สาระน่ารู้ เรื่อง Aroma Therapy


1,362 ผู้ชม


  • ปัจจุบันจะเห็นว่ามีสถานที่สร้างเสริมสุขภาพ ในรูปแบบสปาเกิดขึ้นมากมาย และเป็นที่นิยมกันมากในกลุ่มผู้รักสุขภาพท��
�้งหลาย และสนนราคา ก็ค่อนข้างสูงเอาเรื่องทีเดียว ลองมาทำความรู้จักกับ สปาในรูปแบบ ของ Aroma Therapy กันหน่อยนะครับ
  • ความเป็นมาของ Aroma Therapy 
    Aroma (อโรมา) แปลว่า กลิ่น, กลิ่นหอม ,Therpy (เธราปี) แปลว่า การบำบัดรักษา ดังนั้น Aroma Therpy (อะโรมา-เธราปี) หมายถึง การบำบัดรักษาโรคโดยใช้กลิ่นหอม ซึ่งถูกนำมาใช้เป็นครั้งแรกโดยนักเคมีชาวฝรั่งเศส ชื่อ Rene Maurice Gattefosse (เรเน มอริช กัตฟอส) เมื่อปี ค.ศ.1928 ( พศ. 2471 ) คือ ประมาณ 75 ปีก่อนปัจจุบัน
  • กลิ่นของอโรมาเธอราพี กับการบำบัดรักษา 
    - อโรมา-เธราปี เป็นการนำประโยชน์ของน้ำมันหอมระเหย มาทำให้ร่างกาย จิตใจอารมณ์เกิดความสมดุล หลักการนี้ถูกนำมาศึกษา โดยใช้หลักทางสรีรศาสตร์ที่มนุษย์สามารถสัมผัสกลิ่น ได้มากกว่าหมื่นชนิดนั่นเอง กลิ่นที่มนุษย์ได้รับสัมผัสในแต่ละครั้ง จะผ่านประสาทสัมผัสรับกลิ่น (Olfactory nerves) ซึ่งอยู่เหนือโพรงจมูก (nasal cavity) เมื่อกลิ่นต่าง ๆ จากโมเลกุลของละอองเกสรดอกไม้ ผ่านกระเปาะรับกลิ่น (Olfactory bulbs) ที่ต่อกับลิมบิค ซีสเต็ม (Limbic system) ซึ่งเป็นสมองส่วนควบคุมอารมณ์และความทรงจำ 
    - ไอจากน้ำมันหอมระเหยจะผ่านลมหายใจ เข้าสู่ปอด และผ่านไปสู่ศูนย์ควบคุม การทำงานของสมองไปยังต่อมประสาท ต่อมสมอง แล้วหยุดที่ระบบความจำ ซึ่งจะกระทบต่ออารมณ์ ความรู้สึก ทำให้รู้สึกสบาย 
    - กลิ่นหอมที่ไปสู่ระบบควบคุมประสาท จะทำให้ความคิดโลดแล่น เมื่อไปกระทบต่อมฮอร์โมน ก็กระตุ้นให้ฮอร์โมนหลั่งสารแห่งความสุข ( Endorphine) ช่วยคลายเครียด กระปรี้กระเปร่า ไม่ซึ่มเศร้า 
    - หลักการ นี้เอง น้ำมันหอมระเหยที่ถูกสกัดจากพืชสมุนไพรหลากหลายชนิดจึงถูกค้นคว้าวิจัย เพื่อนำมาบำบัดรักษาโรคต่าง ๆ เพราะคุณสมบัติที่แตกต่างกันของพืชสมุนไพรซึ่งผ่านการค้นคว้ามาแล้วจากหลายสถาบัน หลายอารยธรรม หลายช่วงกาลเวลา ถูกสั่งสมให้คุณค่าของความรู้ทางด้านน้ำมันหอมระเหยมีประสิทธิภาพสูงขึ้น
  • ประเภทของการบำบัดด้วย Aroma Therapy 
    อโรมา เธอราพี... เป็นการบำบัดรักษาด้วยการใช้น้ำมันหอมระเหย หรือ Essential Oil ที่สกัดจากพืชที่มีกลิ่นหอม ซึ่งใช้หลักใหญ่ 2 แบบ คือ 
