ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับโบทอกซ์


3,432 ผู้ชม


  •   จากประสบการณ์ในการฉีดโบทอกซ์ และการถามตอบเกี่ยวกับเรื่องนี้ มานับสิบปี พบว่าคนไข้มักจะมีคำถามที่ถามกันซ้ำ ๆ แ��
�ะบางทีก็มีข้อมูลที่ได้รับมาไม่ถูกต้อง บวกกับความเชื่อที่บอกต่อๆ กันมาจากเพื่อนที่ไม่ได้อยู่ในแวดวงทางการแพทย์ หรืออาจจะอยู่แต่ไม่ได้เชี่ยวชาญหรือมีประสบการณ์โดยตรง หรือจากเวบที่เล่าบอกกันมาเรื่อยๆ จนทำให้เกิดความเข้าใจที่ไขว้เขว ไม่แน่ใจ หรือทำให้ดูแลป้องกัน ได้ผิดวิธี  จึงทำให้เกิดแนวความคิดว่า ผู้เขียนคงต้องค้นหาข้อมูล รายงาน งานวิจัยทางการแพทย์ที่ยอมรับเป็นสากล อย่างน้อยก็ช่วยลดความสงสัยและความวิตกกังวลของคนไข้ได้บ้าง ดังนี้
  • การอบซาวน่า หรือ รับประทานของร้อนๆ มีผลต่อโบทอกซ์ที่ฉีดหรือไม่
    -จริงๆ แล้วการอบซาวน่า หรือการรับประทานของร้อนๆ หรือการไดร์สผมร้อนๆ หรือการดื่มอัลกอฮอล์ ไม่มีผลต่อฤทธิ์ของโบทอกซ์ เพราะโบทอกซ์หลังฉีด ตัวยาจะไปรวมกับสารรับรู้  (Receptor) ในทันทีแล้วจะค่อยๆ ออกฤทธิ์ยับยั้งการสื่อสารระหว่างเซลประสาทและกล้ามเนื้อในเวลาไม่กี่นาทีหรือ จะทำให้ยับยั้งการหลั่งสาร Acetylcholine เนื่องจากในภาวะปกติ กล้ามเนื้อจะทำงาน เคลื่อนไหว หรือ หดตัว ต้องอาศัยการสั่งงานจากเซลประสาท โดยอาศัยสารคัดหลั่ง Acetylcholine ดังนั้นเมื่อฉีด Botox จะทำให้ยับยั้งการหลั่งสาร Acetylcholine กล้ามเนื้อจะขาดการรับรู้การเซลล์ประสาทในทันทีหลังฉีด  ดังนั้นการที่แนะนำให้เลี่ยงหรืองดการอบซาวน่า การดื่มอัลอกฮอล์ ก็เพียงเพื่อป้องกันการฟกช้ำได้ง่าย(Bruise) จากเส้นเลือดฝอยที่ขยายตัวจากอัลกอฮอล์ หรือความร้อนต่างหาก  แต่ไม่ได้มีผลทำให้ฤทธิ์ของโบทอกซ์ลดลงจากเดิมแต่อย่างใด 
  • โบทอกซ์แต่ละยี่ห้อแตกต่างกันอย่างไร
    - แตกต่างกันอย่างแน่นอน แม้ว่าตัวยาที่ใช้ในการฉีดจะมีกลไกในการออกฤทธิ์เหมือนกันทุกยี่ห้อ แต่ข้อแตกต่างเกิดจากองค์ประกอบอย่างอื่น เช่น Protein load ซึ่งพบว่าตัวนี้มีผลอย่างมากต่อการออกฤทธิ์ของโบทอกซ์ ทั้งในแง่ประสิทธิภาพ และระยะเวลา นอกจากนี้จำนวนยูนิตของโบทอกซ์ของแต่ละยี่ห้อ ก็ออกฤทธิ์ได้ไม่เท่ากัน ดังนั้นการที่จะบอกว่าใช้จำนวนยูนิตเท่าไหร่ ยิ่งเยอะยิ่งดี คงไม่ถูกต้องนัก ต้องดูว่าใช้ยี่ห้ออะไร ได้มาตรฐานสากลหรือไม่ FDA รับรองผลแค่ไหน ดังนั้นไม่ควรเอาราคามาเป็นโจทย์ในการเลือกฉีดโบทอกซ์ ควรจะเอายี่ห้อที่ฉีดเป็นโจทย์หลัก  แล้วค่อยว่ากันถึงปริมาณยูนิตที่ฉีดเป็นปัจจัยถัดมา นอกเหนือจากประสบการณ์ของแพทย์ที่ฉีด  โดยพบว่าโบทอกซ์ยี่ห้อ Allergan จัดเป็นโบทอกซ์ที่ออกฤทธิ์ต่อยูนิตสูงสุด และอยู่ได้นานสุด ซึ่งทางคลินิกนีโอ ก็ได้เลือกโบทอกซ์ยี่ห้อ Allergan เพียงยี่ห้อเดียวสำหรับให้บริการคนไข้  และปัจจุบันพบว่ามีโบทอกซ์ปลอมระบาดไปทั่ว ตามร้านเสริมสวย หรือหมอกระเป๋า ซึ่งยิ่งต้องน่ากลัว สังเกตได้ยาก (ตอนนี้ก็มีข่าวตามจับกันอยู่ เช่น https://www.dailynews.co.th/crime/203587) ดังนั้นควรเลือกถ้าให้แน่ใจว่าแพทย์ได้ใช้โบทอกซ์ของแท้หรือไม่ อาจจะสอบถามเพิ่มเติม รายชื่อคลินิกหรือแพทย์ที่ใช้ของแท้ได้ที่ บริษัท Allergan ได้โดยตรงที่ เบอร์โทร  02-6404999 
  • โบทอกซ์เหมาขวดกับฉีดตามปริมาณยูนิต อย่างไหนดีกว่ากัน
    -ปกติโบทอกซ์ 1 ขวด จะบรรจุในรูปของยาผงหรือ Dry Power แล้วค่อยนำมาผสมกับน้ำเกลือสะอาด (normal saline) 1-4 ซีซีต่อ 100 ยูนิต ดังนั้นการดูซีซีของการฉีดโบทอกซ์ไม่ได้บ่งบอกอะไร ต้องดูว่าการผสมนั้นผสมแบบไหน
     ถ้าผสมแบบ 1 ซีซี ก็เท่ากับ 10 Unit/0.1 CC ( ที่อเมริกามักจะใช้สูตรนี้) หรือ ถ้าผสม 4 ซีซี ก็จะเท่ากับ 4 ยูนิต/0.1 ซีซี (ในเมืองไทยมักจะผสมสูตรนี้) ดังนั้นถ้าเอาปริมาณซีซีที่ฉีด ว่าฉีดเท่านั้นเท่านี้ซีซี ไม่บ่งบอกอะไร ปกติเวลาโบทอกซ์ผสมแล้ว ควรจะใช้ให้หมดใน 1 อาทิตย์ ฤทธิ์โบทอกซ์จะคงสภาพได้เกือบ 100% แต่ถ้าผสมทิ้งไว้เกิน 1 เดือน ฤทธิ์โบทอกซ์จะลดลงไม่ถึง 80% ดังนั้นบางคลินิก หรือบางที่เช่นหมอกระเป๋าทั้งหลาย จึงจะนิยมบอกให้คนไข้เหมาขวด
     เพราะถ้าฉีดไม่หมดและทิ้งไว้นาน จะเหมือนฉีดน้ำเปล่าให้ เค้าต้องทิ้ง จึงมีต้นทุนสูง บางที่มีเทคนิคว่าเหมาขวดจะถูกกว่า แล้วเก็บไว้ฉีดเมื่อไหร่ก็ได้จึงไม่เป็นความจริง เป็นการล่อหลอกให้จ่ายเงินไว้ล่วงหน้า ซึ่งจริงๆแล้ว โบทอกซ์ที่เหลือ
