สาเหตุของผมร่วงและแนวทางการรักษา


1,986 ผู้ชม


  • สาเหตุของผมร่วง จำแนกสาเหตุของผมร่วง ได้ดังนี้:
       1. ผมร่วงแ
บบมีแผลเป็น: มักเกิดจากการมีบาดแผล หรืออุบัติเหตุ เป็นส่วนใหญ่ บางครั้ง อาจเกิดจากการติดเชื้อเช่น งูสวัด โรคSLE ซึ่งมักแก้ไข หรือทำให้เกิดผมใหม่ได้ยาก 
   2. ผมร่วงแบบไม่มีแผลเป็น: พบได้บ่อย และเป็นสาเหตุที่พบได้ทุกเพศวัย ซึ่งพอจะมีทางแก้ไขให้มีผมงอกขึ้นมาใหม่ได้ แต่ใช้เวลา ประมาณ 3-8 เดือน ขึ้นอยู่กับสาเหตุ ดังนี้ 
      2.1 กรรมพันธุ์ พบได้บ่อยมาก มักเกิดได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง บางคนอาจพบว่าผมเริ่มร่วงและบาง ตั้งแต่วัยรุ่นและศีรษะล้าน-บาง ก่อนวัยกลางคนเสียอีก 
      2.2 ระดับฮอร์โมนเพศชาย(Dihydrotestosterone) บริเวณหนังศีรษะมากกว่าปกติ ชึ่งพบว่ามีฤทธิ์ทำให้ผมร่วงเร็วกว่าปกติ หรือทำให้วงจรชีวิตของเส้นผมสั้นกว่าปกติ ทำให้ผมงอกใหม่ทดแทนไม่เพียงพอ หรือทำให้เซลสร้างผมไม่สร้างผมใหม่มาทดแทน
      2.3 ความเครียด(Stress) พบว่าความผิดปกติทางอารมณ์ จะทำให้หลอดเลือด ที่มาเลี้ยงบริเวณหนังศีรษะหดตัว ทำให้เซลล์ผมขาดสารอาหาร จึงทำให้ผมแฟบเล็กลงและร่วงในที่สุด
      2.4 โรคภูมิแพ้หนังศีรษะ ( Alopecia Areata)-โรคผมร่วงหย่อม ปัจจุบันยังไม่สามารถหาสาเหตุที่แท้จริงได้ แต่มีปัจจัยหลายอย่างที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรรมพันธุ์ ปฎิกิริยาออโตอิมมูนในร่างกาย ความเครียด อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่นี่https://www.clinicneo.co.th/2007/detailcolumn.php?grp=7&&col_id=50 
      2.5 การติดเชื้อที่หนังศีรษะ( Infection) จาก เชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา บนหนังศีรษะ ซึ่งจะทำให้หนังศีรษะอักเสบเกิดอาการคัน มีรังแค จึงเกิดการเกาและดึงรั้งเส้นผม ทำให้ผมร่วง 
      2.6 โรคประจำตัวบางอย่าง(Chronic Disease)เช่น มะเร็ง โรคต่อมทัยรอยด์ผิดปกติ ซิฟิลิส หรือ ได้รับสารหรือแพ้ยาบางตัว เช่น ยาต้านมะเร็ง ยาในกลุ่มรักษาโรคไทรอยด์เช่น propylthiouracil ยาในกลุ่มรักษาโรคหัวใจหรือใจสั่น beta-blocker ยาในกลุ่มป้องกันการแข็งตัวของเลือด (heparin wafarin) ยารักษาโรคเก๊าท์ allopurinol วิตามินA ยาเคมีบำบัดการฉายรังสี ดังนั้นแพทย์ต้องซักประวัติคนไข้ให้ละเอียด ก่อนวางแผนการรักษา
      2.7 ผลจากการกระทำของตนเอง( Trichotillomania-เขียนบทความไว้แล้วที่นี่https://www.clinicneo.co.th/2007/detailcolumn.php?grp=7&&col_id=61 ) ได้แก่ การชอบถอนผม การแกะเกา ดึงทึ้งผม การถอนผมคัน การยืดผม
  • ก่อนจะทำการรักษาผมร่วง แพทย์จะทำการซักประวัติเช่นเดียวกับการตรวจโรคทั่วไป โดยจะถามถึงระยะเวลาที่ผมร่วง ลักษณะที่ร่วง( ร่วงเฉพาะที่ หรือร่วงทั่วไป) ปริมาณที่ผมร่วงต่อวัน ประวัติทางกรรมพันธุ์ โรคประจำตัว และอาการอื่นๆ ร่วมด้วยหรือไม่ เช่น คัน รังแค ปวดข้อ แพ้แสง ภูมิแพ้ ฯลฯ การตรวจหนังศีรษะ และเส้นผม เพื่อดูความผิดปกติ เช่น ขุย ลักษณะการอักเสบ เส้นผมที่ร่วง ความหนาแน่นของเส้นผม แล้วนำประวัติและการตรวจร่างกายมาวิเคราะห์ถ้าสาเหตุ เพื่อแก้ไขและรักษา
  • แนวทางการดูและและรักษาผมร่วง ในปัจจุบัน แบ่งได้ดังนี้ 
          1.การรักษาที่สาเหตุที่ทำให้ร่วง เช่น รักษาภาวะอักเสบของหนังศีรษะ แก้ไขพฤติกรรมในบางอย่างในผู้ป่วยที่ชอบดึงทึ้งผม 
