เคล็ดลับล้างหน้าให้ถูกวิธี


750 ผู้ชม


  • ใบหน้าของคนเรา คือ ปราการด่านแรกที่มองเห็นเด่นชัดได้ในขณะแรกที่พบกัน ดังนั้นการที่มีสุขภาพผิวหน้าที่ดี สะอาด เร��
�ยบเนียนใส จึงเป็นความประทับใจ เบื้องต้น ก่อนที่จะมีการพูดคุยทักทายกัน ดังนั้นในฐานะแพทย์ผิวหนังจึงมีคำถามบ่อยๆ ว่าการทำความสะอาดผิวหน้าที่ดีและถูกวิธีนั้นเป็นอย่างไร
  • การทำความสะอาดผิวหนังนั้นจุดประสงค์ คือ ต้องการชำระล้างเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว ไขมันส่วนเกินที่ร่างกายสร้างออกมาและสิ่งที่ร่างกายไม่ต้องการ ที่ติดกับผิวชั้นนอก เช่น ฝุ่นละออง คราบเหงื่อไคล เชื้อโรค เครื่องสำอาง เป็นต้น
  • การทำความสะอาดผิวหน้า ในปัจจุบัน แบ่งได้เป็น 4 วิธีดังนี้ 
    1. การทำความสะอาดด้วยน้ำ: ถือว่าเป็นการทำความสะอาดที่ง่ายที่สุด และไม่มีโอกาสแพ้ได้เลย แพทย์มักจะแนะนำให้ล้างได้บ่อยๆ สำหรับคนที่ผิวมัน และผิวแพ้ง่าย เนื่องจากไม่มีสารระคายเคืองต่อผิวหน้า แต่น้ำก็มีข้อเสียคือจะชะล้างสิ่งสกปรก แบคทีเรีย ไขมันส่วนเกินได้หมดจดได้ยาก หรือต้องล้างหลายๆ ครั้ง เนื่องจากน้ำมีคุณสมบัติในการทำให้เปียกได้ไม่ดีนัก สังเกตได้จากหลังอาบน้ำจะพบว่าน้ำยังเกาะอยู่ตามผิวทั่วไป นอกจากนี้การล้างหน้าด้วยน้ำจะทำให้มีแรงตึงผิวระหว่างน้ำกับผิวหน้า จึงทำให้รู้สึกตึงๆ ผิวหน้า ซึ่งไม่เหมาะกับคนที่ผิวแห้ง ดังนั้นจึงได้มีการผสมสารต่างๆเพื่อลดแรงตึงผิวระหว่างน้ำกับผิวหนัง เพื่อให้ผิวหน้าเปียกได้ดีในรูปแบบต่างๆ เช่นผสมอัลกอฮอล์ 20-40% (ซึ่งมักจะเป็น Ethyl alcohol หรือ Isopropyl alcohol) สบู่ หรือผลิตภัณฑ์ล้างหน้ารูปแบบต่างๆ เช่น โฟมล้างหน้า เจลล้างหน้าเป็นต้น 
    2. การทำความสะอาดด้วยน้ำมัน: เป็นการทำความสะอาดและชะล้างไขมัน ฝุ่นละอองที่ไม่ละลายในน้ำ รวมทั้งเครื่องสำอางแต่งหน้าทั้งหลาย ซึ่งได้แก่ ครีมล้างหน้า (cleansing creams) นอกจากนี้ยังช่วยลดแรงตึงผิวระหว่างน้ำกับผิวหน้า ทำให้ผิวหน้าไม่แห้งตึงมากหลังล้างหน้า ที่นิยมใช้กันก็ได้แก่ mineral oil,olive oil แต่น้ำมันก็มีข้อเสียคือ ถ้าน้ำมันบริสุทธิ์ก็จะมีราคาแพง และล้างหรือเช็ดออกได้ยาก เนื่องจากมีความหนืดสูง จึงทำให้มีความรู้สึก เหนอะหนะ และสิ่งสกปรกที่ละลายน้ำได้ (water soluble) ก็ล้างออกได้ยาก ดังนั้นจึงมักจะแนะนำให้ใช้ทั้งวิธีที่ 1 และ 2 ควบคู่กัน 