    ของเรา เค้าก็เอาไปฉีดคนอื่น
     แล้วเอาของคนอื่นมาฉีดให้เรา ดังนั้นการฉีดโบทอกซ์ถ้าจะเหมาขวด ต้องฉีดให้เราเห็นว่าใช้หมดขวดจริงๆ ไม่มีเก็บไว้คราวต่อไป หรือถ้าจะฉีดก็ควรคิดราคา ตามปริมาณยูนิตที่ฉีดเป็นครั้งๆ ไป 
  • ฉีดโบทอกซ์ไปแล้ว ไม่พอใจหรือเกิดผลข้างเคียง จะสลายได้หรือไม่ หรือทำให้หมดฤทธิ์เร็วขึ้น ได้อย่างไร
     - บางคนไปฉีดโบทอกซ์กับคนที่ไม่ใช่แพทย์ที่มีประสบการณ์โดยตรง หรือกับบุคคลที่ไม่ใช่แพทย์ เช่น คนรู้จัก หรือพยาบาล และเกิดผลข้างเคียง เพราะคิดว่าใครๆ ก็ฉีดกันได้ เป็นความเชื่อที่ไม่ถูกต้อง แพทย์ที่จะฉีดโบทอกซ์แล้วผลออกมาดี และไม่มีผลข้างเคียง ต้องมีความรู้ความชำนาญในสรีระ และกล้ามเนื้อทุกมัดที่จะฉีด เพราะกล้ามเนื้อโดยเฉพาะที่ใบหน้า สานทอกันเป็นร่างแห และมีกลไกการทำงานแตกต่างกัน การฉีดผิดตำแหน่ง หรือไปทำบางตำแหน่งที่ห้ามฉีด ก็อาจจะมีผลข้างเคียงเกิดขึ้นได้ เช่น ฉีดรอยย่นหน้าผาก ถ้าฉีดต่ำใกล้คิ้วมากเกินไป ก็อาจจะเกิดหนังตาตก ลืมตาไม่ขึ้น หรือกรณีฉีดลดกราม ซึ่งจริงๆ ต้องฉีดที่กล้ามเนื้อ Masetter (กราม) แต่กลับไปฉีดลึกเกินไป หรือใกล้มุมปากมากเกินไป ยาจึงไปมีผลต่อกล้ามเนื้อที่ควบคุมเกี่ยวกับการยิ้ม ทำให้ยิ้มไม่ได้ หรือยิ้มแล้วมุมปากยกไม่เท่ากัน  หรือบริเวณโหนกแก้ม ร่องแก้ม เป็นบริเวณที่ไม่ควรฉีดโบทอกซ์ ก็ไปฉีดโบทอกซ์ปูพรมไปทั้งหน้า เพราะคิดว่าคงจะช่วยยกกระชับใบหน้าได้ กลับยิ่งทำให้หน้าหย่อนคล้อยได้มากขึ้น เมื่อเกิดผลข้างเคียงดังกล่าว ก็อยากจะทำให้โบทอกซ์สลายเร็ว เพื่อจะได้แก้ปัญหาดังกล่าว โดยคิดว่าคงมีวิธีที่จะทำให้โบทอกซ์สลายไปเร็วขึ้น เช่น ไปอบซาวน่า ไปทำ RF ทำไอออนโต หรือทำเลเซอร์ เพื่อสลาย ขอบอกเลยว่าไม่สามารถช่วยได้แม้แต่น้อย เพราะโบทอกซ์เมื่อฉีดไปแล้วไม่เกิน 3-4 ชม. ไปจะจับกับ Recepetor แล้ว พร้อมจะออกฤทธิ์ และไม่สามารถจะทำให้การจับกับ Receptorคลายออกได้ ดังนั้นต้องรอให้โบทอกซ์ค่อยๆ คลายฤทธิ์ไปเองตามธรรมชาติของตัวยา ซึ่งใช้เวลาประมาณ 3-4 เดือน อาการหรือผลข้างเคียงดังกล่าวจึงจะค่อย ๆ หายไป 
  • กรณียาบางตัวมีผลต่อโบทอกซ์หรือไม่ 
