| - คลอโรฟิลล์ (Chlorophyll) เป็นส่วนประกอบที่สำคัญในผักใบเขียวทุกชนิด เป็นรงควัตถุสีเขียว การรับประทานผักใบเขียวจึงจะได้ปร��
|
�โยชน์จากการได้รับสารนี้ด้วย จึงได้มีการรณรงค์ให้รับประทานพืชผักกันให้มากขึ้น - จากผลงานวิจัย เราพบว่า คลอโรฟิลล์ (Chlorophyll) มีสูตรโครงสร้างทางเคมีคล้ายคลึงกับ โมเลกุลของฮีม(Heme) ซึ่งเป็นสารประกอบที่สำคัญในการ สร้างเม็ดเลือดแดง ( เม็ดเลือดแดง ประกอบด้วย Hemoglobin=Heme+Globin ) และสามารถกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดแดงได้
- ได้มีการรวบรวมผลงานการวิจัยทางการแพทย์ ทำให้ทราบบทบาทและประโยชน์ของ คลอโรฟิลล์ (Chlorophyll) ดังนี้
1. มีประสิทธิภาพในการปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของหัวใจ 2. ช่วยในการลดความผิดปกติของเลือดจากภาวะโลหิตจาง(anemia) 3. ช่วยลดความดันโลหิตสูงได้ 4. มีฤทธิ์ในการต้านขบวนการออกซิเดชั่น ที่ทำให้เซลล์เสื่อมสภาพหรือหมดอายุก่อนวัยอันควร 5. ช่วยชำระล้างสารพิษ หรือ ขจัดของเสียจากร่างกาย 6. ช่วยลดปัญหากลิ่นปาก หรือกลิ่นตัวได้ 7. ลดกลิ่นของปัสสาวะ อุจจาระ หรือแผลเน่าได้ - อาหารเสริมที่มี คลอโรฟิลล์ (Chlorophyll) จึงได้เริ่มมีการวางจำหน่ายตามร้านอาหารเสริมสุขภาพทั้งหลาย เพราะในบางคนเชื่อว่า คลอโรฟิลล์ (Chlorophyll)ที่อยู่ในพืช ถูกปิดกั้นด้วยผนังเซลล์พืชเอง ทำให้ระบบทางเดินอาหารไม่สามารถบดย่อยผักใบเขียวให้ได้ คลอโรฟิลล์ (Chlorophyll) อย่างเต็มที่หรือเพียงพอกับความต้องการ จึงได้มีการสกัดเอาเฉพาะ คลอโรฟิลล์ (Chlorophyll) มาทำให้เป็นอาหารเสริม ในกรณีบางคนที่ไม่ชอบรับประทานผัก หรือเกรงสารพิษตกค้างในผักแต่สนนราคา ก็แพงไม่เบาเช่นกัน ตกเม็ดละประมาณ 10 บาท ต่อ คลอโรฟิลล์ (Chlorophyll) 120 Mg.
- ยังไม่มีรายงานจาก FDA ว่าปกติร่างกายต้องการ คลอโรฟิลล์ (Chlorophyll) ในปริมาณเท่าใดต่อวัน แต่ส่วนใหญ่จะประมาณเอาว่า ประมาณ 120-240 Mg ต่อวัน
เรียบเรียงและค้นคว้าใหม่ โดยนพ.จรัสพล รินทระ .......ปรับปรุงข้อมูลล่าสุด.....6 September 2005 |
ที่มา : https://www.clinicneo.co.th/detailcolumn.php?grp=2&sdata=&col_id=173