 | - บทความที่แล้วได้กล่าวถึงผลกระทบของแสงแดดต่อสุขภาพของเส้นผมไปแล้ว ดังนั้นจึงได้มีการคิดค้นนำสารกันแดด มาใช้ในผ��
|
�ิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับเส้นผม ซึ่งได้มีการคิดค้นและผลิตออกมาตั้งแต่ปี 2512 แต่ไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร และเพิ่งจะมีการยอมรับและใช้กันอย่างแพร่หลาย ในประเทศสหรัฐอเมริกา หลังได้ทราบแน่นอนถึงพิษภัยของแสงแดด ในปี 2523 เป็นต้นมา - สารกันแดดที่ใช้ได้ดีในครีมกันแดดสำหรับผิวหน้าและผิวกายหลายๆ ตัว ไม่จำเป็นว่าจะได้ผลดีต่อผลิตภัณฑ์ของเส้นผมเสมอไป เพราะเป้าหมายในการใช้แตกต่างกัน เพราะสารกันแดดที่ทาบนผิวหนัง จะมีคุณสมบัติเป็นครีม ที่ซึมซับเข้าสู่ผิวหนังได้ดี แต่ถ้าผสมในแชมพู หรือครีมนวดผม อาจจะถูกชะล้างด้วยน้ำออกหมดได้
- จากการทดสอบมากมาย ได้มีการค้นพบว่าสาร Octyl-dimethyl PABA ซึ่งเป็นสารกันแดดตัวหนึ่ง มีคุณสมบัติเหมาะสมที่สุดในการนำมาใช้กับเส้นผม เพราะเกาะติดแน่นกับเส้นผม ไม่ละลายในน้ำ นอกจากนี้ยังมีสารที่กันแดดที่คิดค้นเพิ่มเติม ได้แก่ Octhyl methoxy-cinnamate และ Benzoquinone ซึ่งสามารถดูดซึมรังสี UVA,UVB ได้ดี
- ดังนั้นการที่จะผสมสารกันแดด เพียงตัวเดียวหรือหลายๆ ตัวใน hair care products จึงขึ้นอยู่กับความต้องการที่ต้องการป้องกันแสงแดด มากน้อยเพียงใด โดยมีเกณฑ์การวัดจากค่า HPF ( hair protection factor) ขณะที่ครีมกันแดดสำหรับผิวพรรณ จะใช้คำว่า SPF ( sun protection factor) เนื่องจากการตรวจวัดจะแตกต่างกัน เพราะค่า HPF จะตรวจจากการความแข็งแรงในการดึงเส้นผมให้ขาด ( tensile strength tester) แต่ก็มีค่า HPF เป็น 2-15 คล้ายการเรียกค่า SPF ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ปกป้องเส้นผมที่ได้ผลดี ได้แก่ Escalol-HP 610 ซึ่งคาดว่าไม่นาน คงนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย
- รูปแบบของผลิตภัณฑ์ hair care products ที่น่าจะเชื่อถือและได้ผล ควรเป็นพวกที่ผสมในขึ้นตอนการตกแต่งเส้นผมขั้นตอนหลังสุด เช่น เจลแต่งผม มูสใส่ผม หรือ hair spray มากกว่าผสมในแชมพูสระผม หรือครีมนวดผม ซึ่งมีการโฆษณา ให้เห็นบ้าง เพราะพวกนี้ต้องล้างออก อาจจะไม่ได้ผลนัก
- ในความเห็นของผู้เขียน การเลือก hair care products สำหรับเส้นผม ควรพิจารณาตั้งแต่ สารกันแดดที่ใช้ในผลิตภัณฑ์ รูปแบบของสินค้าที่ใช้ และค่า HPF ที่แสดงข้างขวด
เรียบเรียงใหม่โดยนพ.จรัสพล รินทระ ..........................21/06/2005 |
ที่มา : https://www.clinicneo.co.th/detailcolumn.php?grp=7&sdata=&col_id=47