Botox สารที่ฉีดเพื่อแก้ปัญหารอยย่น ตีนกา โดยไม่ต้องทำศัลยกรรม


1,194 ผู้ชม


  • ปัญหา ริ้วรอยเหี่ยวย่น บนใบหน้าของคนเรา โดยเฉพาะผู้ที่รักสวยรักงาม กลัวแก่ ได้เป็นปัญหาหลักปัญหาหนึ่ง โดยเฉพาะ��
�้าท่านยังมีความสามารถในการจับจ่าย ( มีสตางค์) และคงมีหลากหลายวิธี ที่จะแก้ไขปัญหาดังกล่าว นับตั้งแต่การทำศัลยกรรม เช่น การดึงหน้า ฉีดคอลลาเจน จนถึงการใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับผิวหน้า หลากหลายยี่ห้อ เพื่อชะลอความแก่
  • บทความนี้ จะนำเสนอ การแก้ไขปัญหาริ้วรอยเหี่ยวย่น อีกวิธีหนึ่ง ซึ่งได้เป็นที่นิยม ในต่างประเทศ ในระยะ 5-7 ปีนี้ และในเมืองไทยได้มีคลินิกความงาม หลายที่ได้นำเข้ามารักษาและแก้ไข นั่นคือ การฉีดสารโบท็อกซ์ และคาดว่าจะฮิตติดอันดับในการรักษารอยเหี่ยวย่น อีกทางหนึ่ง
  • สาร Botox คือ Botulinum toxin ชนิด A ซึ่งเป็นผงปราศเชื้อของ แบคทีเรีย Clostridium botulinum Hall strain ซึ่งเป็นเชื้อแบคทีเรีย กลุ่มเดียวกับเชื้อที่ทำให้เกิดบาดทะยัก แล้วนำมาผ่านกระบวนการทำให้บริสุทธิ์ ก่อนใช้จะนำมาผสมกับน้ำเกลือ ก่อนฉีดเข้าสู่กล้ามเนื้อที่ต้องการแก้ไข
  • กลไกการออกฤทธิ์ของสารโบท็อกซ์ จะไปยับยั้งการสื่อสารระหว่างเซลประสาทและกล้ามเนื้อ เนื่องจากในภาวะปกติ กล้ามเนื้อจะทำงาน เคลื่อนไหว หรือ หดตัว ต้องอาศัยการสั่งงานจากเซลประสาท โดยอาศัยสารคัดหลั่ง Acetylcholine ดังนั้นเมื่อฉีด Botox จะทำให้ยับยั้งการหลั่งสาร Acetylcholine ดังนั้นกล้ามเนื้อจะขาดการรับรู้การเซลล์ประสาท จึงไม่เกิดการหดตัว เกร็ง
  • การแก้ไขริ้วรอยเหี่ยวย่น โดยการฉีดสารโบท็อกซ์ จึงเหมาะกับริ้วรอยที่เหี่ยวย่นจากการหดเกร็งตัวของกล้ามเนื้อมากกว่าปกติ เช่นรอยย่นจากการขมวดคิ้ว ริ้วรอยตีนกาเวลายิ้มหรือหัวเราะ รอยย่นบริเวณหน้าผาก แต่ริ้วรอยเหี่ยวย่นบริเวณร่องแก้ม มักไม่ได้ผลจากการฉีดสารโบท็อกซ์
  • ระยะเวลาหลังฉีดสารโบท็อกซ์ จะเริ่มออกฤทธิ์ ที่จะลดริ้วรอยเหี่ยวย่น จากการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อดังกล่าว ประมาณ 5-7 วัน และมีฤทธิ์ของยา ประมาณ 4-6 เดือน ริ้วรอยดังกล่าวก็จะกลับมาปกติ ดังนั้นผู้ที่ทำการรักษาจึงต้องไปฉีดซ้ำอีก
