ผิวแห้ง แตก คัน(Dry skin or Xerosis dermatitis)


1,035 ผู้ชม


  • ผิวหนังแห้ง เป็นปัญหาทางผิวหนังที่พบได้บ่อย มีลักษณะแห้งและมีขุย อันทำให้เกิดอาการคัน การเกา ซึ่งนำมาให้เกิดการ��
�พิ่มการคัน อักเสบ และเป็นแผลในภายหลัง พบบ่อยบริเวณหน้าแข้ง หลังมือ แขน และผิวหนังทั่วร่างกาย ถ้าผิวหน้าแห้งบ่อยๆ อาจทำให้เกิดปัญหาฝ้า ริ้วรอยเหี่ยวย่น แก่ก่อนวัยอันควร ในรายที่เป็นมากๆ ชั้นผิวหนังด้านบนจะหดตัว แห้งแตกเป็นร่องได้
  • สาเหตุ มักเกิดจากการขาดน้ำในส่วนผิวหนังส่วนนอก ซึ่งอาจเกิดจากความชื้นของอากาศน้อย เช่นในหน้าหนาว หรืออยู่ในห้องปรับอากาศนานๆ การใช้สบู่ที่ชำระล้างไขมันบนผิวหนังมากเกินไป แต่บางครั้งอาจเกิดจากโรคภายในร่างกายได้อาทิ โรคทางต่อมทัยรอยด์ เป็นต้น
  • แนวทางในการวินิจฉัย เมื่อพบแแพทย์ ด้วยปัญหาทางผิวหน้งแห้งผิดปกติ เพื่อหาสาเหตุ 
     :  1. ต้องซักประวัติ แยกจากโรคภูมิแพ้ Atopic Dermatitis หรือโรคทางพันธุกรรมอย่างอื่น 
     :   2. ประวัติการเกิดโรค ประวัติครอบครัวเกี่ยวกับโรคภูมิแพ้ 
     :   3. การทำความสะอาดผิวหนัง เช่น ชนิดของสบู่ ความบ่อยในการอาบน้ำ เป็นต้น
  • การป้องกันและรักษาปัญหาผิวแห้ง หลักการก็คือ เพื่อป้องกันการเสียน้ำจากผิวหนังมากขึ้น และเพิ่มปริมาณน้ำที่เสียไปให้กับผิวหนัง ดังนี้ 
     :  1. การอาบน้ำ ไม่ควรอาบน้ำบ่อย น้ำที่อาบควรเป็นน้ำอุ่น ไม่ร้อนจัด อุณหภูมิ ประมาณ 34 องศาC 
     :   2. ปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศ ให้พอดีรู้สึกสบาย 
     :   3. เพิ่มความชื้นให้กับสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้เครื่องเพิ่มความชื้น(Ultrasonic humidifiers) 
     :   4. ทาครีมที่ลดการสูญเสียน้ำ อาทิ สารพวก Vaseline, Petrolatum ,Lanolin,Ceramide 
     :   5. เพิ่มการดึงน้ำจากอากาศเข้าผิวหนัง โดยใช้ครีมที่มีส่วนผสมของ 20-45 % Propylene Glycol ,Glycerine ,Urea,Ceramide 
     :   6. การทาครีมที่มีส่วนผสมของ AHAs จะช่วยลดความหนาของผิวหนัง ลดการตึงตัว ทำให้ผิวหนังนุ่มนวลขึ้นได้ 
     :   7. การใช้ครีมทาแก้แพ้ หรือแก้คัน ที่มีส่วนผสมของสารเสตียรอยด์ ควรทาเท่าที่จำเป็น เพราะมีผลข้างเคียงทำให้ผิวแห้งมากขึ้นได้ และ ไม่ควรเกา 
     :   8. หลีกเลี่ยงการอบซาวน่า หรือ การขัดผิว 
     :   9. เลือกสบู่ที่ไม่มีความเป็นกรด หรือ ด่างแรงๆ ควรใช้สบู่อ่อนๆ ที่มีสารเคลือบผิว 
     :   10 ใช้ครีมบำรุงทาเป็นประจำ ซึ่งปัจจุบันมีหลายตัวที่ได้ผลดี เช่นกลุ่มผสมยูเรีย Ceramide,Aloe vera 
    เรียบเรียงใหม่โดยนพ. จรัสพล รินทระ .............04/07/2004

ที่มา : https://www.clinicneo.co.th/detailcolumn.php?grp=8&sdata=&col_id=54

อัพเดทล่าสุด