สาระน่ารู้เรื่อง ' การทำ GIFT '


734 ผู้ชม


  • ปัจจุบัน การมีบุตรยากเริ่มเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยมากขึ้นเรื่อยๆ สำหรับคู่สมรสที่ต้องการและพร้อมจะมีบุตร จึงได้พย�
��ยามเสาะแสวงหาวิธีการหรือวิทยาการ ใหม่ๆ เพื่อให้สำเร็จ การทำกิฟท์เพื่อให้มีบุตร ถือว่าเป็นเทคโนโลยี่ทางการแพทย์ที่ได้รับการพัฒนาอย่างมากในช่วงระยะเวลา 10-20 ปีนี้ แต่การกระจายความรู้และข้อมูลให้กับสังคมยังไม่ดีพอ ทำให้เกิดการต้มตุ๋ยหลอกลวงกันได้ ซึ่งเป็นข่าวครึกโครมมาแล้วเมื่อเร็วๆ นี้ ดังนั้นเราจึงควรมาทำความรู้จัก GIFT คืออะไร กันดีกว่า
  • GIFT ย่อมาจากคำว่า Gamete Intrafollopian Transfer หมายถึง วิธีการนำเอาเซลล์สืบพันธุ์ของทั้งฝ่ายหญิง (ไข่=Oocyte) และสเปอร์มของฝ่ายชาย เข้าไปไว้ในท่อนำไข่เพื่อหวังให้เกิดการผสมพันธุ์กันในท่อนำไข่ เพราะถือว่าท่อนำไข่เป็นตำแหน่งที่เหมาะสมในธรรมชาติในการปฏิสนธิ ของตัวอ่อน ที่จะได้เคลื่อนที่ไปตามท่อนำไข่เข้าไปฝังตัวในโพรงมดลูก เพื่อเจริญเติบโตเป็นทารกต่อไป แม้ปัจจุบันจะมีการเลี้ยงตัวอ่อนในห้องแลบ แต่ก็ยังสามารถทำได้ดีเทียบเท่ากับในท่อนำไข่ของมารดาเอง
  • ขั้นตอนในการทำ GIFT 
    1. คัดเลือกคู่สมรสที่หมาะสม คือ คู่สมรสที่มีบุตรยาก ( หมายถึง คู่สมรสที่ไม่สามารถมีบุตรได้หลังจากหยุดการคุมกำเนิดไม่น้อยกว่า 2 ปี) โดยฝ่ายหญิง จะต้องมีท่อนำไข่ที่สมบูรณ์อย่างน้อย 1 ข้าง 
    2. แพทย์จะให้ความรู้ถึงวิธีการทำ โอกาสการตั้งครรภ์ ภาวะเสี่ยง ค่าใช้จ่าย แก่คู่สมรสให้ทราบและยอมรับก่อนจะเริ่มการทำ GIFT 
    3. การเตรียมไข่ที่เหมาะสม โดยแพทย์จะทำการฉีดฮอรโมนกระตุ้นไข่( FSH=Follicle stimulating hormone)ทุกวัน ในรอบเดือนที่จะทำ เพื่อกระตุ้นให้รังไข่ผลิตไข่ที่สมบูรณ์ในจำนวนที่มากพอ โดยจะเลือกไข่ ( Oocyte) ขนาดประมาณ 18-22 มม. จำนวน 2-3 ฟอง สำหรับไว้ผสม ส่วนจำนวนวันและขนาดฮอรโมนที่ใช้ฉีดแตกต่างกันแล้วแต่แพทย์ที่ทำจะพิจารณา 
    4. เมื่อได้จำนวนและขนาดของไข่ที่ต้องการแล้ว แพทย์จะฉีดฮอร์โมนการตั้งครรภ์ ( HCG=Human chorionic gonadotropin) จำนวน 50,00-10,000 ยูนิต เพื่อกระตุ้นให้ไข่พร้อมที่จะปฏิสนธิ และทำการเก็บไข่ในอีก 35 ชั่วโมงต่อมา โดยการเจาะรูทางหน้าท้อง และส่องกล้องเข้าไปเก็บ หรืออาจจะเก็บผ่านทางช่องคลอดโดยอาศัยเครื่องอัลตราซาวด์ทางช่องคลอดแล้วเจาะดูดมาเก็บโดยเข็มชนิดพิเศษ (โดยทั่วไปมักจะวางยาสลบร่วมด้วย) 