    3.1 การดมกลิ่น 
    3.2 การทาให้ซึมผ่านทางผิวหนัง ทั้งนี้ อาจจะทำทั้งสองแบบควบคู่ไปด้วยกัน
  • การเลือกกลิ่นสำหรับการบำบัดรักษา 
    พืชใช้ในกระบวนการอโรมา เธราพี นั้นมักจะเลือกที่มีกลิ่นจัด และที่นิยมใช้กันบ่อยๆ มีดังนี้ 
      เบซิล - มีผลช่วยสร้างความสดชื่น กระปรี้ประเปร่าให้กับร่างกาย ช่วยให้สมองปลอดโปร่งและมีสมาธิในการทำงานต่างๆ ในแต่ละวัน เวลากลับจากงานเหนื่อยๆ เบซิลจะช่วยไล่ความอ่อนเพลียได้อย่างเหลือเชื่อ ยิ่งเหยาะผสมกับลาเวนเดอร์และเปปเปอร์มินท์ด้วยแล้ว ยิ่งไล่ความเครียดได้อย่างดี 
      ลาเวนเดอร์ - พืชยอดนิยมที่มักจะใช้เป็นหัวน้ำหอมของสบู่ และแป้งหลายยี่ห้อ มีคุณสมบัติในการรักษาและบรรเทาอาการต่างๆ ได้มากมาย ไม่ว่าจะช่วยลดความตึงเครียด ปรับสภาพสมดุลย์ให้กับร่างกายและจิตใจ คืนความสดชื่นให้กับสมอง ฝ่าเท้า และกล้ามเนื้อตามจุดต่างๆ ลาเวนเดอร์เพียง 2-3 หยดบนหมอนใบนุ่ม จะช่วยให้หลับสบายฝันหวานตลอดคืน… 
      อีฟนิ่ง พริมโรส - น้ำมันหอมระเหยที่มักใช้ผสมในโลชั่นบำรุงผิวสมัยนี้ เพราะอุดมด้วยวิตามิน และแร่ธาตุ ให้ผลดีกับใบหน้าและผิวพรรณ ป้องกันความแห้งกร้าน รักษาโรคผิวหนังเรื้อรังต่างๆ ได้อีกด้วย 
      ซีดาร์วู้ด - น้ำมันสกัดที่รู้จักกันดีตั้งแต่สมัยโบราณว่ามีคุณสมบัติช่วยป้องกันผิวเสีย และลดความมันของใบหน้า ใช้บรรเทาอาการไอ แก้หวัดได้อีกด้วย แต่ก็มีข้อควรระวังคือ ห้ามใช้กับหญิงมีครรภ์เป็นอันขาด 
      มะกรูด - สมุนไพรใกล้ครัวชนิดนี้นอกจากใช้ทำยาสระผมแก้ผมร่วง บำรุงเส้นผมแล้ว น้ำมันหอมยังช่วยให้ผ่อนคลาย เติมพลังให้อารมณ์สดชื่น เสริมสร้างความมั่นใจ ถ้าใช้เป็นน้ำมันนวดตัว ก็จะช่วยลดรอยแผลเป็นให้จางลงได้ 
      โรสวู้ด - กลิ่นหอมของน้ำมันสกัดชนิดนี้จะช่วยให้สดชื่น และหอมติดกายดีแท้ ถ้านำมาใช้ผสมกับน้ำมันนวด หลังการออกกำลังกายจะช่วยบรรเทาอาการเมื่อย ลงได้โขทีเดียว แถมยังช่วยลดอาการปวดไมเกรนได้อีกด้วย 
      เปลือกส้ม - กลิ่นหอมจากน้ำมันเปลือกส้มแทบไม่ต้องบรรยายสรรพคุณ ช่วยให้รู้สึกสดชื่น อบอุ่น อารมณ์สนุกสนาน เมื่อผสมกับน้ำมันนวดตัว จะช่วยให้ระบบย่อยอาหารดีขึ้น และช่วยให้นอนหลับสบาย 
    เรียบเรียงและค้นคว้าใหม่ โดยนพ.จรัสพล รินทระ .......ปรับปรุงข้อมูลล่าสุด.....6 September 2005

