| - ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน( Postcoital pills หรือ (morning after pills) เป็นยาคุมกำเนิดที่แต่ละเม็ดประกอบด้วยฮอร์โมนเพศในปริมาณที่สูง จะใช้เฉพาะก
|
รณีจำเป็นคือมีการร่วมเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกันล่วงหน้า หรือ กรณีถูกข่มขื่น โดยจะให้กินยาภายใน 24-48 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ (บางตำราอาจให้ยาวได้ถึง 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ แต่ความมั่นใจในการป้องกันการตั้งครรภ์ก็จะน้อยกว่า ) และหลังจากรับประทานยาไปประมาณ 1 สัปดาห์จะมีประจำเดือนตามปกติ - การใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉิน หรือฮอร์โมนเพื่อการคุมกำเนิดภายหลังจากการมีเพศสัมพันธ์ ในปัจจุบันแบ่งได้เป็น 5 ชนิด ดังนี้
1.การใช้ฮอร์โมน estrogen อย่างเดียว การใช้ estrogen ขนาดสูงในการคุมกำเนิดฉุกเฉิน จะมีหลายชนิดและหลายขนาด ตลอดจนวิธีบริหารยาที่แตกต่างกันเช่น - Ethinyl estradiol รับประทาน 5 mg. /วัน 5 วันติดต่อกัน
- Conjugated estrogen รับประทาน 5 mg./ วัน 5 วันติดต่อกัน
- conjugated estrogen 50 mg. ฉีดเข้าหลอดเลือดดำเป็นเวลา 2 วัน
- estradiol benzoate 30 mg. ฉีดเข้ากล้ามเนื้อเป็นเวลา 5 วัน
ทั้งนี้ ฮอร์โมนที่ใช้จะต้องใช้ภายใน 72 ชั่วโมง หลังจากที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก ผลข้างเคียงที่พบได้ คือ คลื่นไส้ อาเจียน เวียนศรีษะ ปวดศรีษะ คัดตึงเต้านม ระดูมาผิดปกติ ปัจจุบันไม่เป็นที่นิยมเนื่องจากผลข้างเคียงดังกล่าว 2.การใช้ฮอร์โมน progestogen อย่างเดียว มีการนำเอา levonorgestrel มาใช้ โดยใช้ levonorgestrel ขนาด 0.75 mg. รับประทาน 2 ครั้ง ห่างกัน 12 ชั่วโมง ให้รับประทานภายใน 72 ชั่วโมง หลังจากมีเพศสัมพันธ์ อัตราความล้มเหลว 1.1-2.9% ผลข้างเคียงที่อาจพบได้คือ คลื่นไส้ อาเจียน นอกจากนี้มีการศึกษาพบว่า ระยะเวลาที่เริ่มรับประทานยามีผลต่อประสิทธิภาพของวิธีการคุมกำเนิด โดยการที่ทานยาภายใน 24 ชั่วโมงจะป้องกันการตั้งครรภ์ได้ดีกว่าทานภายใน 72 ชั่วโมง 3.การใช้ฮอร์โมนรวม estrogen+ progestrogen (Yuzpe regimen) วิธีนี้เป็นวิธีที่ FDA และ วิทยาลัยสูตินรีเเพทย์แห่ง USA แนะนำ แบ่งได้เป็น - ยาเม็ดคุมกำเนิดที่มี ethinyl estradiol 0.05 mg. + levonorgestrel 0.25 mg.or norgestrel 0.5mg. รับประทานครั้งละ 2 เม็ด จำนวน 2 ครั้ง ห่างกัน 12 ชั่วโมง โดยให้รับประทานครั้งแรกภายใน 72 ชั่วโมงภายหลังการมีเพศสัมพันธ์
- ยาเม็ดคุมกำเนิดที่มี ethinyl estradiol 0.03 mg. + levonorgestrel 0.15 mg.or norgestrel 0.3mg. รับประทานครั้งละ 2 เม็ด จำนวน 2 ครั้ง ห่างกัน 12 ชั่วโมง โดยให้รับประทานครั้งแรกภายใน 72 ชั่วโมงภายหลังการมีเพศสัมพันธ์ ผลข้างเคียงที่พบ มีอาการคลื่นไส้( 30-66% ) อาเจียน (12-22% อาการจะลดลงถ้าทานยาแก้คลื่นไส้ อาเจียน ก่อนประมาณ 1 ชั่วโมง) เจ็บคัดตึงเต้านม (1-47%) และพบว่ามากกว่า ร้อยละ 90 จะมีระดูภายใน 21 วัน หลังรับประทานยา ระยะเวลาเฉลี่ย 7-9 วัน อัตราความล้มเหลว 2-3.5% (ถ้าใช้วิธีนี้แล้วยังเกิดการตั้งครรภ์ ยังไม่พบรายงานว่าทารกมีความผิดปกติหรือพิการแต่กำเนิด)
4.การใช้ยา Antiprogestin มีการนำ Mifepristone ซึ่งเป็น antiprogestin มาใช้ พบว่ามีประสิทธิภาพสูง ซึ่งจะออกฤทธิ์ยับยั้งการตกไข่ ทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกมีการเปลี่ยนแปลง มีการเจริญเติบโตช้ากว่าปกติ แต่จะไม่มีผลต่อการสร้างฮอร์โมนของรังไข่ Mifepristone 600 mg. รับประทานครั้งเดียวภายใน 72 ชั่วโมงภายหลังมีเพศสัมพันธ์จะสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ประมาณ 100% ผลข้างเคียงที่พบ 42% จะมีระดูเลื่อนออกไปมากกว่า 3 วัน อาจพบอาการคลื่นไส้ อาเจียนได้บ้างแต่น้อยมาก แต่ยานี้ยังไม่มีจำหน่ายไนประเทศไทย 5.การใช้ยา danazol ยาประเภทนี้มักจะใช้โดยสูตินารีแพทย์ และใช้รักษาโรคตั้งครรภ์ไข่ปลาอุก ( Endomethiosis) จะไม่กล่าวถึงในรายละเอียด - การที่รับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉิน หรือยาที่มีฮอร์โมนขนาดสูงเข้าไป ในความเห็นของผู้เขียน นอกจากจะทำให้เกิดผลข้างเคียงต่อร่างกายค่อนข้างมาก คือ คลื่นไส้อาเจียนมาก ปวดศีรษะ เลือดออกกระบิดกระปอย และทำให้ระบบออร์โมนเพศของร่างกายแปรปรวน หลังรับประทานแล้ว อาจมีระบบรอบเดือนไม่ปกติ และยาคุมประเภทนี้ก็มีข้อห้ามใช้ในคนที่มีความผิดปกติของระบบไหลเวียนโลหิต และระบบการแข็งตัวของเลือดด้วย ดังนั้นถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ไม่แนะนำให้ใช้ยาคุมกำเนิดประเภทนี้ และไม่ควรกินยานี้เกินสัปดาห์ละ 1 ครั้งหรือเกินเดือนละ 4 ครั้ง
เรียบเรียงและค้นคว้าโดย นพ.จรัสพล รินทระ ..............................14/5/2004 |
ที่มา : https://www.clinicneo.co.th/detailcolumn.php?grp=2&sdata=&col_id=27