    5. ในวันที่เก็บไข่ จะทำการเก็บเชื้ออสุจิของฝ่ายชายก่อนล่วงหน้า 1-2 ชั่วโมง เพื่อคัดเลือกสเปอร์มที่แข็งแรงและสมบูรณ์ มาทำการผสมต่อไป 
    6. ส่องกล้องผ่านทางหน้าท้อง และสอดท่อนำเซลล์สืบพันธุ์เข้าไปในท่อนำไข่ ทั้งเซลล์สืบพันธ์เพศหญิง( Oocyte) 2-3 เซลล์ร่วมกับเชื้ออสุจิ 50,000-200,000 ตัว ฉีดเข้าไป เป็นอันสิ้นสุดขั้นตอนการทำ GIFT 
    7. หลังจากการทำ GIFT แล้ว 3-5 วันในบางแห่ง อาจจะให้ฮอรโมนประคับประคองการตั้งครรภ์ต่อจนครบ 14-16 วัน แล้วจึงตรวจหาระดับฮอรโมน การตั้งครรภ์ ( HCG) ในเลือดว่ามีการตั้งครรภ์สำเร็จหรือไม่
  • ส่วนการทำเด็กหลอดแก้ว ( Intravitro fertilization,IVF) จะมีขั้นตอนทุกอย่างคล้ายกัน ตั้งแต่ข้อ 1-4 แต่จะแตกต่างกันที่การเก็บไข่ มักจะใช้ วิธีเก็บผ่านช่องคลอดโดยอาศัยอัลตราซาวนด์ช่วย มากกว่าการเจาะหน้าท้อง เมื่อได้ไข่ที่ต้องการแล้ว จะนำมาผสมกับเชื้ออสุจิในถาดเลี้ยงตัวอ่อน จนเกิดการปฏิสนธิ และจะเลี้ยงต่ออีกระยะ ขึ้นอยู่กับคุณภาพของตัวอ่อน ก่อนจะนำไปใสในโพรงมดลูกผ่านทางปากมดลูกภายหลัง โดยจะยังให้ฮอรโมนประคับประคองการตั้งครรภ์ต่อจนครบ 14-16 วัน แล้วจึงตรวจหาระดับฮอรโมนการตั้งครรภ์ ( HCG) ในเลือดว่ามีการตั้งครรภ์สำเร็จหรือไม่ วิธีดังกล่าวนี้มักจะทำได้เฉพาะในรพ.ของมหาวิทยาลัยแพทย์เป็นส่วนใหญ่ มีข้อดีคือ จะรู้ว่าได้มีการปฏิสนธิจริงและไม่ต้องเจาะท้องส่องกล้อง
  • อนึ่งความสำเร็จมากน้อยในการรักษาภาวะมีบุตรยากจะแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับสาเหตุของภาวะดังกล่าว ทั้งฝ่ายชายและหญิง และแก้สาเหตุให้ถูกจุด และการเลือกวิธีการดูแลที่เหมาะสม มากกว่าวิธีการใช้เทคโนโลยี่ระดับสูงและแพงเกินความจำเป็น 
    เรียบเรียงและค้นคว้าโดยนพ.จรัสพล รินทระ ......................................4 Febuary,2004 
    อ้างอิงจากบทความเรื่อง ' มารู้จัก GIFT กันดีกว่า ' จากคอลัมน์ คลินิกทันข่าว ประพันธ์โดย นพ. ฤชา ตั้งจิตธรรม ฝ่ายสูติแพทย์ รพ. สระบุรี ลงตีพิมพ์ในวารสารคลินิก ฉบับเดือน มกราคม 2547
ตัวอย่างภาพประกอบ


ภาพแสดงการเก็บไข่ ( Oocyte ) ผ่านทางช่องคลอดโดยอาศัยเครื่องอัลตราซาวด์ทางช่องคลอด


ภาพการปฏิสนธิของไข่กับเชื้ออสุจิ และตัวอ่อนหลังจากการผสมแล้ว 3 วันต่อมา

ที่มา : https://www.clinicneo.co.th/detailcolumn.php?grp=2&sdata=&col_id=259

อัพเดทล่าสุด