ลมพิษ ( Urticaria)


1,017 ผู้ชม


  • ลมพิษ เป็นภาวะที่เกิดตุ่มนูน คัน ผื่นแพ้ ที่เกิดขึ้นในร่างกาย( ดังรูป) ซึ่งมีอาการคัน เป็นอาการนำ ซึ่งถ้ายิ่งเกา อา��
�ารคันจะยิ่งมากขึ้น และอาจลุกลามให้เป็นมากขึ้น ขนาดโตขึ้น อาจพบอาการแพ้รุนแรง จนเกิดอาการบวมขึ้น บริเวณใบหน้า หนังตา และปาก บางครั้งอาจทำให้หลอดลมบวมได้ ซึ่งเกิดผลต่อระบบหายใจ ทำให้หายใจลำบากได้
  • การเกิดผื่นที่มีลักษณะเป็นตุ่มนูน ขอบเขตไม่เรียบนี้ ถ้าดูด้วยกล้องจุลทรรศน์ จะพบการบวมของเซลผิวหนัง จากการไหลซึมเข้าของน้ำเหลือง จากหลอดเลือด ซึมผ่านเข้าไป เนื่องจาก เมื่อเกิดปฏิกริยาแพ้ จากสารที่ทำให้แพ้ ที่เรียกว่า แอนติเจน ซึ่งเมื่อสัมผัส หรืออยู่ในร่างกาย แอนติเจนจะทำการจับกับสารต้าน ที่เรียกว่า Immunoglobulin E แล้วหลั่งสารที่เรียกว่า Histamine ซึ่งมีฤทธิ์ทำให้ผนังหลอดเลือดขยายตัว จึงทำให้น้ำเหลืองใหลออกนอกเส้นเลือด เข้าสู่ผิวหนังข้างเคียง เมื่อปฏิกริยาสิ้นสุดลง หรือได้รับการรักษา น้ำเหลืองจะถูกดูดซึมกลับเข้าไปในหลอดเลือด ผื่นจึงยุบลง ไม่หลงเหลืออาการให้เห็น
  • การที่ลมพิษ ยิ่งเกายิ่งลุกลาม เนื่องจากการเกา จะกระตุ้นให้ปฏิกริยาการแพ้เป็นมากขึ้น สารจะหลั่ง histamine มากขึ้น จึงทำให้เกิดการลุกลามขยายใหญ่ ของตุ่มนูน เนื่องจากน้ำเหลืองใหลออกจากผนังหลอดเลือดเข้าเซลล์มากขึ้น จึงไม่ควรเกาถ้าเกิดลมพิษ
  • แอนติเจน หรือ สารก่อการแพ้ อาจเกิดจาก อาหาร ยา ( ที่พบบ่อย คือ เพนิซิลิน แอสไพริน และยาซัลฟา) ฝุ่นละออง เชื้อโรค ความเย็น ฯลฯ ดังนั้นผู้ที่มีอาการแพ้ ควรสังเกตว่า แอนติเจนใดที่ก่อให้เกิดการแพ้ ลมพิษ ให้พยายามหลีกเลี่ยง
  • แนวการการแก้ไข 
        1. ยาทา เช่น calamine lotions หรือ ครีมสเตียรอยด์ ในกรณีที่เป็นไม่มาก 
        2. ยารับประทาน ที่นิยมใช้บ่อยๆ ก็คือ ยากลุ่มต้านอีสตามิน( antihistamine) ที่รู้จักกันดี ก็คือ ยาคลอเฟนฟีนีคอล(CPM) เม็ดสีเหลือง เพราะหาง่าย ราคาถูก( ต้นทุน ประมาณ 30 สตางค์ต่อเม็ด) แต่มักมีผลข้างเคียงทำให้ง่วงนอนได้ ดังนั้น อาจเลือกไปใช้ยากลุ่ม antihistamine ที่มีอาการง่วงน้อย เช่น hiamanol แต่ก็จะมีราคาแพง(ต้นทุน ประมาณ เม็ดละ 4-5 บาท) 
        3. กรณีที่เป็นรุนแรง ที่วตัว ควรพบแพทย์เพื่อใช้ยาฉีด 
        4. หลีกเลี่ยงสาเหตุที่เกิด ในกรณีที่เป็นบ่อยๆ อาจต้องพบยาทา และยากินไว้ติดตัวตลอดเวลา 
    เรียบเรียงและค้นคว้าใหม่โดย นพ.จรัสพล รินทระ .......................26 July,2005

ที่มา : https://www.clinicneo.co.th/detailcolumn.php?grp=8&sdata=&col_id=66

อัพเดทล่าสุด