    -ปกติตัวยาโบทอกซ์ค่อนข้างจะปลอดภัยสูง ถ้าแพทย์ที่ฉีดมีความชำนาญ และผ่านการอบรมหลายครั้ง ทั้งในและต่างประเทศ และได้เห็นตัวอย่างที่แพทย์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก สาธิตเทคนิคการฉีด  (ขอย้ำว่าไม่ใช่ไปอบรมแค่ไม่กี่ครั้งแล้วจะสามารถฉีดโบทอกซ์ได้ดี ) ส่วนตัวยาอะไรบ้างที่มีผลต่อโบทอกซ์ ยังไม่มีข้อห้ามที่ชัดเจน แต่ควรระวังในกลุ่มยาเหล่านี้
    1. ยาปฏิชีวนะในกลุ่ม Aminoglycosides เป็นกลุ่มของยาปฏิชีวนะที่มีฤทธิ์ต้านแบคทีเรียยากลุ่มนี้ได้แก่  ยาที่มีกลไกการออกฤทธิ์ของอะมิโนไกลโคไซด์คือการไปเชื่อมต่อกับไรโบโซม (ribosome) 30เอส ของแบคทีเรียทำให้เกิดความผิดพลาดในการอ่านรหัส ที-อาร์เอ็นเอ (t-RNA) และแบคทีเรียไม่สามารถสังเคราะห์โปรตีนเพื่อการเจริญเติบโตได้ ยกตัวอย่างเช่น  อะมิกาซิน (amikacin),เจนตามิซิน (gentamicin),กานาไมซิน (kanamycin),นีโอไมซิน (neomycin),เนติลมิซิน (netilmicin)พาโรโมไมซิน (paromomycin),สเตรปโตไมซิน(streptomycin),โตบราไมซิน (tobramycin),ยาที่สกัดจากเชื่อราสเตรปโตไมซีส (Streptomyces) จะมีคำลงท้ายว่า -ไมซิน (-mycin) ยาที่สกัดจากเชื่อราไมโครโมโนสปอรา (micromonospora) จะมีคำลงท้ายว่า -มิซิน (-micin)  เพราะอาจจะมีทำให้ฤทธิ์โบทอกซ์ลดลงได้
    2. ยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด  เช่น กลุ่มยา Aspirin หรือยารักษาอาการปวดข้อ เช่น Brufen หรือยาสลายลิ่มเลือดบางตัว เช่น Coumadin  หรือวิตามินอี วิตามินซี อาจจะมีผลทำให้เกิดรอยฟกช้ำได้ง่าย เพราะยากลุ่มเหล่านี้ ทำให้เลือดแข็งตัวได้ช้ากว่าปกติ เมื่อก่อนฉีดโบทอกซ์ จึงควรจะหยุดยาซัก 2-3 วันและหลังฉีดอีก 2-3 วัน เพียงเพื่อ
    ป้องกันการฟกช้ำ รอยเขียวช้ำได้ง่าย ตามรอยเข็มที่ฉีดเท่านั้น  ส่วน ยารักษาสิว เช่น โรแอคคิวเทรน หรือยาแก้อักเสบตัวอื่นๆ หรือยานอกเหนือจากที่กล่าวในข้อ 1-2 จะมีผลหรือไม่ ต้องหยุดหรือไม่ หรือหลังฉีดมีข้อห้ามอะไรหรือเปล่า จริงๆ ยานอกเหนือจากนี้ ไม่มีผลต่อฤทธิ์ของโบทอกซ์เลยหรือยังไม่มีรายงานข้อควรระวัง
  • การฉีดโบทอกซ์ มีผลต่อทารกในครรภ์หรือไม่ อย่างไร
