ยืดอายุผู้ป่วย โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่


1,450 ผู้ชม


ผลการศึกษาเผย การอุดเส้นเลือดด้วยรังสีโดยใช้ SIR-Spheres ช่วยยืดอายุผู้ป่วยโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ที่ไม่สามารถรักษาด้วยการผ่าตัดได้           ผลการศึกษาเผย การอุดเส้นเลือดด้วยรังสีโดยใช้ SIR-Spheres ช่วยยืดอายุผู้ป่วยโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ที่ไม่สามารถรักษาด้วยการผ่าตัดได้ 

ผู้เขียนรายงานระบุว่า ผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วย SIR-Spheres มีระยะเวลาการรอดชีวิตยาวนานกว่าผู้ป่วยที่ได้รับการดูแลอย่างดีที่สุดมากกว่า 2เท่า และมากกว่าผู้ป่วยที่ได้รับชีวสารใหม่ตัวอื่นๆ

          ผลการศึกษาเปรียบเทียบในผู้ป่วยโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ที่เซลล์มะเร็งแพร่กระจายไปยังตับและไม่ตอบสนองต่อการทำเคมีบำบัดใดๆแล้ว พบว่าการอุดเส้นเลือดด้วยรังสีโดยใช้ SIR-Spheres ช่วยให้ผู้ป่วยมีชีวิตรอดยาวนานขึ้นอย่างมาก เมื่อเทียบกับผู้ป่วยที่ได้รับการดูแลอย่างดีที่สุดเพียงอย่างเดียว[1]

          (โลโก้: https://photos.prnewswire.com/prnh/20121019/568108 )

          ผลการศึกษาซึ่งเผยแพร่ทางวารสาร Cardiovascular and Interventional Radiology ฉบับเดือนตุลาคม แสดงให้เห็นว่า ระยะเวลาการรอดชีวิตโดยเฉลี่ยของผู้ป่วยที่ได้รับการอุดเส้นเลือดด้วยรังสีร่วมกับการได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด เทียบกับผู้ป่วยที่ได้รับการดูแลอย่างดีที่สุดเพียงอย่างเดียว อยู่ที่ 8.3เดือน ต่อ 3.5เดือน (hazard ratio [HR] 0.26; 95% confidence interval 0.15-0.48; P<0.001) ขณะเดียวกันผลการวิเคราะห์หลายตัวแปรก็ยืนยันว่า การอุดเส้นเลือดด้วยรังสีเป็นตัวแปรสำคัญตัวเดียวที่ทำให้ผู้ป่วยมีชีวิตยืนยาวขึ้น จากตัวแปรพื้นฐานทั้งหมดที่มีการวิเคราะห์ (HR 0.30; 95% CI 0.16-0.55; P<0.001)

          “จากการศึกษาเปรียบเทียบในกลุ่มผู้ป่วยที่มะเร็งลุกลามไปยังตับและไม่ตอบสนองต่อเคมีบำบัดรวมถึงมีทางเลือกในการรักษาอย่างจำกัด พบว่า การอุดเส้นเลือดด้วยรังสีช่วยให้ผู้ป่วยมีชีวิตรอดยาวนานขึ้นอย่างมาก เมื่อเทียบกับผู้ป่วยที่ได้รับการดูแลอย่างดีที่สุดเพียงอย่างเดียว” ศจ.เจนส์ ริคเก (Prof. Jens Ricke) ผู้อำนวยการแผนกรังสีวิทยาและเวชศาสตร์นิวเคลียร์ โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยมักเดอเบิร์ก ประเทศเยอรมนี ซึ่งเป็นนักเขียนอาวุโสของรายงานการศึกษานี้ กล่าว “หลักฐานมากมายบ่งชี้ว่า การอุดเส้นเลือดด้วยรังสีควรได้รับการพิจารณาในฐานะทางเลือกในการรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งตับอย่างเดียวหรือโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ที่แพร่กระจายไปยังตับ ซึ่งไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยเคมีบำบัด”

