การดูแลสุขภาพ-ผิวพรรณ เมื่อเข้าหน้าฝน


936 ผู้ชม


  • ปีนี้ฝนมาเร็วกว่าปีก่อนๆ โดยเฉพาะในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้ มีพายุเข้ามาเป็นระลอกๆ ทำให้หลายๆ ท่านเปียกปอนไปตามๆ กัน
ดังนั้นเมื่อย่างหน้าฝนปีนี้ ปัญหาใหญ่คือ ผมเปียก ตัวเปียก และถ้าน้ำท่วม บางท่านอาจจะต้องลุยน้ำด้วย ทำให้ถุงเท้าและรองเท้าก็จะเปียกชื้นได้ ดังนั้นจึงจะรวบรวมปัญหาด้านผิวพรรณและเส้นผมที่พบได้บ่อยๆ พร้อมแนวทางป้องกัน ในช่วงหน้าฝนดังนี้นะครับ
  • เส้นผม เมื่อเส้นผมเปียกฝน การเช็ดผมให้แห้ง หรือปล่อยให้แห้งแล้วไม่เพียงพอควรทำความสะอาดผมด้วยน้ำสะอาด และแชมพูด้วย เพราะฝนที่ตกมาจะนำพาเอาเชื้อโรคต่างๆ โดยเฉพาะ เชื้อไวรัสมาด้วย ถ้าเราหมักน้ำฝนไว้บนศีรษะ เราก็คงจะเป็นหวัดจากการติดเชื้อไวรัส การเลือกแชมพูสระผมที่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อรา หรือเชื้อ P.ovale( เช่น Ketoconazole sahmpoo,Selsun) ก็เป็นการป้องกันรังแค และการติดเชื้อรา ที่หนังศีรษะได้อีกทางหนึ่ง นอกจากนี้ หลังสระผมเสร็จ ควรเช็ดผมให้แห้งทุกครั้ง ไม่ควรนอนในขณะที่ผมยังเปียกอยู่ เพราะอาจทำให้หนังศีรษะชื้นและเกิดเชื้อราบนหนังศีรษะได้
  • ลำตัวและเสื้อผ้าเปียกฝน ควรทำให้เสื้อผ้าแห้งโดยเร็ว ถ้าสามารถถอดออก เปลี่ยนใหม่ได้เลยจะยิ่งดี เพราะเสื้อผ้าที่เปียกฝนจะมีไวรัสปะปนอยู่ด้วยทำให้เป็นไข้หวัดได้เช่นกัน นอกจากนี้เสื้อผ้าเปียกชื้นถ้าเราใส่หมักหมมนานๆ จะเป็นบ่อเกิดให้เชื้อรา โดยเฉพาะเชื้อเกลื้อนมาเกาะที่ผิวหนัง โดยตำแหน่งที่พบเชื้อโรคเกลื้อนได้บ่อยๆ ก็คือ อก หลัง ไหล่ ต้นแขน และใบหน้า ซึ่งเมื่อติดเชื้อเกลื้อนแล้วจะหายได้ช้าเป็นเดือนๆ และสามารถเป็นซ้ำได้อีกถ้าไม่ป้องกัน จึงควรระวังรักษาสุขภาพผิวให้แข็งแรงและสะอาดเสมอ โดยการสวมใส่เสื้อผ้าที่แห้งสะอาด สำหรับเสื้อผ้าที่เปียกชื้นนานๆ ควรนำไปผึ่งแดดให้ร้อนจัดหรือรีดด้วยเตารีดร้อนๆ จะเป็นการฆ่าเชื้อที่ติดอยู่บนเสื้อผ้าได้ดีมาก
  • สวมถุงเท้าและรองเท้าที่เปียกฝน ควรถอดถุงเท้าและรองเท้าออกทันทีเมื่อมีโอกาส และทำให้แห้งโดยเร็ว เพราะถ้าเท้าเปียกชื้นนานๆ เมื่อถอดรองเท้าออกจะพบว่าผิวเท้าซีด เหี่ยวย่น และถ้าอบไว้นานมากๆ ผิวเท้าอาจจะลอกเป็นขุยบางๆ ทำให้ผิวมีความต้านทานต่อเชื้อโรคต่ำลง ซึ่งพบว่าจะติดเชื้อราได้บ่อย คือ ฮ่องกงฟุต โดยเฉพาะบริเวณซอกนิ้วเท้าตรงที่ถูกบีบรัดโดยรองเท้ามากๆ ซึ่งได้แก่ซอกนิ้วเท้า ตั้งแต่นิ้วกลางคนถึงนิ้วก้อย โดยอาการเริ่มแรกจะมองเห็นเป็นผิวซีดขาวและเปื่อยยุ่ยออกมาจากซอกนิ้วเท้าและมีกลิ่นเหม็น ดังนั้นการพบแพทย์เมื่อตรวจรอยโรค และขูดเชื้อมา ตรวจดูว่าการเป็นเชื้อชนิดใด การทายาครีมแก้เชื้อราจะได้ผลใน 4-6 สัปดาห์ กรณีที่กลับถึงที่พักแล้ว ควรจะทำความสะอาดเท้า ด้วยการฟอกสบู่และล้างด้วยน้ำสะอาด เช็ดเท้าให้แห้ง ถ้ามีแป้งฝุ่นให้ทาบางๆ ตามซอกเท้าและฝ่าเท้าสักเล็กน้อย แล้วปล่อยให้เท้าโล่งสัก 2 ชั่วโมง จึงจะสวมใส่ถุงเท้าและรองเท้าใหม่ (ซึ่งมิใช่คู่ที่เปียกชื้น) เพราะ รองเท้าที่เราใช้ในขณะที่เปียกฝน หรือย่ำน้ำท่วม ได้มีเชื้อราแทรกซึมในเนื้อผ้าหมดแล้ว ต้องทำการกำจัดออกโดยการนำไปตากแดดให้แห้งและร้อนหรือเช็ดด้วยน้ำยาฟอรมาลินเพื่อทำลายเชื้อรา และถุงเท้าควรต้มหรือรีดด้วยความร้อนสูง เพราะเชื้อราจะถูกฆ่าได้ในกรณีที่มีความร้อนใกล้ 100 องศาเซลเซียส หรือโดยน้ำยาฟอร์มาลินจึงจะนำมาใช้ใหม่
  • เรียบเรียงและค้นคว้าโดยนพ.จรัสพล รินทระ ......................28 May,2004

ที่มา : https://www.clinicneo.co.th/detailcolumn.php?grp=1&sdata=&col_id=265

อัพเดทล่าสุด