อันตรายเมื่อคุณเข้าข่าย ความอ้วน


1,252 ผู้ชม


ถ้าความสุขของคุณคือการทานอาหาร อย่างไม่หยุดปาก เห็นอะไรเป็นต้องอยากทานไปเสียหมด จนทำให้น้ำหนักตัวของคุณเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ของคุณก็ย่อมตามาแน่นอน งั้นเราไปรู้อันตรายการความอ้วนกันดีกว่าค่ะ         ถ้าความสุขของคุณคือการทานอาหาร อย่างไม่หยุดปาก เห็นอะไรเป็นต้องอยากทานไปเสียหมด จนทำให้น้ำหนักตัวของคุณเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ของคุณก็ย่อมตามาแน่นอน งั้นเราไปรู้อันตรายการความอ้วนกันดีกว่าค่ะ 
อันตรายเมื่อคุณเข้าข่าย ความอ้วน

อันตรายเมื่อคุณเข้าข่าย ความอ้วน

น้ำหนักที่เพิ่มขึ้น อาจทำให้ตัวคุณเองดูอึกอัดหรือทำอะไรก็ไม่ค่อยตัว ถึงเวลาแล้วที่คุณจะต้องลดน้ำหนักของคุณทันที..เพราะ ถ้าคุณยังให้ตัวเองมีน้ำหนักเพิ่มมากขึ้นมาทุกวัน แน่นอนว่าโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ที่มาพร้อมกับความอ้วนของคุณจะทำให้ร่างกายของคุณโดยทำร้ายไปทุกวันแน่นอน ค่ะ และ 10 อันตรายต่อไปนี้ที่มาพร้อมกับความอ้วนของคุณค่ะ
1.โรคหัวใจวาย
พฤติกรรมการกินผิด ๆ เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน เช่น กินอาหารที่มีปริมาณไขมันมากหรือมีคอเลสเตอรอล (ชนิดเลว: LDL) สูง ได้แก่ เนื้อสัตว์ติดมัน เครื่องในสัตว์ ไข่ นม เนย พืช บางชนิด ฯลฯ เมื่อกินเข้าไปมาก ร่างกายเผาผลาญไม่หมด ไขมันและคอเลสเตอรอลจะถูกเก็บไว้ในเซลล์ไขมัน บางส่วนเวียนว่ายอยู่ในกระแสเลือด ยิ่งนานวันระดับไขมันและคอเลสเตอรอลจะยิ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งหากไปตรวจเลือด แล้วพบว่าสูงเกินกว่า 200 มิลลิกรัม ถือเป็นระดับเสี่ยงต่อการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตันได้เลยค่ะ
อาการ
ผู้ป่วยมักมีอาการเจ็บหน้าอกรุนแรง กินเวลานานและถี่ขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งเป็นผลจากไขมันและคอเลสเตอรอลในเลือดเข้าเกาะจับผนังหลอดเลือดหัวใจจนเกิดการอุดตัน ไม่สามารถผ่านเข้า - ออกเพื่อหล่อเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจได้ กระทั่งหัวใจล้มเหลวหรือหัวใจวายในที่สุด กรณีเดียวกัน หากเกิดที่เส้นเลือดในสมองก็จะกลายเป็นอัมพาต เกิดที่เส้นเลือดหล่อเลี้ยงไตก็เป็นโรคไตวาย
2.โรคความดันเลือดสูง
โรคนี้ได้ชื่อว่าเป็นฆาตกรเงียบเพราะผู้ป่วยส่วนใหญ่ไม่มีอาการผิดปกติ รู้ตัวอีกทีอาจรุนแรงถึงขั้นเส้นเลือดในสมองตีบตันและแตกได้ง่าย กลายเป็นอัมพาต อัมพฤกษ์ เป็นโรคหัวใจโต เป็นโรคไต ปัสสาวะเป็นเลือด
ความรู้สึกทางเพศลดลง หรือตาบอด  

