Vitamin C ( Ascorbic acid) บทบาทในการรักษาผิวพรรณ


752 ผู้ชม


  • วิตามินซี เป็นมีฤทธิ์เป็น Antioxidants ที่สำคัญตัวหนึ่ง และมีการนำมาใช้อย่างแพร่หลายในปัจจุบัน มีมีความจำเป็นต่อชีวิต โด�
��มีหน้าที่กำจัดอนุมูลอิสระ(Free radicle scavenger) และเป็น ปัจจัยร่วม(Cofactors) ของเอนไซม์ต่างๆ อาทิ Procollagen hydroxylase ซึ่งต้องใช้วิตามินซี ในการทำงานสร้างคอลลาเจน นอกจากนี้ยังมีความจำเป็นในการทำงานของเม็ดเลือดขาว( neutrophils) ในการกำจัดเขื้อโรคอีกด้วย ซึ่งมีหลายผลงานวิจัยที่พบว่า วิตามินซีช่วยในการป้องกันและรักษาโรคไข้หวัดได้ดี
  • วิตามินซี พบมากใน ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว เช่น ส้ม มะมาว องุ่น และ ผักใบเขียว เช่น บอคเคอรี่ แอสปารากัส คะน้า ผักบุ้ง ถูกทำลายได้ง่ายด้วยแสง ความชื้น และออกซิเจน แต่ทนความร้อนได้ดีถึง 100 องศาเซลเซียส
  • บทบาทสำคัญของวิตามินซี ต่อผิวพรรณดังนี้ 
        1. ป้องกันอันตรายจากแสงแดด UV โดยพบหลักฐานว่า ถ้าทาวิตามินซี ก่อนออกแดด สามารถลดปัญหาSun Burn ได้ และพบว่าเมื่อทาร่วมกับ วิตามินอี และ ครีมกันแดด ที่มี Oxybenzone สามารถป้องกันอันตรายจากแสงแดดได้เกือบ 100 % 
        2. ช่วยลดการอักเสบ ลดการเกิดสะเก็ดหนา ของโรคผิวหนังเรื้อนกวาง( Psoriasis) ได้ 
        3. ช่วยลดอัตราการดื้อต่อการใช้แสงแดดรักษา ในผู้ป่วยผื่นแพ้สัมผัส ( Contact allergic dermatitis) 
        4. กำจัดอนุมูลอิสระ ที่เกิดจากภาวะชราของผิวหนัง และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ได้มีการทดลองทาวิตามินซี ที่ใบหน้า เป็นเวลา 3 เดือน พบว่า ทำให้ริ้วรอยเหี่ยวย่นที่เป็นไม่มาก( fine wronkle ) ดีขึ้น ผิวหน้านุ่มเนียนขึ้น จึงคาดว่าจะช่วยทำให้ภาวะชราจากแสงแดด( photoageing) ดีขึ้น 
        5. ใช้เป็นสารฟอกสีผิวให้ขาว ( whitening agents ) ในคนที่เป็นฝ้า กระ รอยดำ ทั้งในรูปของครีม โลชั่น สารละลาย จึงนำมาใช้ในการทาผิวหน้า และรักษาด้วยเครื่องไอออนโต 
        6. ช่วยในการสมานแผล 
        7. ป้องกันโรคมะเร็งผิวหนังได้
  • วิตามินซี ประเภท Ascorbyl palmitate สามารถละลายน้ำและไขมันได้ จึงนิยมนำมาผสมใน water cream,lotions และ Oils โดยสารนี้จะมี pH เป็นกลาง จึงไม่ระคายผิว
  • ได้มีการแนะนำให้รับประทานวิตามินซี ในรูปของยาเม็ดเป็นประจำ เพื่อป้องกันและรักษาภาวะทางผิวพรรณ ได้หลายอย่างตามที่กล่าวข้างต้น แต่ร่างกายปกติ ต้องการวิตามินซี ประมาณ 50- 60 มิลลิกรัมต่อวัน ทั้งชายและหญิง ( แต่ในคนที่สูบบุหรี่ อาจต้องการถึง 140 มก.ต่อวัน ) ดังนั้น ไม่จำเป็นต้องรับประทานวิตามินซี มากกว่านี้ แม้จะมีหลักฐานว่า การรับประทานวิตามินซี ในระยะยาว ค่อนข้างปลอดภัย แต่ถ้ารับประทานปริมาณสูงมากๆ ติดต่อกัน อาจเกิดทำให้เกิด ระดับ Oxalate ในปัสสาวะสูง และเกิดนิ่วในไตได้ภายหลัง นอกจากนี้ ยังมีข้อดี คือ หาง่าย ราคาถูก มีผลข้างเคียงน้อย 
    เรียบเรียงและค้นคว้าใหม่โดย นพ.จรัสพล รินทระ .......................26 July,2005

ที่มา : https://www.clinicneo.co.th/detailcolumn.php?grp=1&sdata=&col_id=134

อัพเดทล่าสุด