L-Glutamine กับการเพิ่ม Growth Hormone


1,698 ผู้ชม


  • Glutamine เป็นกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกาย ซึ่งในร่างกายของคนเรา มีกรดอะมิโน อยู่ 2 ชนิด คือ แบบจำเป็นต่อร่างกาย (Essential Amino Acid) �
��ละแบบไม่จำเป็นต่อร่างกาย (Non-Essential Amino Acid) โดยพบว่า Glutamine เป็นกรดอะมิโนที่มีมากที่สุดในร่างกาย โดยมากกว่า 60% ของ Glutamine จะอยู่ในเซลล์กล้ามเนื้อ (Skelaton Muscle) ซึ่งมีโครงสร้างหลักๆ เป็นโปรตีน ดังนั้น Glutamine จึงเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของกล้ามเนื้อนั่นเอง
  • Glutamine เป็นกรดอะมิโนที่ร่างกายสังเคราะห์เองได้ เดิมนั้น ได้ถูกนำใช้ในรูปอาหารเสริม ของ L-Glutamine และนิยมใช้กันในกลุ่มนักกีฬา ที่ต้องการเสริมสร้างกล้ามเนื้อ เช่น นักเพาะกาย นักยกน้ำหนัก นักยิมนาสติก นักมวย ที่ต้องการให้กล้ามเนื้อแข็งแรง มากขึ้น โตขึ้น เพราะ เมื่อเรามีการออกกำลังกายอย่างหนัก ร่ายกายของเราจะมีความต้องการใช้ Glutamine จำนวนมาก แต่ร่างกายสร้างได้ไม่เพียงพอ จึงอาจมีการสลายเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อเพื่อเพิ่มปริมาณกลูตามีนให้มากขึ้นตามความต้องการ เป็นผลให้เกิดภาวะการสูญเสียกล้ามเนื้อ (Muscle breakdown) ขึ้นได้ ดังนั้นกลุ่มนักกีฬาเหล่านี้ จึงจำเป็นต้องทาน Glutamine ในปริมาณที่มากกว่าปกติ เพื่อเลี่ยงจากปัญหาการสูญเสียกล้ามเนื้อจากการสลาย Glutamine โดยจะรับประทานเป็นอาหารเสริม สำหรับสุขภาพ โดยพบว่าบางคนนำมารับประทานควบคู่กับกลุ่มเสริมสร้างโปรตีนโดยเฉพาะ เช่น Whey Protein
  • แต่ในปัจจุบัน วงการแพทย์ได้มีการพัฒนามากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มแพทย์ที่ศึกษาด้าน Anti-Aging (เวชศาสตร์ชะลอวัย) โดยได้ค้นพบเพิ่มเติมว่า Glutamine มิได้มีประโยขน์แต่เพียงข้างต้น หรือเฉพาะคนบางกลุ่มเท่านั้น แต่ยังมีบทบาทและประโยชน์อย่างอื่นๆ อีกมากมาย ต่อคนทั่วไป ดังนี้ 
    1. Glutamine จะทำหน้าที่คล้าย Branched Chain Amino Acids (BCAAs) BCAA คือจะไปกระตุ้นให้มีการหลั่ง Growth hormone ให้มากขึ้น และได้ผลดีกับทุกคน ไม่ว่าจะอายุเท่าใดโดยมีการวิจัยพบว่า Glutamine ในปริมาณ 2 กรัม ต่อวัน สามารถจะกระตุ้น Growth hormone ได้ถึง 4 เท่า เมื่อเทียบกับยาหลอก (Placebo) ซึ่งเราทราบกันดีมาก่อนแล้วว่า Growth hormone นอกจากจะทำให้มีการเจริญเติบโตของกล้ามเนื้อและกระดูก ทำให้ร่างกายเจริญเติบโต สูงขึ้นแล้ว ยังเป็นฮอร์โมนแห่งความเยาววัย ทำให้เรากลับมาหนุ่มสาวใหม่ได้อีก ดังบทความที่เขียนไว้แล้วที่นี่ https://www.clinicneo.co.th/2007/detailcolumn.php?grp=10&col_id=341 
    2. ช่วยทำให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรงขึ้น ทำให้เป็นหวัดและติดเชื้อได้ยากขึ้น 