แม้ความอ้วนไม่เชิงเป็นสาเหตุของโรคนี้เสียทีเดียว แต่ก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ความดันเลือดสูงกว่าระดับปรกติ เนื่องจากพอน้ำหนักตัวเพิ่มมากขึ้น หัวใจจะทำงานหนักตาม เพราะต้องส่งเลือดไปเลี้ยงให้ทั่วถึงทุกส่วน
ของร่างกาย ถ้าเทียบง่าย ๆ หัวใจของคนผอมบีบตัวเพียงครั้งเดียวก็ส่งเลือดไปเลี้ยงได้ทั่วตัวแล้ว แต่หัวใจของคนอ้วนต้องบีบ 2 - 3 ครั้งจึงจะได้ผลเท่ากัน การที่หัวใจต้องทำงานหนักขึ้นอย่างนี้จึงเป็นปัจจัยหนึ่งของโรคความดันเลือดสูง ยิ่งถ้าบวกกับเป็นโรคไขมันอุดตันที่เส้นเลือดด้วยแล้ว อาจเลวร้ายถึงกับหัวใจล้มเหลว และเสียชีวิตได้
3.โรคเบาหวาน
โรคเบาหวานมี 2 ชนิดด้วยกัน ที่พบเห็นบ่อย ๆ คือ ชนิดไม่พึ่งอินซูลิน สาเหตุเกิดจากตับอ่อนของผู้ป่วยสามารถสร้างฮอร์โมนอินซูลินได้น้อย ทำให้ร่างกายเผาผลาญน้ำตาลให้เป็นพลังงานได้ไม่หมด น้ำตาลในเลือดจึงสูงขึ้น สถานการณ์อย่างนี้ไตต้องรับบทหนักเพื่อกรองของเสียออกจากเลือด นานวันเข้าไตอาจเสื่อมสภาพและเกิดโรคไตวายเรื้อรัง เท่านั้นยังไม่พอ เบาหวานยังปัจจัยสำคัญทำให้เกิดโรคหลอดเลือดตีบตันได้ในทุกส่วนของร่างกาย(ยิ่งมีระดับไขมันและคอลเลสเตอรอลในเลือดสูงยิ่งเสี่ยงมาก) เช่น อัมพฤกษ์ อัมพาต โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ฯลฯ ต้อกระจก ตาบอดจากเบาหวานขึ้นตา หมดความรู้สึกทางเพศ ชาหรือปวดร้อน
ตามปลายมือปลายเท้า และความดันโลหิตสูงอีกด้วย
คนอ้วนส่วนมากชอบกินหวานเป็นชีวิตจิตใจ ยิ่งเอื้อต่อการเป็นโรคนี้มากขึ้น แถมคนที่อ้วนมากๆ มักจะพบปัญหาเรื่องเหงื่อออกง่าย เกิดความอับชื้นตามข้อพับต่าง ๆ ผิวหนังเสียดสีกันจนเกิดแผลมีเลือดออก พุพอง ยิ่ง
คนอ้วนที่เดินไม่ได้ต้องนอนอยู่ตลอดเวลาก็จะเกิดแผลกดทับได้ง่าย หากเป็นโรคเบาหวานร่วมด้วยแล้ว แผลมักหายยากและติดเชื้อง่าย ซึ่งอาจลุกลามจนต้องตัดอวัยวะบางส่วนทิ้งเลยทีเดียว
อันตรายเมื่อคุณเข้าข่าย ความอ้วน
4.โรคมะเร็ง
แล้วมะเร็งเกี่ยวข้องกับโรคอ้วนตรงไหน?
ก็ตรงที่คนอ้วนมีเซลล์ไขมันมากกว่าคนปรกติ ซึ่งนอกจากเซลล์ไขมันจะเป็นแหล่งสะสมฮอร์โมนแล้ว ไขมันเหล่านี้ยังสามารถกลายเป็นฮอร์โมนเพศได้ ดังนั้นยิ่งไขมันมากก็ยิ่งสร้างฮอร์โมนได้มาก ซึ่งจะไปกระตุ้น อวัยวะเพศ ในผู้หญิงได้แก่ เยื่อบุโพรงมดลูก รังไข่ ต่อมและท่อน้ำนม หรือที่ต่อมลูกหมากของผู้ชาย เมื่อถูกกระตุ้นนานเข้าอาจกลายเป็นเนื้อร้าย โดยเฉพาะผู้หญิงอ้วนมักมีความเสี่ยงมะเร็งเต้านมสูงกว่ามะเร็งชนิดอื่น ๆ
เมื่ออายุ 35 ปีขึ้นไป ผู้หญิงควรเข้ารับการตรวจมะเร็งเต้านมด้วยวิธีแมมโมแกรม และมะเร็งปากมดลูกอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง แต่ถ้าเป็นโรคอ้วนร่วมด้วยแล้วควรเพิ่มความถี่ให้มากขึ้น อย่างน้อย 6 เดือนครั้งจะดีที่สุด
