| - กระเจี๊ยบแดง เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่คนไทย โดยได้นำมาทำน้ำดื่มเนื่องจากมีรสเปรี้ยว สีสวย และมีวิตามินซ
|
ีสูง - มักมีการเข้าใจผิด คิดว่า ส่วนที่นำมาดัดแปลงเพื่อรับประทานคือ ดอกกระเจี๊ยบ แต่ที่จริงคือ ส่วนผลที่เจริญมาจากกลีบรองดอก
- กระเจี๊ยบแดง มีชื่อทางพฤกษศาสตร์ว่า Hibescus sabdarifta Linn. ในตระกูล Malvacae ซึ่งเป็นไม้ล้มลุก ลำต้นเกลี้ยงมีสีแดงอมม่วง ริ้วประดับ และกลีบรองกลีบดอกอวบน้ำสีแดง ใบมีหลายแบบ หลายขนาด มักแยกเป็น 3-5 แฉก แฉกรูปหอก ปลายแหลม ขอบหยักแบบฟันเลื่อย ก้านใบยาว มีขน ดอกออกเดี่ยวๆ ตามง่ามใบ
- ประเทศไทยได้ส่งออกกระเจี๊ยบเข้าสู่ตลาดโลก เรียกว่า Roselle โดยเป็นพันธุ์ที่ไม่ค้างปี สีไม่เปลี่ยน แล้วต่างประเทศได้นำมาจำหน่ายในร้านอาหารเพื่อสุขภาพ กันอย่างแพร่หลาย นอกจากนี้ยังนำสีจากกระเจี๊ยบแดง ไปใช้ในการผลิตอาหาร เพราะเป็นสีแดงที่ปลอดภัย
- สำหรับยาไทย ได้นำผลกระเจี๊ยบ( หรือที่เรียกว่าดอกกระเจี๊ยบ) มาชงเป็นชาดื่มเพื่อขับปัสสาวะ หรือรักษานิ่ว
- นายแพทย์วีระสิงห์ เมืองมั่น แห่งโรงพยาบาลรามาธิบดี ได้เคยนำมาทดลองใช้ในผู้ป่วย โดยได้นำผลกระเจี๊ยบแห้ง 3 กลีบ ชงในน้ำเดือด 1 ถ้วย หรือ น้ำร้อน 300 มล. แล้วให้ดื่มวันละ 3 แก้ว พบว่าขับปัสสาวะได้ดี
- นอกจากนี้ได้มีการทดลองพบว่า ผู้ป่วยหลังผ่าตัดนิ่ว ดื่มน้ำกระเจี๊ยบ พบว่าผู้ป่วย 20 ราย ปัสสาวะใสขึ้น และเป็นกรด ซึ่งได้ผลดีในการรักษานิ่วหลังผ่าตัด และอีกการทดลอง พบว่าได้ผลในการรักษาผู้ป่วย ที่ติดเชื่อในระบบปัสสาวะ ถึงร้อยละ 80 ( จากคนป่วยที่ร่วมการทดลอง 50 ราย)
- จากประโยชน์ดังกล่าว การที่มีโอกาสได้ดื่มน้ำกระเจี๊ยบเป็นประจำ จึงช่วยในการขับถ่ายปัสสาวะ และป้องกันการติดเชื้อ และโรคนิ่วได้อีกทางหนึ่งทีเดียว
เรียบเรียงและค้นคว้าใหม่โดย นพ.จรัสพล รินทระ ...ปรับปรุงข้อมูลล่าสุด...4 August,2005 |
ที่มา : https://www.clinicneo.co.th/detailcolumn.php?grp=2&sdata=&col_id=104