    3. ช่วยฟื้นฟูสุขภาพหลังการเจ็บป่วย ให้กลับมาแข็งแรงได้เร็วขึ้น 
    4. ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายมีการสังเคราะห์โปรตีนและการเติบโตของกล้ามเนื้อ จากสาเหตุต่างๆ โดยเฉพาะ การออกกำลังกายอย่างหนัก ช่วยลดการเมื่อยล้าของกล้ามเนื้อในขณะออกกำลังกาย โดยการช่วยทำลาย กรดแลคติค (Lactic Acid) ที่เกิดขึ้นในกล้ามเนื้อในขณะที่ออกกำลังกายได้ ทำให้ออกกำลังกายได้นานขึ้น ซึ่งการออกกำลังกายได้นานขึ้น จะมีผลทำให้ มีการหลั่งฮอร์โมน Growth hormone ให้มากขึ้น ทางอ้อมเช่นกัน 
    5. ช่วยลดการเสื่อมสลายของกล้ามเนื้อ (Muscular Dystrophy) โดยเฉพาะในคนสูงอายุ ที่ระดับฮอร์โมนเพศเริ่มลดลง ทำให้มวลกล้ามเนื้อจะลดลง การรับประทาน Glutamine ทดแทน จะช่วยลดภาวะดังกล่าวให้รุนแรงน้อยลงได้ 
    6. สามารถใช้เป็นแหล่งพลังงานสำหรับสมองได้อีกทางหนึ่ง ช่วยทำให้ความจำดีขึ้น ป้องกันภาวะสมองเสื่อมจากสูงอายุ 
    7. ช่วยรักษาปัญหาแพ้อาหาร(food allergy ) ในกลุ่มที่มีระบบกาย่อยอาหารผิดปกติ เช่น ในกลุ่ม Leaky Gut Sybdrome,Irritible bowel syndrome,Ulcerative Colitis. 
    8. ช่วยเพิ่มระดับ Glutathione ในร่างกายให้สูงขึ้นได้ ซึ่งเราพอจะทราบประโยชน์ของ Glutathione แล้วในบทความนี้ https://www.clinicneo.co.th/2007/detailcolumn.php?grp=10&sdata=glutathione&col_id=322
  • ขนาดที่แนะนำสำหรับการรับประทาน L-Glutamine ในรูปอาหารเสริม คือ 1.5-6.0 กรัมต่อวัน หรือรับประทานในปริมาณที่แพทย์แนะนำ และควรแบ่งมื้อทานหลายๆ ครั้ง กรณีที่ต้องการรับประทานเพื่อหวังผลที่ดีที่สุด แนะนำให้ทานช่วงท้องว่าง จะช่วยดูดซึมได้ดีกว่า และเวลาที่เหมาะสมคือหลังจากการออกกำลังกายอย่างหนัก หรือช่วงก่อนนอน จัดเป็นกรดอะมิโนที่มีความปลอดภัยสูง ไม่มีผลข้างเคียงร้ายแรง ยกเว้นในรายทีแพ้กลุ่มสาร Monosodium glutamate (ที่พบในผงชูรส)
  • จากสรรพคุณและประโยขน์มากมายของ L-Glutamine นี้เอง ในความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ถือว่า L-Glutamine เป็นกรดอะมิโนจำเป็น (Essential Amino-Acid ) ที่อยากจะแนะนำให้ทุกคนรับประทาน เป็นอาหารเสริมที่สำคัญอีกตัวหนึ่ง เนื่องจากปลอดภัย ไม่มีผลข้างเคียง และได้ผลดีทุกเพศ ทุกวัย 
    เรียบเรียงและค้นคว้า โดย นพ.จรัสพล รินทระ 
    ปรับปรุงข้อมูลล่าสุด..............29 May,2009 
    เอกสารอ้างอิง....The Official Anti-Aging Revolution, Stop the clock .Time is your side for a younger,stronger,happier you.By.Ronald Klantz,MD.D.O. and Robert Goldman,MD.Ph.D.,D.O.,F.A.A.S.P,page 245-247

ที่มา : https://www.clinicneo.co.th/detailcolumn.php?grp=10&sdata=&col_id=347

อัพเดทล่าสุด