  • ค่าใช้จ่ายในการฉีด สารโบท็อกซ์ อยู่ระหว่าง 5,000-15,000 บาท ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละคลินิก และยูนิตในการฉีด เพราะต้นทุนของยา จากบริษัทยา ขวดละ 10,000 กว่าบาท บรรจุ 100 ยูนิต เมื่อเปิดใช้ ไม่สามารถเก็บได้นานเกิน 1 สัปดาห์ ประสิทธิภาพของยาจะเสื่อมลง ดังนั้นบางคลินิก จึงใช้วิธีรวบรวมคนไข้ แล้วนัดมาฉีดพร้อมกันเพื่อเป็นการประหยัดค่าใช้จ่าย ในแต่ละคนจะใช้ยาไม่เท่ากัน เช่นการฉีดบริเวณ รอยย่นที่หน้าผาก จะใช้อยู่ประมาณ 20 ยูนิต รอยตีนกา ประมาณ 12-20 ยูนิต บริเวณหัวคิ้ว ประมาณ 12 ยูนิต ค่าใช้จ่ายต่อยูนิต อยู่ประมาณ 300-500 บาทต่อยูนิตที่ฉีด
  • ข้อควรระวังในการฉีดสารโบท็อกซ์ 
        - งดกินยาแก้ปวดจำพวกแอสไพริน หรือยากลุ่มNsaid ยาลดเกร็ดเลือดก่อน อย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพื่อป้องกันเลือกออก 
        - การประคบด้วยความเย็น ตรงตำแหน่งที่ฉีด ก่อนและหลังการฉีด เพื่อลดอาการปวดหรือรอยช้ำจ้ำเลือด 
        - ไม่ใช้ร่วมกับการกินยาปฏิชีวนะ กลุ่ม Aminoglycoside เช่น Kanamycin Amikacin ฯลฯ 
        - ห้ามนวดคลึงบริเวณที่ฉีด 
        - ควรเลี่ยงการทำทรีทเม้นต์หลังฉีด 2 อาทิตย์ เพราะจะมีผลต่อกล้ามเนื้อที่ฉีดทำให้โบทอกซ์กระจายไปออกฤทธิ์ในตำแหน่งที่ไม่ต้องการ เช่น การทำ RF ยกกระชับ การนวดหน้าแรงๆ ตามร้านเสริมสวย 
        - ห้ามฉีดในสตรีมีครรภ์
  • ผลแทรกซ้อนที่อาจพบได้ 
        - รอยช้ำจ้ำเลือด พบได้บ่อย โดยเฉพาะบริเวณหางตา 
        - บวมบริเวณที่ฉีด 
        - ปวดบริเวณที่ฉีด 
        - หนังตาตก และมักหายภายใน 2 สัปดาห์ 
        - การแสดงสีหน้า อาจไม่เป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะเวลาโกรธ หัวเราะ หรือร้องไห้ 
        - อาจเกิดการดื้อยาได้ ในรายที่มีภูมิคุ้มกันต่อยา 
        - ยังไม่พบการแพ้ยาที่รุนแรง และเป็นผลเสียต่ออวัยวะภายในร่างกาย
  • อย่างไรก็ตาม ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นดังกล่าว สามารถเลี่ยงหรือทำให้เกิดได้น้อยที่สุดได้ ถ้าแพทย์ที่ทำมีความชำนาญในการฉีดและมีประสบการณ์ในการทำมามากพอสมควร ดังนั้นการเลือกแพทย์ที่ผ่านการฝึกฝนอบรมมาเป็นอย่างดี ย่อมทำให้การรักษาได้ผล และไม่มีผลข้างเคียง 
    เรียบเรียงและค้นคว้าใหม่โดย นพ.จรัสพล รินทระ....ปรับปรุงข้อมูลล่าสุด....23 Febuary ,2009

ที่มา : https://www.clinicneo.co.th/detailcolumn.php?grp=9&sdata=&col_id=118

อัพเดทล่าสุด