Carboxytherapy นวัตกรรมการขจัดไขมันเฉพาะที่ เซลลูไลท์ รักษารอยแตกลาย


1,079 ผู้ชม


  • ปํญหาไขมันส่วนเกิน หรือ เซลลูไลท์ (Cellulite) เป็นปัญหาที่มีผลกระทบต่อจิตใจอย่างมาก สำหรับผู้ที่รักสวยรักงาม และต้องการ�
��ูแลรูปร่างให้ดีอยู่เสมอ แต่เมื่ออายุมากขึ้น โดยเฉพาะผู้หญิง มักจะพบว่ามีไขมันส่วนเกิน หรือเซลลูไลท์ที่ไม่ต้องการ หนาเพิ่มตัวขึ้นเรื่อยๆ ตามน้ำหนักตัว ดังนั้นจึงได้มีการคิดค้นเครื่องมือใหม่ๆ ขึ้นมาเพื่อจะกำจัดเซลลูไลท์ ซึ่งคือ ก้อนไขมันใต้ผิวหนังที่ทำให้ผิวหนังแลดูตะปุ่มตะป่ำเหมือนเปลือกผิวมะกรูด ให้ลดลงและเรียบเนียนขึ้น
  • สาเหตุของการเกิดเซลลูไลท์ เชื่อว่าเกิดจากการที่ไขมันเคลื่อนตัวสูงขึ้นมาอยู่ในชั้นของผิวหนัง หรือเกิดจากการที่มีการไหลเวียน ของระบบเลือดในบริเวณนั้นลดลง การคั่งของน้ำเหลือง และฮอร์โมนที่ไม่สมดุลย์ เหตุผลที่ไขมันส่วนนี้ดูเป็นก้อนตะปุ่มตะป่ำ เพราะไขมันใต้ผิวหนังบางครั้งมีจำนวนมากจนกลายเป็นก้อนไขมัน ซึ่งแต่ละก้อนจะมีเปลือกเหนียวๆ หุ้ม ทำให้แลดูภายนอกเห็นเป็นลอนๆ ของก้อนไขมัน
  • บริเวณที่มีการสะสมของเซลลูไลท์มากก็คือ บริเวณต้นขา ต้นแขน หน้าท้อง รอบเอว และสะโพก เราสามารถตรวจสอบเซลลูไลท์ ด้วยตัวเองโดยใช้วิธีง่ายๆ คือหงายท้องแขนแล้วใช้มืออีกข้างบิดแขน ถ้าพบกับผิวหนังที่มีลักษณะขรุขระเป็นก้อนคล้ายผิวส้ม นั่นคือเซลลูไลท์ ซึ่งจะไม่เรียบเนียนเหมือนไขมันทั่วไป
  • Carboxytherapy เป็นเครื่องมือที่นำมาทำการรักษาและขจัดไขมันส่วนเกิน หรือเซลลูไลท์แบบใหม่ โดยการฉีดก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ เข้าไปที่ชั้นไขมัน ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าเป็นเทคนิคที่ง่าย สะดวกสบายและมีประสิทธิภาพสูงในการลดไขมันเฉพาะที่ ขจัดเซลลูไลท์ รอยแตกลาย และความหย่อนคล้อยของผิวหนังได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ยังพบว่า การทำ Carcoxy therapy โดยการฉีดกาซ CO2 ปริมาณไม่มาก ประมาณ 2-4 ซีซีที่ขอบตาล่าง จะลดรอยคล้ำรอบดวงตา จากปัญหาขาดออกซิเจน และเพิ่มการไหลเวียนโลหิตรอบดวงตาให้เพิ่มขึ้น จึงลดรอยดำคล้ำได้เช่นกัน เทคโนโลยีนี้ แพทย์จากประเทศฝรั่งเศส คือกลุ่มแรกที่มีการนำมาใช้เมื่อประมาณปี ค.ศ. 1932 และขยายความนิยมสู่อิตาลี ในปี ค.ศ.1990 จากนั้น ก็ได้รับการยอมรับและนิยมใช้อย่างแพร่หลายทั้ง ในเอเชียและยุโรป
  • หลักการทำงานของ Carboxytherapy 
    - ก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ที่ฉีดเข้าไป ( โดยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ ที่ใช้เป็นก๊าซบริสุทธิ์ ในวงการแพทย์ใช้อยู่แล้วในการฉีดเข้าช่องท้อง ในขณะส่องกล้องตรวจอวัยวะภายใน จึงไม่มีอันตรายแต่อย่างใด เพราะละลายน้ำได้ดีและสลายตัวอย่างรวดเร็ว) ก๊าซจะละลายกับน้ำอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดเป็นกรดคาร์บอนิค แล้วมีการปล่อยออกซิเจนจาก Hemoglomin mark ทำให้แคลเซียมไปจับกับกรดคาร์บอนิค ทำให้เกิดการขยายตัวของหลอดเลือด แล้วเข้าไปทำลายเซลล์ไขมันให้แตกออก จึงกระตุ้นการเผาผลาญไขมัน และเกิดเส้นเลือดใหม่ขึ้นมา ก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ จะทำงานแบ่งเป็น 2 ส่วน ดังนี้ 
    1. ก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ จะทำหน้าที่กำจัดและทำลายเซลล์ไขมันได้เป็นอย่างดี 
