ไฟเบอร์สกัดจากเมล็ดแมงลัก กับการลดน้ำหนัก


1,455 ผู้ชม


  • แมงลัก ( Psylium ) เป็นพืชล้มลุกที่จัดอยู่ในตระกูล Plantaginaceae ที่มีชื่อทางพฤกษศาสตร์ว่า Plantago psyllium โดยพบว่าเมล็ดของต้นแมงลัก จะมีเ
ยื่อหุ้มเมล็ด ( Husk) ซึ่งจะให้ใยอาหารหรือไฟเบอร์ ที่มีคุณสมบัติดูดซับน้ำได้ถึง 25 เท่าของน้ำหนักตัวเอง และเมื่อดูดซับน้ำไว้แล้ว ไฟเบอร์จากเมล็ดแมงลัก ก็จะมีลักษณะเป็นเยื่อเมือกลื่นที่เรียกว่า Mucillage และส่วนนี้เองที่ถูกนำมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ และโภชนาการอย่างกว้างขวางในปัจจุบัน
  • ในทางโภชนาการเราสามารถจำแนกชนิดของเส้นใยอาหารหรือไฟเบอร์ อย่างง่ายๆ ตามลักษณะของการละลายน้ำได้ 2 ชนิด คือ 
        1. ไฟเบอร์ที่ละลายน้ำได้ ( Soluble fiber ) ซึ่งเมื่อไฟเบอร์นี้ละลายน้ำ จะมีลักษณะเป็นเจลขึ้น ซึ่งจะเกาะติดกับโมเลกุลของไขมัน จากอาหารที่รับประทานเข้าไปได้เป็นอย่างดี ทำให้ป้องกันการดูดซึมไขมันเข้าสู่กระแสเลือด และไฟเบอร์ชนิดนี้ก็จะนำพาสารอาหารที่ติดอยู่ขับออกไปทางอุจจาระ จึงช่วยลดระดับไขมันและน้ำตาลในคนไข้ที่มีปัญหาได้ดี และทำให้น้ำหนักตัวค่อยๆ ลดลงอย่างปลอดภัย 
        2. ไฟเบอร์ที่ไม่ละลายน้ำได้ ( Insoluble fiber ) ไฟเบอร์ชนิดนี้จะมีการทำงานคล้ายๆ ฟองน้ำ ( sponge) โดยจะทำการดูดน้ำไว้กับตัวเองทำให้พองตัว ถ้าหากรับประทานไฟเบอร์ชนิดนี้เข้าไป ก็ทำให้รับประทานอาหารได้น้อยลง เพราะรู้สึกอิ่มแน่นท้อง นอกจากนี้ ก็จะส่งผลให้ปริมาณที่ต้องการขับถ่ายมากขึ้น ทำให้เร่งให้อุจจาระเคลื่อนที่ผ่านไปลำไส้ใหญ่ได้เร็วขึ้น จึงป้องกันปัญหาการดูดซึมสารอาหารเข้าร่างกาย และทำให้ลดและป้องกันภาวะท้องผูก
  • จากประโยชน์ดังกล่าวของไฟเบอร์จากเมล็ดแมงลัก จึงได้มีการนำเมล็ดแมงลัก มาทำการลดน้ำหนัก แก้ไขปัญหาไขมันในเลือดสูง หรือน้ำตาลในเลือดสูง และใช้ป้องกันและรักษาปัญหาท้องผูก ซึ่งมักมีการผสมไฟเบอร์ทั้งสองแบบ ในสัดส่วนที่แตกต่างกันในแต่ละผลิตภัณฑ ์ แต่ส่วนใหญ่ที่มีขายตามท้องตลาด ก็มักจะประกอบด้วย ไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำได้ประมาณ 70-80 % เพื่อป้องกันการดูดซึมไขมันและน้ำตาลเข้ากระแสเลือด และ ไฟเบอร์ชนิดไม่ละลายน้ำ ประมาณ 20-30 % เพื่อช่วยทำให้อิ่มเร็วขึ้นและเร่งการขับถ่าย มิให้ท้องผูก เพื่อแก้ปัญหาสารตกค้างในลำไส้ ทีอาจก่อให้เกิดมะเร็ง และแก้ไขปัญหา ริดสีดวงทวาร ในคนที่ขับถ่ายได้ลำบาก 
    เรียบเรียงและค้นคว้า โดยนพ.จรัสพล รินระ ..........................23/07/2004

ที่มา : https://www.clinicneo.co.th/detailcolumn.php?grp=5&sdata=&col_id=59

อัพเดทล่าสุด