ที่มา : 

  • ปัจจุบันจะเห็นว่ามีสถานที่สร้างเสริมสุขภาพ ในรูปแบบสปาเกิดขึ้นมากมาย และเป็นที่นิยมกันมากในกลุ่มผู้รักสุขภาพท��
�้งหลาย และสนนราคา ก็ค่อนข้างสูงเอาเรื่องทีเดียว ลองมาทำความรู้จักกับ สปาในรูปแบบ ของ Aroma Therapy กันหน่อยนะครับ
  • ความเป็นมาของ Aroma Therapy 
    Aroma (อโรมา) แปลว่า กลิ่น, กลิ่นหอม ,Therpy (เธราปี) แปลว่า การบำบัดรักษา ดังนั้น Aroma Therpy (อะโรมา-เธราปี) หมายถึง การบำบัดรักษาโรคโดยใช้กลิ่นหอม ซึ่งถูกนำมาใช้เป็นครั้งแรกโดยนักเคมีชาวฝรั่งเศส ชื่อ Rene Maurice Gattefosse (เรเน มอริช กัตฟอส) เมื่อปี ค.ศ.1928 ( พศ. 2471 ) คือ ประมาณ 75 ปีก่อนปัจจุบัน
  • กลิ่นของอโรมาเธอราพี กับการบำบัดรักษา 
    - อโรมา-เธราปี เป็นการนำประโยชน์ของน้ำมันหอมระเหย มาทำให้ร่างกาย จิตใจอารมณ์เกิดความสมดุล หลักการนี้ถูกนำมาศึกษา โดยใช้หลักทางสรีรศาสตร์ที่มนุษย์สามารถสัมผัสกลิ่น ได้มากกว่าหมื่นชนิดนั่นเอง กลิ่นที่มนุษย์ได้รับสัมผัสในแต่ละครั้ง จะผ่านประสาทสัมผัสรับกลิ่น (Olfactory nerves) ซึ่งอยู่เหนือโพรงจมูก (nasal cavity) เมื่อกลิ่นต่าง ๆ จากโมเลกุลของละอองเกสรดอกไม้ ผ่านกระเปาะรับกลิ่น (Olfactory bulbs) ที่ต่อกับลิมบิค ซีสเต็ม (Limbic system) ซึ่งเป็นสมองส่วนควบคุมอารมณ์และความทรงจำ 
    - ไอจากน้ำมันหอมระเหยจะผ่านลมหายใจ เข้าสู่ปอด และผ่านไปสู่ศูนย์ควบคุม การทำงานของสมองไปยังต่อมประสาท ต่อมสมอง แล้วหยุดที่ระบบความจำ ซึ่งจะกระทบต่ออารมณ์ ความรู้สึก ทำให้รู้สึกสบาย 
    - กลิ่นหอมที่ไปสู่ระบบควบคุมประสาท จะทำให้ความคิดโลดแล่น เมื่อไปกระทบต่อมฮอร์โมน ก็กระตุ้นให้ฮอร์โมนหลั่งสารแห่งความสุข ( Endorphine) ช่วยคลายเครียด กระปรี้กระเปร่า ไม่ซึ่มเศร้า 
    - หลักการ นี้เอง น้ำมันหอมระเหยที่ถูกสกัดจากพืชสมุนไพรหลากหลายชนิดจึงถูกค้นคว้าวิจัย เพื่อนำมาบำบัดรักษาโรคต่าง ๆ เพราะคุณสมบัติที่แตกต่างกันของพืชสมุนไพรซึ่งผ่านการค้นคว้ามาแล้วจากหลายสถาบัน หลายอารยธรรม หลายช่วงกาลเวลา ถูกสั่งสมให้คุณค่าของความรู้ทางด้านน้ำมันหอมระเหยมีประสิทธิภาพสูงขึ้น
  • ประเภทของการบำบัดด้วย Aroma Therapy 
    อโรมา เธอราพี... เป็นการบำบัดรักษาด้วยการใช้น้ำมันหอมระเหย หรือ Essential Oil ที่สกัดจากพืชที่มีกลิ่นหอม ซึ่งใช้หลักใหญ่ 2 แบบ คือ 