5.โรคนอนกรน
สาเหตุที่คนอ้วนส่วนใหญ่มักนอนกรนเพราะว่า เมื่อคนเราอ้วนขึ้นเนื้อเยื่อต่างๆ ก็จะขยายขนาดขึ้นรวมถึงบริเวณช่องทางเดินหายใจ จนถึงกับไปปิดกั้นทางเดินอากาศให้แคบลง เมื่อหายใจเอาอากาศเข้าไป ผ่านช่องแคบๆ ก็จะเกิดเสียงดังขณะนอนหลับ ที่น่ากลัวคือเมื่อรุนแรงมากขึ้นจนกระทั่งอากาศไม่สามารถผ่านเข้า - ออกได้เลย กลายเป็นภาวะหยุดหายใจชั่วขณะ หากร่างกายขาดออกซิเจนบ่อยๆ เข้า ก็อาจทำให้มีอาการขาดออกซิเจนเรื้อรัง มึนงง อยากจะนอนอยู่ตลอดเวลา สมองตื้อ เฉื่อยชา ความคิดความอ่านแย่ลง บางคนถึงกับหมดสติ หรือช๊อคไปเลยก็มี
หลายคนคงนึกไม่ถึงว่าการนอนกรนยังเป็นต้นเหตุของโรคร้ายแรงต่าง ๆ มากมายด้วย ไม่ว่าจะเป็นโรคความดันเลือดสูง โรคเส้นเลือดแดงตีบตันซึ่งมักพ่วงโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต และโรคหัวใจมาด้วย โรคเบาหวาน
โรคสมองเสื่อม และสมรรถภาพทางเพศเสื่อม
6.โรคข้อเสื่อม
คำแนะนำของหมอที่รักษาโรคข้อเข่าเสื่อมมักจะลงท้ายด้วยการให้ผู้ป่วยจำกัดอาหารมันและหวานเพื่อมิให้น้ำหนักเกินพิกัด หรือลดน้ำหนักในรายที่อ้วน เพราะยิ่งน้ำหนักตัวมากขึ้น ภาระทั้งหมดจะไปอยู่ที่กระดูกทันที
กระดูกต้องทำหน้าที่อย่างหนักในการพยุงน้ำหนักตัวส่วนเกิน
 มันจึงเสื่อมและผุเร็วกว่าปรกติ โดยเฉพาะข้อต่าง ๆ เช่น ข้อเท้า ข้อเข่า ข้อสะโพก ข้อกระดูกคอ ข้อกระดูกสันหลัง ฯลฯ ก็พลอยได้รับวิบากกรรมนี้ด้วย ทำให้เกิดอาการปวด ข้อบวม นั่งแล้วลุกไม่ขึ้น หนัก ๆ เข้าอาจกลายเป็นโรคข้ออักเสบ บางครั้งร้ายแรงจนไม่สามารถเดินได้เลยก็มี
7.โรคจิตป่วน
ผู้หญิงบางคนไม่อ้วนเลยสักนิดแต่ก็ยังพากันบ่นว่าตัวเองอ้วน จึงตั้งหน้าตั้งตาลดความอ้วนโดยไม่คำนึงถึงขีดจำกัดทางด้านร่างกาย สุดท้ายต้องมาสังเวยชีวิตด้วยโรคทางจิตใจที่ชื่อว่า บูลิเมียและอนอเร็กเซีย ซึ่งผู้ป่วยบูลิเมียจะมีอาการอยากกินอาหารอย่างมากจนบังคับตัวเองไม่ได้ แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกผิดและไม่สบายใจจึงต้องล้วงคอให้อาเจียน กินยาถ่ายในทันที หรือสวนทวาร ฯลฯ คือทำทุกวิถีทางให้อาหารออกมา แต่นานวันเข้าจะก่อให้เกิดความผิดปรกติของร่างกายอย่างมาก ทั้งระบบขับถ่ายเสียศูนย์ ร่างกายขาดน้ำ ขาดสารอาหาร และมีปัญหาการไหลเวียนของเลือด ซึมเศร้า มีปัญหาครอบครัว การเรียน การทำงาน โรคนี้แม้จะรักษาให้หายโดยการบำบัดทางจิตแล้วก็สามารถกลับมาเป็นได้อีก
อีกโรคหนึ่ง คือ อนอเร็กเซีย ผู้ป่วยมักรู้สึกมีปมด้อย อับอายในรูปร่างของตนเองจึงพยายามไม่กินอะไรเลยเพื่อลดความอ้วน ทำทุกวิธีเพื่อลดความอ้วนเช่นเดียวกับผู้ป่วยบูลิเมียเพราะมักจะคิดว่าตัวเองอ้วนอยู่ตลอดเวลา