    -มีการถกเถียงกันมากว่า โบทอกซ์มีผลต่อทารกในครรภ์หรือไม่ หรือเมื่อฉีดโบทอกซ์ไปแล้ว เกิดตั้งครรภ์แบบไม่ตั้งใจ จะมีผลต่อทารกหรือไม่อย่างไร  ขอชี้แจงดังนี้ว่า เคยมีแต่บางรายงาน ว่ามีการฉีดโบทอกซ์ในสัตว์ทดลองแล้วมีผลต่อทารกในครรภ์ แต่ในมนุษย์ยังไม่มีรายงาน เพราะปกติสตรีมีครรภ์ ไม่ควรจะฉีดอยู่แล้ว หลักสากลก็คือ สูติแพทย์จะแนะนำให้สตรีมีครรภ์ ควรจะรับประทานยาเท่าที่จำเป็น และหลีกเลี่ยงการทำทรีทเม้นต์ต่างๆ ยกเว้น กรณีฉุกเฉิน และเสี่ยงต่อสุขภาพของมารดา ก็อาจจะพิจารณาทำการรักษาได้ เคยมีคนไข้ที่ตั้งครรภ์ในเมืองนอก แล้วมีปัญหากล้ามเนื้อทำงานผิดปกติ กระตุก หรือไมเกรนอย่างหนัก แพทย์บางท่านก็ยังพิจารณาฉีดโบทอกซ์ให้ เพื่อทำการรักษา ทารกก็คลอดออกมาปกติ หรือในเมืองไทย จากประสบการณ์ของผู้เขียน ที่ผ่านการฉีดโบทอกซ์มาสิบกว่าปี ฉีดคนไข้หลายพันคน เคยมีเช่นกัน ที่คนไข้ฉีดโบทอกซ์ไปแล้ว เกิดตั้งครรภ์ ขึ้นมา แล้วมาปรึกษา ก็ได้ให้คำแนะนำไป และทารกทุกราย (มีบันทึกประมาณ 6 ราย) ก็คลอดปกติ แต่ถ้าต้องการจะตั้งครรภ์ หรือกำลังตั้งครรภ์ ผู้เขียนก็ไม่ฉีดโบทอกซ์ให้อยู่แล้ว
    เพราะเป็นหลักสากลที่เราไม่ควรจะทำ
  • ข้อห้ามในการฉีดโบทอกซ์ จริงๆ มีอะไรบ้าง
    -มีนะครับ ดังนี้
    1. คนที่แพ้สาร Botulinum Toxin Type A
    2. ไม่ควรจะฉีดโบทอกซ์ในบริเวณที่มีแผลหรือการติดเชื้อแบคทีเรีย 
    -  นอกนั้นมีแค่ควรเลี่ยงหรือระมัดระวัง ในกลุ่มที่มีปัญหาเรื่องกล้ามเนื้อและเส้นประสาทผิดปกติ ( Neuromuscular disorder) หรือมีปัญหาเรื่องกระเพาะปัสสาวะหย่อนยาน กลั้นปัสสาวะไม่ได้( Urinary retention) 
    เรียบเรียงและค้นคว้า โดย นพ. จรัสพล รินทระ
    Update ล่าสุด 14 May,2013 
    แหล่งข้อมูลสนับสนุน: https://www.realself.com/question/steam-bath-sauna-damage-effects-botox
    https://www.allergan.com/assets/pdf/botox_pi.pdf
    https://www.realself.com/search/results?gsc.q=botox
    https://www.realself.com/question/reloxin-vs-botox-whats-difference)

ที่มา : https://www.clinicneo.co.th/detailcolumn.php?grp=9&sdata=&col_id=389

อัพเดทล่าสุด