    3.1 การดมกลิ่น 
    3.2 การทาให้ซึมผ่านทางผิวหนัง ทั้งนี้ อาจจะทำทั้งสองแบบควบคู่ไปด้วยกัน
  • การเลือกกลิ่นสำหรับการบำบัดรักษา 
    พืชใช้ในกระบวนการอโรมา เธราพี นั้นมักจะเลือกที่มีกลิ่นจัด และที่นิยมใช้กันบ่อยๆ มีดังนี้ 
      เบซิล - มีผลช่วยสร้างความสดชื่น กระปรี้ประเปร่าให้กับร่างกาย ช่วยให้สมองปลอดโปร่งและมีสมาธิในการทำงานต่างๆ ในแต่ละวัน เวลากลับจากงานเหนื่อยๆ เบซิลจะช่วยไล่ความอ่อนเพลียได้อย่างเหลือเชื่อ ยิ่งเหยาะผสมกับลาเวนเดอร์และเปปเปอร์มินท์ด้วยแล้ว ยิ่งไล่ความเครียดได้อย่างดี 
      ลาเวนเดอร์ - พืชยอดนิยมที่มักจะใช้เป็นหัวน้ำหอมของสบู่ และแป้งหลายยี่ห้อ มีคุณสมบัติในการรักษาและบรรเทาอาการต่างๆ ได้มากมาย ไม่ว่าจะช่วยลดความตึงเครียด ปรับสภาพสมดุลย์ให้กับร่างกายและจิตใจ คืนความสดชื่นให้กับสมอง ฝ่าเท้า และกล้ามเนื้อตามจุดต่างๆ ลาเวนเดอร์เพียง 2-3 หยดบนหมอนใบนุ่ม จะช่วยให้หลับสบายฝันหวานตลอดคืน… 
      อีฟนิ่ง พริมโรส - น้ำมันหอมระเหยที่มักใช้ผสมในโลชั่นบำรุงผิวสมัยนี้ เพราะอุดมด้วยวิตามิน และแร่ธาตุ ให้ผลดีกับใบหน้าและผิวพรรณ ป้องกันความแห้งกร้าน รักษาโรคผิวหนังเรื้อรังต่างๆ ได้อีกด้วย 
      ซีดาร์วู้ด - น้ำมันสกัดที่รู้จักกันดีตั้งแต่สมัยโบราณว่ามีคุณสมบัติช่วยป้องกันผิวเสีย และลดความมันของใบหน้า ใช้บรรเทาอาการไอ แก้หวัดได้อีกด้วย แต่ก็มีข้อควรระวังคือ ห้ามใช้กับหญิงมีครรภ์เป็นอันขาด 
      มะกรูด - สมุนไพรใกล้ครัวชนิดนี้นอกจากใช้ทำยาสระผมแก้ผมร่วง บำรุงเส้นผมแล้ว น้ำมันหอมยังช่วยให้ผ่อนคลาย เติมพลังให้อารมณ์สดชื่น เสริมสร้างความมั่นใจ ถ้าใช้เป็นน้ำมันนวดตัว ก็จะช่วยลดรอยแผลเป็นให้จางลงได้ 
      โรสวู้ด - กลิ่นหอมของน้ำมันสกัดชนิดนี้จะช่วยให้สดชื่น และหอมติดกายดีแท้ ถ้านำมาใช้ผสมกับน้ำมันนวด หลังการออกกำลังกายจะช่วยบรรเทาอาการเมื่อย ลงได้โขทีเดียว แถมยังช่วยลดอาการปวดไมเกรนได้อีกด้วย 
      เปลือกส้ม - กลิ่นหอมจากน้ำมันเปลือกส้มแทบไม่ต้องบรรยายสรรพคุณ ช่วยให้รู้สึกสดชื่น อบอุ่น อารมณ์สนุกสนาน เมื่อผสมกับน้ำมันนวดตัว จะช่วยให้ระบบย่อยอาหารดีขึ้น และช่วยให้นอนหลับสบาย 
    เรียบเรียงและค้นคว้าใหม่ โดยนพ.จรัสพล รินทระ .......ปรับปรุงข้อมูลล่าสุด.....6 September 2005

ที่มา : 

