VitaminE ( Alpha-tocopherol) บทบาทในการรักษาผิวพรรณ


860 ผู้ชม


  • วิตามินอี ถือเป็น Antioxidants อีกชนิดหนึ่ง ที่นิยมนำมารักษาปัญหาด้านผิวพรรณ โดยเฉพาะริ้วรอยเหี่ยวย่น เราได้ทราบประโยชน์�
��องวิตามินอี เกี่ยวกับเรื่องนี้มาเป็นระยะเวลานานพอสมควร แต่ในบทความนี้ จะกล่าวถึงวิตามินอี ในอีกแง่มุมหนึ่ง ที่น่าสนใจ
  • วิตามินอี ประกอบด้วย Tocopherols และ Tocotrinols ซึ่งพบในผัก น้ำมันพืช เมล็ดพืช ข้าวโพด ถั่ว แป้งสาลี เนยเทียม เนื้อสัตว์ และนม โดยมี Alpha-tocopherol และ Gamma-tocopherol เป็นตัวที่ Active ที่สุด ซึ่งร่างกาย ต้องการวิตามินอี ในรูปของ alpha-tocopherol ประมาณ 10 มก.ต่อวัน
  • วิตามินอี เป็นสาร Antioxidants ตัวที่สำคัญ ที่พบใน Plasma และเม็ดเลือดแดง โดยปกติจะช่วย ปกป้องเซลล์บุผิว ชนิด cell membrane lipid จากการถูก Peoxidation ให้เกิด อนุมูลอิสระที่ทำลายเซลล์
  • จากการศึกษาพบว่า ผิวหนังในบริเวณที่มีต่อม Sebaceous glands ( ต่อมไขมัน) มาก เช่น ใบหน้า จะมีปริมาณของวิตามินอี มากกว่าบริเวณแขนถึง 20 เท่า เนื่องจากต่อม Sebaceous glands เป็นช่องทางที่สำคัญ ในการหลั่งวิตามินอี ออกสู่ผิวหนัง
  • ประโยชน์ของการทาครีมที่มีส่วนผสมของ วิตามินE ในการป้องกันและรักษาผิวพรรณ 
        1. ช่วยลดอัตราการทำลายของแสงแดด ( Phtoprotection ) ที่ทำให้เซลล์เกิด Sunburn รอยแดงไหม้ ( erythema ) chronic UVB damage 
        2. ลดอัตราการเกิดมะเร็งผิวหนังจากแสงแดด ( photocarcinogenesis) 
        3. ช่วยลดริ้วรอยเหี่ยวย่น 
        4. ลดความหยาบกร้านของผิวพรรณ
  • ประโยชน์ของการรับประทานวิตามิน E 
        1. ในสัตว์ทดลองพบว่า วิตามินอี สามารถลดอัตราการเกิดมะเร็งผิวหนัง ( basal cell carcinoma) ได้ถึง 70 % โดยเฉพาะรับประทานควบคู่กับวิตามินเอ 
        2. ช่วยสมานแผล ( wound healing) เมื่อรับประทานวันละ 400 มก. ทำให้แผลหายได้เร็ว 
        3. สร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคแก่ร่างกาย โดยมีฤทธิ์ในการรักษาการอักเสบ ( anti-inflammatory effects ) และกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ( immunostimulatory effects )
  • วิตามินอี จะเสื่อมสภาพได้เร็ว เมื่อถูกแสงแดด หรือออกซิเจน แต่จะทนต่อความร้อนได้ถึง 100 องศาเซลเซียส และภาวะความเป็นกรดด่าง การรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิด และยาระบาย จะทำให้ฤทธิ์ของวิตามินอี ในรูปรับประทานลดลงเช่นกัน
  • ขนาดในการรับประทานวิตามินอี ควรเริ่มที่ขนาดต่ำๆ ก่อน ประมาณ 100 มก.ต่อวันก็น่าจะได้ สาร alpha-tocopherol เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ( แม้จะมีความปลอดภัยสูง เมื่อรับประทาน ขนาด ประมาณ 3,000 มก.ต่อวัน ได้เป็นเวลานาน) แต่ก็ยังไม่แนะนำให้รับประทานเกิน 4,000 มกต่อวัน โดยเฉพาะในคนที่มีประวัติ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน และคนที่ได้รับยาสลายลิ่มเลือด เช่น Aspirin เพราะการรับประทานวิตามินอี เกินขนาดอาจผลเสียได้ เช่นกัน 
    เรียบเรียงและค้นคว้าใหม่โดย นพ.จรัสพล รินทระ .......................26 July,2005

ที่มา : https://www.clinicneo.co.th/detailcolumn.php?grp=1&sdata=&col_id=132

อัพเดทล่าสุด