    2. ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จะทำหน้าที่เพิ่มการไหลเวียนของเลือดได้ดียิ่งขึ้น จึงทำให้เกิดการเผาผลาญของเสียออกจากร่างกายอย่างมีประสิทธิภาพ มากขึ้น พร้อม ๆ กัน และ การเกิดขบวนการ LYPOLYSIS หรือการกระตุ้นการนำพาไขมันส่วนเกินออกไป ก็จะเพิ่มขึ้น สอดคล้องกัน
  • ประโยชน์ของการรักษาด้วยเทคนิค Carboxytherapy 
    ลดปัญหาเซลลูไลท์ สลายไขมันเฉพาะจุด ขจัดผิวส้ม ไม่ว่าจะเป็น น่อง ท้องแขน ต้นขา สะโพก หรือหน้าท้อง รอยแตกลายและ ความหย่อนคล้อยที่ไม่พึงปรารถนา อย่างง่ายดาย
  • การเตรียมตัวในการทำ Carboxytherapy 
    1. ควรสำรวจตัวเองว่ามีโรคประจำตัวหรือไม่ เพราะในผู้ป่วยปัญหาทางจิตเวช ผู้เป็นโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคเลือด หรือคนที่รับประทานยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น Coumadin อาการแพ้ถุงมือ หรือผู้ที่มีปัญหาระบบทางเดินหายใจ เพราะอาจทำให้อาการดังกล่าวแย่ลงได้ 
    2. ควรพักผ่อนให้เพียงพอ เพราะหลังทำอาจจะทำให้รู้สึกง่วงนอน หรือหายใจลึกขึ้น 
    3. ดื่มน้ำให้เพียงพอ งดทานยาแก้หวัดหรือยาลดน้ำมูก เพราะทำให้ปริมาณน้ำในร่างกายลดลง อาจจะทำให้รู้สึกเพลียได้
  • ขั้นตอนและวิธีการในการทำ Carboxytherapy 
    - เมื่อทำความสะอาดผิวแล้ว ก็จะใช้เข้มขนาดเล็กมากเพียง 0.3 มิลลิเมตร ผ่านเข้าไปในชั้นไขมัน โดยไม่ต้องทายาชา เพราะไม่เจ็บมาก จากนั้นจะค่อยๆ ปล่อยก๊าซเข้าไปในบริเวณที่ต้องการ ด้วยปริมาณที่เหมาะสมต่อบริเวณนั้นๆ เช่น ใต้คาง 50 ซีซี หน้าท้อง 100-500ซีซี เป็นต้น ขณะที่เครื่องมือค่อยๆ ปล่อยก๊าซเข้าไปเรื่อยๆ ผู้รับบริการจะรู้สึกตึงๆ บริเวณที่ฉีด บริเวณที่ฉีดอาจรู้สึกอุ่นเล็กน้อยประมาณ 10-20 นาที เนื่องจากมีการเพิ่มการไหลเวียนของเลือด ซึ่งในบางคนก็อาจจะรู้สึกเจ็บ ควรจะแจ้งกับแพทย์หรือพนักงานที่ทำให้ปรับระดับความเจ็บให้ลดลงได้ (ในเครื่องรุ่นใหม่จะมีปุ่มปรับดังกล่าว ที่เรียกว่า RPR = Ramp Pain Reduction เช่น ยี่ห้อ Carbonnique ) ซึ่งอาการดังกล่าวจะหายไปในไม่กี่นาที ในบางคนอาจจะสามารถคลำได้เสียงเหมือนมีก๊าซอยู่ใต้ผิว (cracking) แต่จะหายไปในเวลา 1ชั่วโมง และควรนวดเบาๆ หลังฉีดร่วมด้วย เพื่อให้ก๊าซกระจายอย่างสม่ำเสมอ หลังทำไม่จำเป็นต้องพักฟื้น สามารถทำกิจกรรมต่างๆ ได้ตามปกติ การทำต่อครั้งใช้เวลาประมาณ 5-30 นาที แล้วแต่บริเวณที่ทำ ควรทำสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ประมาณ 5-10 ครั้ง และเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงเมื่อทำติดต่อกัน 5 ครั้งขึ้นไป โดยส่วนใหญ่จะพบว่าไขมันลดลงได้ประมาณ 30% แต่ส่วนใหญ่หลังทำประมาณ 10-15 ครั้งจึงจะสังเกตเห็นความแตกต่างลดลงได้ชัดเจน
  • ผลข้างเคียงและข้อแนะนำหลังทำ Carboxytherapy 
    หลังฉีด อาจจะรู้สึกเมื่อยหรือรู้สึกตึงๆ บริเวณที่ฉีด ในบางคนอาจจะพบรอยช้ำจากเข็มที่ฉีดได้ อาจจะอ่อนเพลีย ง่วงนอน หรือหายใจลึกกว่าปกติ จึงไม่ควรขับยวดยนต์กลับทันที ควรพักให้ร่างกายรู้สึกดีขึ้นก่อน ในวันต่อมา ควรนวดด้วยครีมลดไขมันเฉพาะส่วนเป็นประจำ ควบคุมอาหาร และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันมิให้เกิดจากสะสมของไขมันส่วนเกินขึ้นมาอีก