  • ปัจจุบันจะเห็นว่ามีสถานที่สร้างเสริมสุขภาพ ในรูปแบบสปาเกิดขึ้นมากมาย และเป็นที่นิยมกันมากในกลุ่มผู้รักสุขภาพท��
�้งหลาย และสนนราคา ก็ค่อนข้างสูงเอาเรื่องทีเดียว ลองมาทำความรู้จักกับ สปาในรูปแบบ ของ Aroma Therapy กันหน่อยนะครับ
  • ความเป็นมาของ Aroma Therapy 
    Aroma (อโรมา) แปลว่า กลิ่น, กลิ่นหอม ,Therpy (เธราปี) แปลว่า การบำบัดรักษา ดังนั้น Aroma Therpy (อะโรมา-เธราปี) หมายถึง การบำบัดรักษาโรคโดยใช้กลิ่นหอม ซึ่งถูกนำมาใช้เป็นครั้งแรกโดยนักเคมีชาวฝรั่งเศส ชื่อ Rene Maurice Gattefosse (เรเน มอริช กัตฟอส) เมื่อปี ค.ศ.1928 ( พศ. 2471 ) คือ ประมาณ 75 ปีก่อนปัจจุบัน
  • กลิ่นของอโรมาเธอราพี กับการบำบัดรักษา 
    - อโรมา-เธราปี เป็นการนำประโยชน์ของน้ำมันหอมระเหย มาทำให้ร่างกาย จิตใจอารมณ์เกิดความสมดุล หลักการนี้ถูกนำมาศึกษา โดยใช้หลักทางสรีรศาสตร์ที่มนุษย์สามารถสัมผัสกลิ่น ได้มากกว่าหมื่นชนิดนั่นเอง กลิ่นที่มนุษย์ได้รับสัมผัสในแต่ละครั้ง จะผ่านประสาทสัมผัสรับกลิ่น (Olfactory nerves) ซึ่งอยู่เหนือโพรงจมูก (nasal cavity) เมื่อกลิ่นต่าง ๆ จากโมเลกุลของละอองเกสรดอกไม้ ผ่านกระเปาะรับกลิ่น (Olfactory bulbs) ที่ต่อกับลิมบิค ซีสเต็ม (Limbic system) ซึ่งเป็นสมองส่วนควบคุมอารมณ์และความทรงจำ 
    - ไอจากน้ำมันหอมระเหยจะผ่านลมหายใจ เข้าสู่ปอด และผ่านไปสู่ศูนย์ควบคุม การทำงานของสมองไปยังต่อมประสาท ต่อมสมอง แล้วหยุดที่ระบบความจำ ซึ่งจะกระทบต่ออารมณ์ ความรู้สึก ทำให้รู้สึกสบาย 
    - กลิ่นหอมที่ไปสู่ระบบควบคุมประสาท จะทำให้ความคิดโลดแล่น เมื่อไปกระทบต่อมฮอร์โมน ก็กระตุ้นให้ฮอร์โมนหลั่งสารแห่งความสุข ( Endorphine) ช่วยคลายเครียด กระปรี้กระเปร่า ไม่ซึ่มเศร้า 
    - หลักการ นี้เอง น้ำมันหอมระเหยที่ถูกสกัดจากพืชสมุนไพรหลากหลายชนิดจึงถูกค้นคว้าวิจัย เพื่อนำมาบำบัดรักษาโรคต่าง ๆ เพราะคุณสมบัติที่แตกต่างกันของพืชสมุนไพรซึ่งผ่านการค้นคว้ามาแล้วจากหลายสถาบัน หลายอารยธรรม หลายช่วงกาลเวลา ถูกสั่งสมให้คุณค่าของความรู้ทางด้านน้ำมันหอมระเหยมีประสิทธิภาพสูงขึ้น
  • ประเภทของการบำบัดด้วย Aroma Therapy 
    อโรมา เธอราพี... เป็นการบำบัดรักษาด้วยการใช้น้ำมันหอมระเหย หรือ Essential Oil ที่สกัดจากพืชที่มีกลิ่นหอม ซึ่งใช้หลักใหญ่ 2 แบบ คือ 
    3.1 การดมกลิ่น 