          เกี่ยวกับการศึกษา

          การศึกษาครั้งนี้เป็นการเปรียบเทียบระยะเวลาการรอดชีวิตโดยรวมของผู้ป่วย 58คนที่เป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ซึ่งแพร่กระจายไปยังตับบางส่วนหรือทั้งหมด และไม่ตอบสนองต่อเคมีบำบัดทั้งหมดที่แพทย์แนะนำหรือปฏิเสธที่จะทำเคมีบำบัดต่อ นอกจากนั้นยังไม่เหมาะที่จะรักษาด้วยวิธีอื่น ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัด การเฉือนเนื้อร้าย หรือรังสีบำบัดลักษณะอื่นๆ โดยผู้ป่วย 29คนได้รับการอุดเส้นเลือดด้วยรังสีโดยใช้ SIR-Spheres (90Y-labeled resin microspheres ของบริษัท Sirtex Medical Limited ในซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย) และมีการติดตามผล ผู้ป่วยกลุ่มนี้ถูกเปรียบเทียบกับผู้ป่วย >500คนที่ได้รับการดูแลอย่างดีที่สุดในศูนย์การแพทย์ 3แห่งในเยอรมนี ในแง่ของวิธีการรักษาก่อนหน้านี้และขอบเขตการแพร่กระจายของโรค เพื่อระบุบรรทัดฐานที่เหมือนกันในผู้ป่วยอีก 29คนให้ได้อย่างน้อย 2อย่างจาก 4อย่าง (การเกิดมะเร็งพร้อมกันหรือเกิดคนละเวลา, ขอบเขตการแพร่กระจายของโรค, การเพิ่มขึ้นของเอนไซม์อัลคาไลน์ฟอสฟาเทส และ/หรือคาร์ซิโนเอ็มบริโอนิกแอนติเจน [CEA] >200 U/mL) จุดยุติปฐมภูมิ (primary endpoint) ของการศึกษาครั้งนี้คือ ระยะเวลาการรอดชีวิตโดยรวม

          หลังได้รับการอุดเส้นเลือดด้วยรังสี ผู้ป่วย 12คน (41.4%) มีการตอบสนองบางส่วน และอีก 5คน (17.2%) โรคคงที่ ดังนั้นอัตราการควบคุมโรคจึงอยู่ที่ 58.6%สำหรับระยะเวลาการรอดชีวิตโดยที่โรคไม่ลุกลามอยู่ที่ 5.5เดือนในกลุ่มที่ได้รับการอุดเส้นเลือดด้วยรังสี เทียบกับ 2.1เดือนในกลุ่มที่ได้รับการดูแลอย่างดีที่สุดเพียงอย่างเดียว การอุดเส้นเลือดด้วยรังสีส่งผลข้างเคียงเล็กน้อยถึงปานกลาง โดยเกิดขึ้นชั่วคราวและสามารถหายได้เอง

          “ผลการศึกษาครั้งนี้สอดคล้องกับผลการศึกษาครั้งก่อนๆ ที่มีการรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งตับที่ลุกลามมาจากลำไส้ใหญ่และไม่ตอบสนองต่อการทำเคมีบำบัด ด้วยการอุดเส้นเลือดด้วยรังสี” ดร.ริคาร์ดา เซย์เดนสติกเกอร์ (Dr Ricarda Seidensticker) แพทย์ที่ปรึกษาด้านรังสีวิทยาและหัวหน้าผู้เขียนรายงาน กล่าว “นี่เป็นการศึกษาเปรียบเทียบการอุดเส้นเลือดด้วยรังสีครั้งแรกที่ใช้ระยะเวลาการรอดชีวิตโดยรวมเป็นจุดยุติปฐมภูมิ และออกแบบอิงจริยธรรมโดยหลีกเลี่ยงการทดลองแบบข้ามกลุ่มในผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษา ซึ่งมักทำให้การทดลองไม่สามารถแสดงความแตกต่างของการรอดชีวิตได้อย่างเต็มที่ ผลการศึกษานี้ยังถูกเปรียบเทียบกับการศึกษาล่าสุดหลายครั้งที่มีการใช้ชีวสารใหม่ในการรักษาโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ที่มีการแพร่กระจาย ตัวอย่างเช่น ในการทดลองแบบสุ่มโดยใช้ยา cetuximab พบว่าระยะเวลาการรอดชีวิตโดยรวมอยู่ที่ 6.1เดือน เมื่อเทียบกับ 4.6เดือนในกลุ่มที่ได้รับการดูแลอย่างดีที่สุดเพียงอย่างเดียว และในการทดลองลักษณะเดียวกันกับยา panitumumab พบว่าระยะเวลาการรอดชีวิตโดยรวมอยู่ที่ 6.4เดือน เท่ากับในกลุ่มที่ได้รับการดูแลอย่างดีที่สุดและได้รับยา panitumumab หลังจากที่มีการลุกลามของโรค”

