| - เล็นไร ( Demodex spp.) เป็นปรสิตในClass Arachnida,Order Acarina ที่อาศัยบริเวณต่อมขน (Hair follicles) หรือ ที่ท่อนำไขมัน (Secretory ducts of Sebaceous gland) ซึ่งพบได้��
|
�ยู่ 2 ชนิดคือ D.folliculosum,D.brevis - เล็นไร ทำให้ผิวหน้าเกิดผื่นแดง หรือต่อมขนอักเสบได้ โดยมักจะพบในผู้ที่มีอายุเกิน 30 ปี และไม่พบในเด็กเล็กต่ำกว่า 5 ปี ผื่นที่เกิด เนื่องจากร่างกายมีการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันต่อเล็นไร
- บริเวณที่พบได้บ่อย ได้แก่ บริเวณที่มีต่อมไขมันมาก เช่น ร่องจมูก รองมาก็บริเวณ โหนกแก้ม หน้าผาก คาง ศีรษะ โดยมีลักษณะอาการทางคลินิก คือ มีลักษณะเป็นตุ่มนูนแดงขนาดน้อยกว่า 1 ซม.(Papule) หรือมากกว่า 1 ซม.( Nodule) หรือเป็นตุ่มหนอง (Pusetule) (ดูภาพประกอบ) โดยในผู้ป่วยที่ ภูมิคุ้นกันบกพร่อง เช่น ผู้ป่วยเอดส์ อาจจะพบอาการรุนแรงมาก จนเกิดเป็นตุ่มน้ำ (Vesicles) หรือสะเก็ดหนอง
- การวินิจฉัย โดยการขูด หรือกดสารที่อยู่ในท่อไขมัน บริเวณที่สงสัย หรืออักเสบเป็นผื่นแดง ไปเกลี่ยลงในสไลด์แก้ว แล้วหยด glycerin 1 หยด ปิดด้วย cover slip แล้วนำไปส่องกล้องจุลทรรศน์หัวต่ำ โดยในคนปกติ จะมีตัว Demodex ขนาด 0.1-0.9 มม. (ดูภาพประกอบที่ 2 ) อยู่ประมาณ 2-3 ตัวต่อกำลังขยาย 4X แต่กรณีที่ทำให้เกิดโรค หรืออาการ (Demodicosis) จะพบตัวเล็นไรมากกว่านี้หลายเท่า
- ปกติในผู้ป่วยที่อายุน้อยกว่า 30 ปี และไม่มีปัญหาสิวชนิด Acne rosacea ( ซึ่งมักพบในคนผิวขาวมากกว่าแถบเอเซีย) หรือ ไม่พบอาการอักเสบตุ่มแดง และพบตัวเล็นไรน้อยกว่า 4 ตัวต่อกำลังขยาย4X ไม่จำเป็นต้องรักษาด้วยยา ส่วนในรายที่มีอาการมากกว่านี้ มี แนวทางการรักษา ดังนี้
1. ทา 25% BP emulsion วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 3-5 วัน หรือ 2. ทา 1% Lindane วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 3-5 วัน หรือ 3. ทา 5% BP lotions ร่วมกับ 5% Sulhur ลดการอักเสบ เป็นเวลา 3-5 วัน หรือ 4. ทา 1% Premethrin cream ทิ้งไว้ 10 นาทีแล้วล้างออกทุกวัน ประมาณ 1-2 สัปดาห์ หรือ 5. ทา Clotamiton วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 3-5 วัน 6. ล้างหน้าด้วยสบู่ที่มีตัวยา antiseptic ทุกวัน - ปรสิตกลุ่ม เล็นไร นอกจากจะทำให้มีปัญหาในคนแล้ว ยังเกิดปัญหา ในสัตว์เลี้ยงได้ เช่น Demodex canis ซึ่งทำให้เป็นพาหะของโรคเรื้อน หรือผื่นแดงอักเสบ ในสุนัข ทำให้สุนัขเกิดอาการคัน และเกา ทำให้ขนร่วงเป็นหย่อมๆ ได้
เรียบเรียงและค้นคว้าใหม่โดย นพ.จรัสพล รินทระ .......................6 July,2005 |
ที่มา : https://www.clinicneo.co.th/detailcolumn.php?grp=3&sdata=&col_id=76