          2.กรณีที่ผมร่วงจากพันธุกรรม หรือ ฮอร์โมน DHT( Dihydrotestosterone) ควรรับประทานยา Finasteride( ได้แยกเขียนรายละเอียด ของยาตัวนี้ไว้แล้ว ที่นี่ https://www.clinicneo.co.th/2007/detailcolumn.php?grp=7&&col_id=14 ) และทาโลชั่นปลูกผมที่มีส่วนผสมของ Minoxidil(มีบทความรายละเอียด ถึงกลไกการออกฤทธิ์ไว้แล้วที่นี่ https://www.clinicneo.co.th/2007/detailcolumn.php?grp=7&&col_id=15 ) และ/หรือร่วมกับการรับประทานวิตามินสำหรับเส้นผม ปัจจุบันได้มีการนำเทคนิคใหม่ล่าสุดในการนำยา Finasteride+Minoxidil+วิตามินต่างๆ ในรูปยาฉีดผสมเป็นคอกเทล ฉีดด้วยปืนดิจิตอลเข้าไปที่หนังศีรษะที่บาง โดยเรียกว่าเทคนิค Mesotherapy ซึ่งเป็นการรักษาที่นำมาเสริมการรับประทานยาและยาทา โดยมีรายงานจากฝรั่งเศสว่า ช่วยทำให้เส้นผมงอกได้เร็วขึ้นและเพิ่มขึ้น อ่านรายละเอียดได้ที่นี่ https://www.clinicneo.co.th/2007/detailcolumn.php?grp=9&&col_id=262 
          3. การทอเส้นผม ในความเห็นส่วนตัว ไม่แนะนำให้ทอผม เพราะแม้จะเห็นผลเร็ว แต่จะมีความรู้สึกไม่สบายหนังศีรษะ และเมื่อผมยาว ก็ต้องตัดผม รวมทั้งเส้นผมที่ทอด้วย ทำให้ต้องทำบ่อยๆ และเสียค่าใช้จ่ายมาก ( ค่าใช้จ่ายเท่าที่ทราบประมาณหมื่นกว่าบาท จนถึงหลายหมื่น ต่อครั้งที่ทอผม)
          4.การผ่าตัดเพื่อเพิ่มเส้นผม( hair transplant) มีวิธีการโดนการใช้กล้องจุลทรรศน์ ตัดเส้นผมติดรากผม บริเวณท้ายทอย เพื่อมาปลูกบริเวณที่ล้าน ซึ่งค่าใช้จ่ายในการทำการปลูกย้ายรากผม แตกต่างกันแล้วแต่คลินิก หรือ รพ. รวมทั้งเทคนิคในการทำผ่าตัด เช่น เทคนิคของ ดร.สเตร๊าซ์ (ซึ่งว่ากันว่าเป็นเทคนิคที่ดีในปัจจุบัน) การคิดค่าใช้จ่ายจะคิดราคาเป็นแต่ละ hair follicles โดยปกติจะทำครั้งละ ประมาณ 400-500 ราก ถ้าทำ 3 ครั้ง ราคาก็ประมาณ 80-150 บาทต่อรากผม ก็จะประมาณ 40,000-100,000 บาทต่อครั้งที่ทำ ( อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่นี่https://www.clinicneo.co.th/2007/detailcolumn.php?grp=7&&col_id=70) 
          5.เลือกแชมพูที่เหมาะกับหนังศีรษะ( แห้งหรือมัน) แชมพูควรมีฤทธิ์เป็นกลาง ไม่ระคายเคือง เวลาสระผมไม่ควรเกาหนังศีรษะ ไม่ควรยืดผม หรือหวีผมแรงเกินไป หลีกเลี่ยงการดัดผม โกรกสีผม อบผม ขณะที่ผมร่วงมากกว่าปกติ
          6.หลีกเลี่ยงภาวะเครียด เพื่อป้องกันมิให้ผมร่วงมากขึ้น >
    7. Laser Hair Treatment ปัจจุบันได้มีการนำเลเซอร์มาทำการรักษาเส้นผมให้ดีขึ้น โดยใช้เลเซอร์ชนิด Diode Laser โดยมีการปล่อยแสงเลเซอร์สีแดง ออกมาจากซี่แปรงของหวี โดยใช้หลักการ Low Level Laser Therapy (LLLT) ทำการปล่อยแสงเลเซอร์พลังงานต่ำ หรือเรียกว่า Cold beam ไปที่หนังศีรษะ โดยไปออกฤทธิ์กระตุ้นที่เซลล์เส้นผม เพื่อให้เส้นผมเพิ่มจำนวนมากขึ้น เส้นผมแข็งแรงขึ้น ขนาดโตขึ้น และมีความเงางามมากขึ้น ( Improves quality,thicken,strengthen,shinier,fuller hair) โดยอาศัยทฤษฎี ทางวิทยาศาสตร์ที่เรียกว่า Photo-Biostimulation ซึ่งกล่าวถึง “แสงคือพลังงานอย่างหนึ่ง สิ่งมีชีวิตทุกชนิด สามารถอยู่รอดได้ด้วยแสง และเซลล์เส้นผมก็คือสิ่งมีชีวิตอย่างหนึ่ง จึงเข้าข่ายในทฤษฎีนี้ด้วย” อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่https://www.clinicneo.co.th/2007/detailcolumn.php?grp=7&col_id=318 
    ส่วนคลินิกบริการของเวบไซต์ได้จัดให้มีบริการรักษาเส้นผมได้หลากหลายวิธี ดูรายละเอียดได้ที่นี่เช่นกันhttps://www.clinicneo.co.th/2007/newservice/service4.htm 
    เรียบเรียงปรับปรุงใหม่โดย นพ.จรัสพล รินทระ 
    Update ข้อมูลล่าสุด.............3 August,2007

ที่มา : https://www.clinicneo.co.th/detailcolumn.php?grp=7&sdata=&col_id=13

อัพเดทล่าสุด