    3. การทำความสะอาดด้วยของแข็งดูดซับสิ่งสกปรกไว้: มักไม่นิยมใช้สำหรับคนทั่วไป แต่จะเหมาะกับคนไข้ที่ลุกจากเตียงมาล้างหน้าไม่ได้ โดยการใช้สารที่มีคุณสมบัติในการดูดซับสิ่งสกปรก ซึ่งได้แก่ silica,talcum,starch,fuller's earth ทั้งหลาย ทาทั่วใบหน้าแล้วเช็ดออก แต่ก็มักจะไม่สะอาดเท่ากับวิธีที่ 1-2 และคงไม่กล่าวในรายละเอียด เพราะมักจะทำในรพ.หรือสถานพักฟื้น 
    4. การทำความสะอาดด้วยการขัดถู: มักไม่นิยมใช้ในการล้างหน้าในชีวิตประจำกัน ถือเป็นกรรมวิธีที่ทำกันในคลินิกผิวหนังหรือสถานเสริมความงาม เช่น การทำการลอกผิวหน้าด้วยการทำ peeling ด้วยกรดผลไม้ ,TCA การกรอผิวหน้าด้วยเกร็ดอัญมณี( Dermabrasion,microdermabrasion) ซึ่งได้กล่าวรายละเอียดของผลที่ได้และผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดได้ ถ้าไม่ได้อยู่ในความดูแลของแพทย์ผิวหนัง ไว้แล้วในบทความก่อนหน้านี้
  • จากกรรมวิธีในการทำความสะอาดผิวหน้าข้างต้น ในความเห็นของผู้เขียน การที่จะล้างหน้าให้ถูกวิธีนั้น ควรจะทำหลายวิธีควบคู่กัน ดังนี้ 
    ขั้นตอนที่ 1.ครีมล้างหน้า ควรจะทำการกำจัดฝุ่นละออง คราบเหงื่อใคลและเครื่องสำอางที่ตกแต่งผิวหน้าให้ออกให้หมดจดก่อน โดยเฉพาะในคนที่ต้องแต่งหน้า เป็นประจำโดยอาจจะต้องใช้ครีมล้างหน้า เพื่อขจัดสิ่งสกปรกที่ละลายได้ในไขมัน 
    ขั้นตอนที่ 2. แล้วตามด้วยผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่ผสมสารลดแรงตึงผิว ( สบู่ เจล โฟม) เพื่อชะล้างสิ่งสกปรกที่ละลายได้ในน้ำ โดยเลือกสารลดแรงตึงผิวที่เป็นอันตรายต่อผิวน้อยที่สุดและมีอำนาจในการชำระล้างได้ดี 
    ขั้นตอนที่ 3. หลังจากนั้นก็ล้างออกด้วยน้ำ เพื่อขจัดคราบสบู่ โฟม หรือเจลที่หลงเหลืออยู่ที่ผิวหน้า แล้วตามด้วยโลชั่นปรับสภาพผิวที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ที่ไม่ระคายผิว และสารฝาดสมาน (astringent)ที่ทำหน้าที่ปิดรูขุมขน 
    ขั้นตอนที่ 4. ทา Moiturizer creams บางๆ เพิ่มความชุ่มชื้นและนุ่มนวล เพื่อป้องกันผิวหนังแห้งตึงจากการสูญเสียน้ำจากความชื้นในบรรยากาศ โดยเลือกครีมบำรุงให้เหมาะกับสภาพผิวแต่ละคน เช่น ถ้าผิวมัน ก็ควรเลือกครีมบำรุงประเภท oil free หรือความเข้มข้นไม่มากนัก เพื่อป้องกันผิวหน้ามันมากเกินไป หรือ ในคนที่ผิวแพ้ง่ายก็ไม่ควรเลือกครีมบำรุงที่ผสมน้ำหอม หรือ AHA 
    เรียบเรียงและค้นคว้าใหม่ โดยนพ.จรัสพล รินทระ .......ปรับปรุงข้อมูลล่าสุด.....2 July, 2012

ที่มา : https://www.clinicneo.co.th/detailcolumn.php?grp=6&sdata=&col_id=217

อัพเดทล่าสุด