Peeling การผลัดผิวหน้าด้วยสารกลุ่ม AHAs,BHAs,PHAs,TCA


1,307 ผู้ชม


  • Chemical Peeling คือ การเร่งให้ผิวหนังหลุดลอกออกเร็วขึ้น โดยใช้สารเคมี อาทิ กรดผลไม้AHAs,BHAs,PHA,และ TCA ที่มีความเข้มข้นแตกต่างกัน แล��
�วแต่จุดประสงค์ของ แพทย์ผิวหนัง ในการใช้แก้ปัญหาด้านผิวพรรณ โดยมีหลักการรักษา คือทำให้เกิดการทำลายเซลล์ผิวหนังให้น้อยที่สุด และมีการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ให้มากที่สุด
  • การทำ Facial Peeling ปกติแพทย์จะนัดทำประมาณ 3-4 อาทิตย์ต่อครั้ง เพราะการทำซ้ำๆกันหลายๆครั้ง จึงจะได้ผลดี เพราะ มีความเสี่ยงน้อย แต่มีผลสะสมทำให้ได้ผลการรักษาที่ดีกว่า การทำเพียงครั้งเดียว โดยมีผลทำให้ผิวหนังเต่งตึงและดูดีขึ้นได้
  • การทำ Peeling จำแนกได้โดยขึ้นอยู่กับ ความตื้นลึกในการลอก โดยแตกต่างกันที่ชนิดของสารเคมี และความเข้มข้นที่ได้ โดยจัดแบ่งการผลัดผิวได้เป็น 
        1. Very Superficial Peeling การผลัดผิว อย่างบางๆ ลอกเฉพาะเซลล์ผิวชั้นนอก(Stratum Corneum) มักใช้ 30-50 % Glycolic acid ( AHA) หรือ 10 % TCA ทานาน 1-2 นาที 
        2. Superficail Peeling ผลัดผิวลึกลงกว่า วิธีที่ 1 ทำให้เซลล์ในชั้น Epidermis บางส่วน หรือทั้งหมด จนถึงบริเวณ รอยหยัก หลุดลอกออก มักใช้ 30-50 % Glycolic acid ทานาน 2-20 นาที หรือ 10-30 % TC 
        3. Medium Peeling ผลัดผิวลึกลงกว่า วิธีที่ 2 ทำให้เซลล์ในชั้น Epidermis บางส่วน หรือทั้งหมด จนถึงบริเวณ รอยหยัก หลุดลอกออก มักใช้ 70 % Glycolic acid ทานาน 3-30 นาที หรือ 30-50 % TCA
  • ประโยชน์ในการผลัดผิวหน้า ด้วยการทำ Peeling 
        1. ลดรอยหมองคล้ำ รอยดำ ทำให้ผิวหน้าขาวเนียนขึ้น 
        2. รักษาฝ้า กระ ให้สีจางลงได้ 
        3. ข่วยให้รอยหลุมจากสิวตื้นขึ้น และ แผลเป็นรอยนูนราบลงได้ 
        4. แก้ไขปัญหารูขุมขนกว้าง ทำให้ผิวหน้าเรียบเนียนขึ้น 
        5. ลดริ้วรอยเหี่ยวย่น แก่ก่อนวัย
  • ข้อแนะนำหลังการรักษา 
        1. ล้างหน้าด้วยน้ำสะอาด หรือ โฟม หรือ สบู่อ่อนๆ งดใช้ครีมทุกชนิด ในวันแรกที่ทำการรักษา 
        2. หลีกเลี่ยงการออกแดด ถ้าจำเป็นให้ใช้ครีมกันแดดทาก่อนออกแดด ควรเลือกที่มี SPF > 25 
        3. ผิวหน้าจะลอกภายใน วันที่ 3-5 หลังการทำ Peeling ไม่ควรแกะออกเอง ให้หลุดลอกตามธรรมชาติ อาจใช้ครีมบำรุงกลบรอยขุยที่หลุดลอกได้
  • การทำ Peeling นี้ แต่ละคลินิกจะได้ผลแตกต่างกันขึ้นอยู่กับ 
        1. วัตถุประสงค์ที่ต้องการให้ลอก ลึกแค่ระดับใด 
        2. ชนิดของสารเคมีที่ใช้ 
        3. ความเข้นข้นของสารเคมี 
        4. จำนวนครั้งการทา 
        5. PHของสารเคมีที่ใช้ 
        6. เทคนิคการทา 
        7. ชนิดหรือปัญหาของผิวหนังแต่ละคน 
        8. ระยะเวลาในการทาทิ้งไว้ 
        9. ความสะอาดของผิวหน้า 
        10. ประวัติรักษาที่เคยทำมาก่อน 
    เรียบเรียงและค้นคว้าใหม่โดย นพ.จรัสพล รินทระ .......................28 July,2005

ที่มา : https://www.clinicneo.co.th/detailcolumn.php?grp=9&sdata=&col_id=122

อัพเดทล่าสุด