เริมที่อวัยวะเพศ ( Herpes Genitalis)


1,070 ผู้ชม


  • เริมที่อวัยวะเพศ เป็นสาเหตุการเกิดแผลอวัยวะเพศที่พบได้บ่อยที่สุด เกิดจากการติดเชื้อไวรัส ชื่อ Herpes simplex virus type 2(HSV-2) แต่ใน�
��ณะที่ การติดเชื้อเริมที่ปาก เกิดจากการติดเชื้อไวรัส ชื่อ Herpes simplex virus type1(HSV1)
  • การติดต่อ โดยการสัมผัสกับผู้ที่มีเชื้อ โดยทางเพศสัมพันธ์ ไม่ค่อยพบว่าติดต่อโดยวิธีอื่นๆ
  • ลักษณะอาการที่พบ 
        1. การติดเชื้อครั้งแรก: - ส่วนใหญ่ไม่มีอาการให้เห็น แต่ถ้ามีอาการมักจะเกิดรุนแรง ระยะฟักตัว หมายถึงระยะเวลาที่สัมผัสเชื้อไวรัสเริมนี้ จนแสดงอาการ ประมาณ 2-14 วัน โดยมีลักษณะรอยโรค เป็นแผลกว้าง หายช้า โดยเป็นตุ่มน้ำเล็กๆ เป็นกลุ่มๆมากมาย และมักแตกเป็นแผลภายใน 24-48 ชั่วโมง ในผู้ชายมักพบบริเวณอวัยวะเพศดังภาพที่แสดง แต่ในผู้หญิง อาจพบที่การอักเสบที่ช่องคลอด ปากมดลูก และท่อปัสสาวะทำให้ปวดแสบร้อน รุนแรง ถ่ายปัสสาวะลำบาก อาจพบอาการไข้ ปวดเมื่อยตามลำตัวได้ ในผู้ชายอาการรุนแรงน้อยกว่า แต่ในชายรักร่วมเพศ อาจพบรอยโรคบริเวณ รอบๆทวารหนักได้ 
        2. การติดเชื้อซ้ำ:-มีความรุนแรงน้อยกว่า อาจพบเป็นตุ่มน้ำเล็กๆ แล้วแตกเป็นแผล ภายใน 24 ชั่วโมง แผลตื้นๆ หานได้เอง ภายใน 7-10 วัน อาจพบมีอาการเจ็บ คัน ก่อนมีตุ่มน้ำ เริมที่อวัยวะเพศ ในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น ในผู้ป่วยติดเชื้อ HIV มักพบได้รุนแรง อาจจะเป็นแผลเรื้อรัง และรักษาไม่ค่อยหายขาด ดื้อยาและการทำแผล
  • แนวทางรักษา: 
        1. ในการรักษาโรคเริมที่อวัยวะเพศ มักไม่หายขาด เนื่องจากเชื้อมักจะหลบอยู่ที่ไขสันหลัง เมื่อเกิดภาวะร่างกายอ่อนแอ เครียด อาจมีอาการซ้ำได้ 
        2. ในรายที่เพิ่งได้รับการติดเชื้อเริมครั้งแรก แพทย์อาจให้รับประทานยา Acyclovir วันละ 200 มก. ทุก 5 ชั่วโมง นาน 7-10 วัน พร้อมกับการทายาบริเวณรอยโรค อาจทำให้อาการรุนแรงลดลง และย่นระยะเวลาการหายของโรค 
        3. ในรายที่เป็นซ้ำ ไม่จำเป็นต้องรับประทานยา ใช้ยาทาบริเวณแผล ก็จะทำให้หายได้ภายใน 5-7 วัน และในรายที่กลับมาเป็นซ้ำบ่อยๆ แพทย์อาจให้กินยา Acyclovir ขนาด 400 มก. กินวันละ 2 ครั้ง เป็นเวลาติดต่อกัน 6-12 เดือน เพื่อลดอัตราการเกิดโรค 
        4. ในรายที่ติดเชื้อรุนแรง และมีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง อาจต้องพบแพทย์ และนอนรพ. เพื่อให้ยาฉีดเข้าเส้นเลือดดำ เพื่อป้องกันการลุกลามรุนแรง 
    เรียบเรียงและค้นคว้าใหม่โดย นพ.จรัสพล รินทระ .......................26 July,2005

ที่มา : https://www.clinicneo.co.th/detailcolumn.php?grp=8&sdata=&col_id=65

อัพเดทล่าสุด