Mesotherapy เทคนิคใหม่สำหรับวงการความงาม


852 ผู้ชม


  • Mesotherapy เป็นแนวทางการรักษารูปแบบใหม่ที่กำลังเป็นที่กล่าวถึงกันมากในแวดวงความงามในเมืองไทยในช่วงนี้ มีการลงเผยแพร่
กันมากทั้งในนิตยสารชั้นนำ และหนังสือพิมพ์บางฉบับ ดังนั้นเพื่อเกาะติดสถานการณ์ จึงจะนำเสนอบทความเรื่องนี้ ให้ทราบพอสังเขปนะครับ
  • Mesotherapy เป็นการรักษารูปแบบหนึ่งในการฉีดสารที่มีส่วนผสมขนานต่างๆ ( เช่น สารอาหาร กลุ่มวิตามิน โคเอนไซม์ กรดอะมิโน) เข้าสู่ผิวชั้นใน (ในชั้น Mesoderm) ซึ่งอยู่ใต้ผิวหนัง ชั้นหนังแท้ (Dermis) ซึ่งชั้นนี้จะประกอบไปด้วย ไขมัน(fat) เนื้อเยื่อเกี่ยวพัน ( connective tissues) เพื่อจุดมุ่งหมายในการรักษาในหลากหลายรูปแบบต่างๆ ซึ่งจะกล่าวในรายละเอียดต่อไป
  • Mesotherapy ได้ถูกคิดค้นครั้งแรกเมื่อประมาณปี ค.ศ. 1952 โดย Dr. Michel Pistor ซึ่งเป็นแพทย์ชาวฝรั่งเศส โดยในช่วงแรกๆ ได้มีการ นำเทคนิคนี้มาใช้กับการรักษา ความเจ็บปวดจากกล้ามเนื้ออักเสบ ข้ออักเสบ ความผิดปกติของประสาทข้อมือ ช่วยเรื่องอาการเครียด นอนไม่หลับ ปวดศีรษะไมเกรน การคลายกล้ามเนื้อ ต่อมาประมาณปี 1987 เทคนิดนี้ได้มีการใช้แพร่หลายมากขึ้นทั้งในกลุ่มแพทย์ทางยุโรปและอเมริกา โดยนำมาฉีดเพื่อแนวทางการรักษาด้านอื่นๆ มากขึ้น โดยเฉพาะในแวดวงความงาม ที่รู้จักกันอย่างดี ก็คือ การฉีดสาร Botox เพื่อลดริ้วรอย เหี่ยวย่น จากกล้ามเนื้อหดเกร็ง ซึ่งถือว่าเป็นเป็นการ รักษาแบบ Mesotherapy แบบหนึ่งที่ FDA ของอเมริการได้รับรองผลแล้วเมื่อไม่กี่ปีมานี้
  • ข้อบ่งชี้ในการนำเทคนิค Mesotherapy มาใช้ในปัจจุบัน มีดังนี้ 
    1. การลดไขมันส่วนเกิน และลดเซลลูไลต์ เป็นข้อบ่งชี้ที่นิยมกันมากสุด โดยเทคนิค Mesotherapy โดยการฉีดสารสกัดจากถั่วเหลือง และวิตามินหลายชนิดเข้าไปยังบริเวณที่มีการสะสมของไขมัน ทำให้เกิดการขัดขวางการสะสมของไขมัน และกระตุ้นให้ไขมันสะสมถูกปล่อยออกมา เพิ่มการไหลเวียนของเลือด และระบบต่อมน้ำเหลือง จึงทำให้เนื้อเยื่อโดยรอบแข็งแรงขึ้น กระชับขึ้น ซึ่งอาจจะเป็นทางเลือกหนึ่งของสาวๆ ที่ต้องการมีหุ่นไฉไลทั้งหลาย เพราะไม่ต้องเจ็บตัว หรือเสี่ยงกับผลข้างเคียงของการดูดไขมัน หรือยารับประทานลดน้ำหนัก หลักการก็คือ การฉีดสารอาหาร ในปริมาณสารที่ฉีด 0.2-0.5 ซีซี ฉีดลึกไปประมาณ 5-10 ม.ม. ในบริเวณที่ต้องการ เช่น ท้องแขน สะโพก ต้นขา คาง โดยแต่ละจุดห่างกันประมาณอย่างน้อย 2 ซม. และมีการฉีดซ้ำทุกๆ 5-7 วัน 
