฐที่อยู่อำเภอชนบทแห่งหนึ่ง เธอ และรุ่นพี่ของเธออีกสองคนต้องผลัดกันอยู่เวรในตึกอายุรกรรมแทบไม่มีเวลาพัก เนื่องจากเธออาวุโสน้อยที่สุด จึงเลือกที่จะอยู่เวรดึกตลอด และให้เวลากับลูกตอนกลางวัน ก้อยเล่าให้เราฟังว่า ดูเหมือนว่าเวลาที่เธอให้ลูกกลางวัน จะสูญเปล่า เธอมีเวลา"ที่จะอยู่" แต่ "ไม่ได้พูดคุยหรือสอน" เนื่องจากต้องพักผ่อนและเวลาส่วนใหญ่คือ นอน ทำงานบ้าน และแค่นั้นก็เหนื่อยจนไม่มีเวลาคุย ลูกของเธอ การพูดคุยช้ากว่าเด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน และแม้เมื่อเทียบกับเพื่อนบ้าน ที่ทำงานอยู่ที่อำเภอตอนกลางวัน และฝากลูกไปเลี้ยงในศูนย์รับเลี้ยงเด็ก "ปรากฎว่า เด็กที่อยู่ในศูนย์ มีพัฒนาการดีกว่าลูกของเธอ" เธอกล่าว "แต่เธอก็ยังไม่วางใจที่จะให้ลูกไปอยู่ที่ศูนย์ "ทำไมต้องไป ในเมื่อกลางวัน เธอก็อยู่กับลูกตลอด " เธอให้เหตุผล

จากประสบการณ์ช่างคล้ายคลึงจากผลการศึกษา ซึ่งจัดทำโดย มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย โดย Han หัวหน้าคณะศึกษากล่าวว่า "เราทราบว่า การทำงานในเวลาผิดธรรมชาติ ทำให้ร่างกายเรามีการปรับ โดยจะมีอาการง่วงนอนในเวลากลางวัน และเมื่อแม่ง่วงนอน ก็ไม่อาจจะสอนอะไรเด็กได้มากนัก"

การศึกษา กระทำโดยแบบสอบถามและสังเกต เด็กจากครอบครัว 700 คน ที่แม่ทำงานเต็มเวลา และเด็กอายุภายใน 3 ขวบแรก แบ่งเป็นครึ่งหนึ่งที่แม่ทำงานในเวลากลางวันปกติ อีกครึ่ง แม่ทำงานเป็นกะ หรือทำงานกลางคืน

ครอบครัวส่วนใหญ่คือ 80% มีฐานะปานกลางถึงดี อายุเฉลี่ยของแม่คือ 28 ปี  ภายหลังจากตัดปัจจัยอื่น ๆ ที่มีผลต่อการพัฒนาการของเด็กเช่น  การบกพร่องทางการเรียนรู้learning disability (LD)  ปัญหาเด็กไม่พูดหรือพูดช้า แล้ว พบว่า เด็กที่แม่ทำงานกลางคืน หรือทำงานเป็นกะ มีพัฒนาการ ทางด้านภาษา ความเข้าใจ ความจำ การแก้ปัญหา แย่กว่าเด็กที่แม่ทำงานในเวลาปกติชัดเจน และยิ่งกว่านั้นก็คือ ผลกระทบที่แย่นี้ พอๆกันกับการที่แม่เด็กมีการศึกษาต่ำ หรือแม่มีฐานะยากจน

ทำอย่างไรจึงจะหลีกเลี่ยงผลกระทบนี้

ผู้หญิงทำงาน บางครั้งมีเวลาน้อยที่บ้าน และมีงานที่จะต้องทำอีกมากมายในลิสต์รายการ และบางครั้ง เวลาไม่พอที่จะทำได้ทั้งหมด ดังนั้น จึงต้องจัดการกับงานที่สำคัญที่สุดก่อน คือเด็ก ๆ ก่อนที่จะทำงานบ้าน เราต้องรู้ว่าเราไม่สามารถทำงานทุกอย่างได้หมด อาจต้องปล่อยงานที่สำคัญน้อยที่สุดไปบ้างเช่น ตัดหญ้า

การทำงานที่บ้าน ก้เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง อาจต้องอาศัยเพื่อน ญาติ ช่วยบ้างในบางครั้ง 

จากการวิจัยพบว่า แม่ที่ทำงานในเวลาผิดธรรมดา มักจะไม่ค่อยให้ลูกไปสถานเลี้ยงเด็ก แต่ในความเป็นจริง สถานเลี้ยงเด็กบางที่ เสริมสร้างพัฒนาการให้เด็กมากกว่าแม่ที่ไม่มีเวลาคุยด้วยเสียอีก ดังนั้น ถ้าหากเป็นไปไม่ได้ที่จะเปลี่ยนเวลา หรือออกจากงาน การส่งเด็กไปสถานเลี้ยงก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่ไม่เลว
ที่มา https://www.thaihealth.net/h/article566.html

อัพเดทล่าสุด