          ปัจจุบันมีการทดลองแบบสุ่มระดับนานาชาติหลายการทดลองที่มีการประเมินประสิทธิภาพของการอุดเส้นเลือดด้วยรังสีโดยใช้ SIR-Spheres ร่วมกับการทำเคมีบำบัด ในผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็งตับซึ่งลุกลามจากมะเร็งลำไส้ใหญ่ เทียบกับการการทำเคมีบำบัดอย่างเดียว เพื่อประเมินว่าวิธีนี้ควรถูกนำมาใช้รักษาผู่ป่วยตั้งแต่แรกเริ่มหรือไม่

          เกี่ยวกับมะเร็งลำไส้ใหญ่

          ในปี 2551ผู้ป่วย 153,000คนในสหรัฐอเมริกา และ 333,000คนในสหภาพยุโรป ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่[2] ราวครึ่งหนึ่งของผู้ป่วยเหล่านี้จะมีภาวะเซลล์มะเร็งแพร่กระจายจากจุดที่เกิดมะเร็งไปยังจุดอื่นๆ โดยเฉพาะตับ และผู้ป่วยราว 90%จะเสียชีวิตจากภาวะตับวาย อันเป็นผลมาจากการแพร่กระจายของมะเร็ง ทั้งนี้ การอุดเส้นเลือดด้วยรังสี หรือที่รู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งว่าการบำบัดด้วยการนำรังสีเข้าสู่ร่างกายเฉพาะจุด (Selective Internal Radiation Therapy: SIRT) เป็นการรักษาโรคมะเร็งตับแบบใหม่โดยใช้ microspheres ที่ถูกฉลากด้วยสารกัมมันตรังสี yttrium-90 (90Y) แพทย์รังสีวิทยาจะฝัง microspheres ในร่างกายตรงจุดที่เกิดมะเร็ง และ microspheres จะแผ่รังสีไปที่มะเร็งโดยไม่ทำลายเนื้อเยื่อตับที่ดีที่ยังเหลืออยู่

          ศูนย์การแพทย์ 3แห่งที่มีส่วนร่วมในการศึกษา (และควบคุมการคัดกรองผู้ป่วย) ประกอบด้วย

          -          โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยมักเดอเบิร์ก ประเทศเยอรมนี / Universitatsklinikum Magdeburg (n = 348)

          -          โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเบอร์ลิน วิทยาเขต Charite ประเทศเยอรมนี / Universitatsmedizin Berlin (n = 120)

          -          โรงพยาบาลมักเดอเบิร์ก ประเทศเยอรมนี / Klinikum Magdeburg (n = 86)

          SIR-Spheres ได้รับการรับรองให้ใช้ในออสเตรเลีย สหภาพยุโรป (มาตรฐาน CE) นิวซีแลนด์ สวิตเซอร์แลนด์ ตุรกี และอีกหลายประเทศ สำหรับรักษามะเร็งตับที่เฉือนเนื้อร้ายทิ้งไม่ได้

          นอกจากนั้น SIR-Spheres ยังได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาสหรัฐ สำหรับใช้รักษามะเร็งตับที่ลุกลามจากมะเร็งลำไส้ใหญ่และผ่าตัดเฉือนเนื้อร้ายไม่ได้ ร่วมกับการทำเคมีบำบัดหลอดเลือดในตับโดยใช้ floxuridine

          อ้างอิง

          1. Seidensticker R, Denecke T, Kraus P et al.  Matched-pair comparison of radioembolization plus best supportive care versus best supportive care alone for chemotherapy refractory liver-dominant colorectal metastases. Cardiovascular and Interventional Radiology 2012; 35(5): 1066-1073.

          2. International Agency for Research on Cancer.  GLOBOCAN 2008: Colorectal Cancer Incidence and Mortality Worldwide in 2008. https://globocan.iarc.fr/factsheets/cancers/colorectal.asp accessed 12/8/2011.

          แหล่งข่าว: มหาวิทยาลัยมักเดอเบิร์ก
ที่มา : https://www.108health.com/108health/topic_detail.php?mtopic_id=2744&sub_id=95&ref_main_id=2

อัพเดทล่าสุด