  • การศึกษาเรื่อง Carbon Dioxide Therapy in the Treatment of Localized Adiposities: Clinical Study and Histopathological Correlations(2) ในการศึกษานี้ใช้ carbon dioxide (CO2) therapy ในการรักษาผู้หญิง 48 คน ที่มีไขมันสะสมบริเวณต้นขา หัวเข่า และ/หรือหน้าท้อง โดยใช้ เครื่องมือ คือ Carbomed Programmable Automatic Carbon Dioxide Therapy ซึ่งคาดว่าการฉีดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นใต้ผิวหนัง ทำให้เกิดการสลายของไขมัน การศึกษานี้มุ่งหมายที่จะหาผลของการรักษาและผลข้างเคียงต่อการรักษาไขมันเฉพาะส่วน วัดผลการรักษาโดยดูการลดลงของเส้นรอบวงบริเวณดังกล่าว วัดผลของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่มีผลต่อการไหลเวียนของเลือดโดยดูการเปลี่ยนแปลงของสัญญาณเลเซอร์และวัดความดันของก๊าซออกซิเจน นอกจากนี้ยังทำการตัดชิ้นเนื้อของผู้หญิงจำนวน 7 คน ก่อนและหลังการรักษาเพื่อดูการเปลี่ยนแปลงทั้งในเนื้อเยื่อไขมันและเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน ผลการศึกษา พบผลข้างเคียงเพียงเล็กน้อย และทุกอาการสามารถหายไปในเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งมีรายงาน ดังนี้ 
    - พบว่ามีรอยแตกใต้ผิวหนังในผู้ป่วยทุกคน ซึ่งจะพบในชั่วโมงแรกของการรักษาเท่านั้น 
    - 30% ของผู้ป่วยพบก้อนเลือดขังเล็กน้อย จากการฉีดยาและจะค่อยๆหายไปเองโดยไม่ทำให้เกิดแผลเป็น 
    - 70% ของผู้ป่วยรู้สึกปวดบริเวณที่ฉีด ซึ่งจะเกิดในระยะเวลาสั้นๆและไม่รุนแรง ผลการรักษา 
    - พบว่ามีการเปลี่ยนแปลงของสัญญาณเลเซอร์ ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญหลังการรักษา (บ่งชี้ว่าการรักษาช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดบริเวณเส้นเลือดเส้นเล็ก ๆ) 
    - พบว่าความดันของก๊าซออกซิเจนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ หลังการรักษา 
    - จากการวัดเส้นรอบวงของต้นขา หัวเข่า และหน้าท้อง ก่อนและหลังการรักษา พบว่าลดลงอย่างมีนัยสำคัญ 
    - จากการดูชิ้นเนื้อที่ตัดออกมาด้วยกล้องจุลทรรศน์ พบว่าเนื้อเยื่อไขมันแตกออกและปลดปล่อย triglyceride ออกมา 
    - พบว่าผิวหนังชั้น dermis(ชั้นหนังแท้) หนาขึ้น เมื่อได้รับการรักษา และพบว่า collagen มีการกระจายตัวมากขึ้น 
    การศึกษานี้สรุปผลว่า carbon dioxide (CO2) therapy มีประสิทธิภาพในการลดไขมันเฉพาะส่วน และไม่พบว่าทำให้เกิดผลข้างเคียงจากการรักษาที่รุนแรง
  • สำหรับในประเทศไทย การสลายไขมันด้วยวิธี คาร์บ๊อกซี่เธอราปี ได้มีการนำเข้ามาใช้แล้วในวงการแพทย์ไทย และเริ่มรู้จักกันอย่าง แพร่หลาย เนื่องจากเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยให้ไขมันที่พอกพูนหดหายไปได้อย่างรวดเร็ว และปลอดภัย ซึ่งนับเป็นอีกทางเลือกสำหรับคนอ้วนที่รักสวยรักงามในยุคนี้ และคาร์บ๊อกซี่เธอราปี เป็นวิทยาการกำจัดไขมันส่วนเกิน ที่ไม่มีอันตรายเหมือนการดูดไขมันที่เป็นข่าวครึกโครมกันบ่อยครั้ง และถ้าทำควบคู่กับการรักษาด้วย RF หรือ การเข้าตู้อบสลายไขมันด้วย อินฟาเรด ยิ่งเพิ่มประสิทธิภาพในการปรับรูปร่าง (Body contuourting ) ให้สมส่วนมากขึ้น ดูตัวอย่างขึ้นตอนการรักษาได้ที่นี่https://www.clinicneo.co.th/2007/newservice/service5.htm 
    เรียบเรียงและค้นคว้าโดย นพ.จรัสพล รินทระ .........................................18 January,2007

ที่มา : https://www.clinicneo.co.th/detailcolumn.php?grp=9&sdata=&col_id=311

อัพเดทล่าสุด