    2. การลดริ้วรอย หน้าหมองคล้ำ เพื่อคืนความอ่อนเยาว์และผิวหนังให้แข็งแรงขึ้น โดยการฉีดสารกลุ่มต้านอนุมูอิสระ เช่น วิตามินซี กรดอะมิโน น้ำหล่อเลี้ยงคอลลาเจนเข้าไปที่ผิวหน้าในปริมาณน้อยๆ หลายๆ จุดทั่วใบหน้า และทำซ้ำกันทุก 2-3 อาทิตย์ต่อครั้ง เพื่อเพิ่มการไหลเวียนของระบบโลหิตและระบบน้ำเหลือง 
    3. การแก้ปัญหาผมร่วง ผมบาง จากความเครียด หรือขาดวิตามิน โดยได้มีการฉีดสารอาหาร และวิตามินสำหรับเส้นผม เข้าไปในหนังศีรษะด้วย และเทคนิคนี้ ได้มีการดัดแปลงมาใช้กับ ปัญหาผมบางจากกรรมพันธุ์ หรือจากสาเหตุของฮอรโมนเพศชาย DHT สูง โดยนำตัวยา Finasteride,Minoxidil.Biotin ฯลฯ ที่เดิมใช้เฉพาะในรูปของยาทา ยารับประทาน มาพัฒนาในรูปของยาฉีด ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้มากขึ้น และได้ผลเร็วขึ้น บางที่นำมาดัดแปลงให้ในการปลูกขนคิ้ว หนวดเครา ให้ได้ผลมากขึ้นด้วยเสริมการทายาและรับประทานยาปลูกคิ้ว หนวดเครา
  • ข้อห้ามในการทำ Mesotherapy มีกำหนดไว้ดังนี้ 
    1. สตรีมีครรภ์ 
    2. คนไข้โรคเบาหวานที่ต้องฉีดอินซูลินเป็นประจำ 
    3. คนไข้ที่มีประวัติโรคระบบหลอดเลือดผิดปกติในสมอง เช่น เส้นเลือดสมองตีบ หรืออุดตัน 
    4. คนไข้ที่มีประวัติโรคเลือดผิดปกติ โรคมะเร็ง 
    5. คนไข้ที่มีประวัติโรคหัวใจ และทำการรักษาด้วยยาหลายขนาน
  • ผลข้างเคียงที่พบได้ในการทำ Mesotherapy 
    1. อาการเจ็บปวดบ้างเล็กน้อย ขณะที่ทำและหลังทำ 2-3 ชั่วโมง 
    2. พบเกิดอาการคันบริเวณที่ฉีดได้ ประมาณ 15-20 นาทีหลังฉีด 
    3. อาจจะบวมแดง และเกิดจุดเลือดออกบริเวณที่ฉีดได้ ในคนที่ฉีดเพื่อลดไขมันส่วนเกิน ประมาณ 1-2 อาทิตย์ 
    4. อาจจะเกิดการอักเสบ ติดเชื้อได้ ถ้าทำความสะอาดไม่ดีพอ ในบริเวณที่ฉีดต่างๆ
  • ดังนั้นจะเห็นได้ว่า วิทยาการด้านความสวยงามได้มีการพัฒนาขึ้นมาใหม่ๆ หลากหลายวิธีตลอดเวลา ไม่ว่าจะด้านเวชภัณฑ์ยา กลุ่มครีมต่างๆ เทคนิค การบริหารยา เครื่องมืออันทันสมัย ดังนั้นการเลือกพิจารณาแนวทางการรักษาอย่างใด จึงควรจะศึกษาอย่างถ่องแท้ มีข้อพิสูจน์ รายงานที่ชัดเจนจากผู้เชี่ยวชาญ และหน่วยงานที่เชื่อถือได้ประกอบการตัดสินใจด้วยนะครับ
  • เรียบเรียงและค้นคว้าโดย นพ. จรัสพล รินทระ...........................25 March,2004

ที่มา : https://www.clinicneo.co.th/detailcolumn.php?grp=9&sdata=&col_id=262

อัพเดทล่าสุด