ผลจากการกระทำนี้ส่งผลเสียต่อร่างกายคล้ายๆ กับผู้ป่วยบูลิเมีย รุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้เช่นกัน
8.โรคเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
ปรกติคนที่มีรูปร่างอ้วน เวลาทำอะไรก็มักจะเคลื่อนไหวตัวไปมาลำบากอยู่แล้ว ยิ่งถ้าเป็นการมีเพศสัมพันธ์ก็จะทำให้เคลื่อนไหวยากลำบากมากขึ้น ไม่สามารถทำได้ทุกท่วงท่าที่ต้องการ นอกจากนี้ผู้ชายที่มีรูปร่างอ้วน
อย่างมากจะส่งผลให้อวัยวะเพศสั้นลง ทำให้ขณะร่วมเพศไม่มีความสุขเท่าที่ควร และที่สำคัญเสปิร์มไม่สามารถเข้าไปถึงไข่ของผู้หญิงได้ เป็นเหตุให้มีลูกยาก ผู้หญิงก็เช่นกันถ้าอ้วนมาก ไขมันสะสมบริเวณปากมดลูก
ก็จะมากทำให้ชั้นเนื้อหนาขึ้น อวัยวะเพศชายไม่สามารถเข้าถึงเพื่อส่งเสปิร์มไปปฏิสนธิกับไข่ได้ และอัตราการตกไข่ของผู้หญิงอ้วนยังน้อยกว่าผู้หญิงที่มีน้ำหนักในเกณฑ์พอดีอีกด้วย อีกทั้งต้องเจอปัญหาสมรรถภาพทาง
เพศเสื่อม หรือหมดความรู้สึกทางเพศไปเลย ถ้าไม่เข้าใจกันก็อาจถึงกับต้องแยกทางกันหรือเตียงหักรักร้าวนั่นเอง
9.การวางตัว
นอกจากจะต้องคิดหนักเรื่องเสื้อผ้าและการแต่งตัวแล้ว คนอ้วนมากมายโดยเฉพาะคนที่ไม่ค่อยมั่นใจ มักไม่รู้จะวางตัวอย่างไรในวงสังคมหรือหมู่เพื่อนฝูง ปัญหานี้กัดกร่อนและทำร้ายหัวใจพวกเขาอย่างมาก เพราะส่งผล
ต่อความเชื่อมั่นในตัวเอง บุคลิกท่าทางต่างๆ
 ขัดเขิน ซึมเศร้า ชอบคิดว่าไม่มีใครอยากคบด้วยจึงไม่ค่อยสมาคมกับใคร กลายเป็นการโทษและตำหนิตัวเอง ในที่สุดเป็นแรงกดนำไปสู่การลดความอ้วนด้วยวิธีที่ไม่ถูกต้องหรือมีความผิดปรกติทางจิตใจได้
10.พฤติกรรมการกินที่ส่งผลกับเด็ก
เด็กจะซึมซับพฤติกรรมการกิน และการใช้ชีวิตของพ่อแม่ที่เขาเคยชินมาตั้งแต่เกิด พ่อแม่ชอบกินหวาน กินอาหารไขมันมาก และกินจุ เขาก็จะกินแบบเดียวกัน พ่อแม่ไม่ส่งเสริมการออกกำลังกาย เขาก็จะไม่ชอบเล่นกีฬา
ยิ่งเด็กที่ชอบดูทีวี เล่นเกมคอมพิวเตอร์ และวีดีโอเกม กิจกรรมการออกกำลังกายและการเคลื่อนไหวของเด็กจะลดลง สุดท้ายก็จะกลายเป็นเด็กอ้วน
 ซึ่งผลร้ายคือมีโรคต่าง ๆ ตามมารุมเร้า และมีปัญหาในการเข้ากลุ่มเพื่อนๆ
บางครั้งโดนล้อเลียนเรียกชื่อไปต่าง ๆ นานา เช่น เจ้าหมูอ้วน ตุ่มเดินได้ ฯลฯ เป็นปมด้อยฝังใจไปจนโต
เห็นโทษของการกินแล้วใช่ไหมล่ะค่ะ แบบนี้คุณจะยังปล่อยให้ตัวเองมีน้ำหนักที่เพิ่มมากขึ้นหรือเปล่าล่ะค่ะ หมั่นดูแลสุขภาพ โดยทานอาหารเพื่อสุขภาพ และออกกำลังกายสม่ำเสมอน่ะค่ะ เพื่อให้ตัวคุณเองรอดพ้นจากโรคภัยเหล่านี้

ที่มา : https://www.108health.com/108health/topic_detail.php?mtopic_id=2940&sub_id=103&ref_main_id=2

อัพเดทล่าสุด