| - โรคปากนกกระจอก หรือแผลที่มุมปาก( Angular stomatitis or angular cheilitis) เป็นโรคแผลที่มุมปากที่พบได้บ่อย ส่วนใหญ่เข้าใจว่าเกิดจากการขาดวิ�
|
��ามินบี 2 ( Riboflavin) แม้แต่แพทย์ทั่วไปหลายๆ ท่าน ก็ทำการรักษาโดยให้วิตามินบี 2 ทั้งๆ ที่สาเหตุจากการขาดวิตามินดังกล่าว พบได้น้อยมาก - ลักษณะอาการที่พบ คือ จะมีการหลุดลอกของเซลล์หนังกำพร้าบริเวณมุมปาก แล้วต่อมาเกิดเป็นแผล และอาจติดเชื้อแบดทีเรียแทรกซ้อน อักเสบ ปวดเจ็บได้
- สาเหตุของโรคปากนกกระจอก แบ่งได้ดังนี้
1. ปัญหาของโรคผิวหนังเอง เช่น Atopic dermatitis( ผิวหนังอักเสบแพ้ จากภูมิแพ้ ในเด็ก), Seborrheic dermatitis (โรคภูมิแพ้ผิวหนังอักเสบอีกแบบหนึ่ง ได้เคยเขียนบทความเรื่องนี้ไว้แล้วก่อนหน้านี้ ลอง search ดูนะครับ ) ซึ่งทั้งสองแบบนี้ เป็นสาเหตุของโรคปากนกกระจอกที่พบได้บ่อยที่สุด 2. ผู้ป่วยสูงอายุ ที่ไม่มีฟัน ทำให้รูปปากผิดปกติ ทำให้เกิดการอับชื้นที่มุมปาก เกิดการติดเชื้อจากเชื้อราได้ 3. การขาดอาหาร ได้แก่ การขาดวิตามินบี 2 การขาดธาตุเหล็ก การขาดวิตามินซี และการขาดโปรตีน(พบได้น้อย) 4. การติดเชื้อแทรกซ้อน จากเชื้อแบคทีเรีย 5. ภาวะน้ำลายมากกว่าปกติ ( Hypersalivation) - แนวทางการป้องกันและรักษา
1. หาสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้เกิดโรคปากนกกระจอก แล้วรักษาที่สาเหตุ อาการดังกล่าวจะหายได้ 2. ทำความสะอาดช่องปาก เช็ดมุมปากให้แห้งตลอดเวลา 3. กรณีที่ไม่ได้ใส่ฟัน ควรไปพบทันตแพทย์เพื่อแก้ไขปัญหา 4. การใช้ยาป้ายแผลในปาก เช่น kenalog in oral base ได้ผลดีในแง่แผลที่เกิดจากภาวะอักเสบจากภูมิแพ้ - ดังนั้น กรณีที่เป็นปากนกกระจอก ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นโรคขาดอาหารเสมอไป ควรมองหาสาเหตุข้างต้นด้วย เพื่อจะได้รักษาได้ตรงสาเหตุ
เรียบเรียงและค้นคว้าใหม่โดย นพ.จรัสพล รินทระ .......................26 July,2005 |
ที่มา : https://www.clinicneo.co.th/detailcolumn.php?grp=8&sdata=&col_id=69