    3.2 การทาให้ซึมผ่านทางผิวหนัง ทั้งนี้ อาจจะทำทั้งสองแบบควบคู่ไปด้วยกัน
  • การเลือกกลิ่นสำหรับการบำบัดรักษา 
    พืชใช้ในกระบวนการอโรมา เธราพี นั้นมักจะเลือกที่มีกลิ่นจัด และที่นิยมใช้กันบ่อยๆ มีดังนี้ 
      เบซิล - มีผลช่วยสร้างความสดชื่น กระปรี้ประเปร่าให้กับร่างกาย ช่วยให้สมองปลอดโปร่งและมีสมาธิในการทำงานต่างๆ ในแต่ละวัน เวลากลับจากงานเหนื่อยๆ เบซิลจะช่วยไล่ความอ่อนเพลียได้อย่างเหลือเชื่อ ยิ่งเหยาะผสมกับลาเวนเดอร์และเปปเปอร์มินท์ด้วยแล้ว ยิ่งไล่ความเครียดได้อย่างดี 
      ลาเวนเดอร์ - พืชยอดนิยมที่มักจะใช้เป็นหัวน้ำหอมของสบู่ และแป้งหลายยี่ห้อ มีคุณสมบัติในการรักษาและบรรเทาอาการต่างๆ ได้มากมาย ไม่ว่าจะช่วยลดความตึงเครียด ปรับสภาพสมดุลย์ให้กับร่างกายและจิตใจ คืนความสดชื่นให้กับสมอง ฝ่าเท้า และกล้ามเนื้อตามจุดต่างๆ ลาเวนเดอร์เพียง 2-3 หยดบนหมอนใบนุ่ม จะช่วยให้หลับสบายฝันหวานตลอดคืน… 
      อีฟนิ่ง พริมโรส - น้ำมันหอมระเหยที่มักใช้ผสมในโลชั่นบำรุงผิวสมัยนี้ เพราะอุดมด้วยวิตามิน และแร่ธาตุ ให้ผลดีกับใบหน้าและผิวพรรณ ป้องกันความแห้งกร้าน รักษาโรคผิวหนังเรื้อรังต่างๆ ได้อีกด้วย 
      ซีดาร์วู้ด - น้ำมันสกัดที่รู้จักกันดีตั้งแต่สมัยโบราณว่ามีคุณสมบัติช่วยป้องกันผิวเสีย และลดความมันของใบหน้า ใช้บรรเทาอาการไอ แก้หวัดได้อีกด้วย แต่ก็มีข้อควรระวังคือ ห้ามใช้กับหญิงมีครรภ์เป็นอันขาด 
      มะกรูด - สมุนไพรใกล้ครัวชนิดนี้นอกจากใช้ทำยาสระผมแก้ผมร่วง บำรุงเส้นผมแล้ว น้ำมันหอมยังช่วยให้ผ่อนคลาย เติมพลังให้อารมณ์สดชื่น เสริมสร้างความมั่นใจ ถ้าใช้เป็นน้ำมันนวดตัว ก็จะช่วยลดรอยแผลเป็นให้จางลงได้ 
      โรสวู้ด - กลิ่นหอมของน้ำมันสกัดชนิดนี้จะช่วยให้สดชื่น และหอมติดกายดีแท้ ถ้านำมาใช้ผสมกับน้ำมันนวด หลังการออกกำลังกายจะช่วยบรรเทาอาการเมื่อย ลงได้โขทีเดียว แถมยังช่วยลดอาการปวดไมเกรนได้อีกด้วย 
      เปลือกส้ม - กลิ่นหอมจากน้ำมันเปลือกส้มแทบไม่ต้องบรรยายสรรพคุณ ช่วยให้รู้สึกสดชื่น อบอุ่น อารมณ์สนุกสนาน เมื่อผสมกับน้ำมันนวดตัว จะช่วยให้ระบบย่อยอาหารดีขึ้น และช่วยให้นอนหลับสบาย 
    เรียบเรียงและค้นคว้าใหม่ โดยนพ.จรัสพล รินทระ .......ปรับปรุงข้อมูลล่าสุด.....6 September 2005

ที่มา : https://www.clinicneo.co.th/detailcolumn.php?grp=6&sdata=&col_id=244

อัพเดทล่าสุด