โรคหัวใจโตที่เกิดกับเด็ก อันตรายโรคหัวใจโต โรคหัวใจโต วิธีรักษา
โรคหัวใจโตที่เกิดกับเด็ก
โรคหัวใจในเด็ก
เจอกันอีกครั้งกับความรู้เรื่อง
โรคภัยและการดูแลสุขภาพกาย สุขภาพใจ
ก่อนจะเข้าเรื่องคงจะต้องสวัสดีกันก่อนผ่านปีใหม่มา 1 เดือน
ก็ขอให้ทุกท่านพบแต่สิ่งที่ดีสุขภาพแข็งแรงทั้งกาย ใจ เมื่อกล่าวถึงเรื่อง
"ใจ" วันนี้เรามีเรื่องของหัวใจมาฝากแต่เป็นเรื่อง หัวใจของเด็กกันบ้าง
โรคหัวใจในเด็ก โดยทั่วไปแบ่งเป็น 2 ชนิด
คือ1.โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด2.โรคหัวใจที่เกิดภายหลังโรคหัวใจพิการตั้งแต่
กำเนิดเป็นโรคหัวใจที่มีความผิดปกติตั้งแต่ในครรภ์มารดา
แต่สามารถเกิดแสดงอาการได้ทุกอายุ แต่ที่พบมากมักอยู่ใน 2 ช่วง คือ
ช่วงแรกตั้งแต่เกิดจนถึงอายุ 2 ปี และช่วงหลังคือหลังจากอายุ 5 ปีขึ้นไป
แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือชนิดที่เขียวและชนิดที่ไม่เขียว
ชนิดที่เขียว จะมีลักษณะเขียวคล้ำและสามารถมองเห็นได้ชัดเจน
เมื่อเด็กร้องไห้จะเห็นเด่นชัดมากขึ้นส่วนใหญ่จะมีอาการหอบเหนื่อยร่วมด้วย
และเมื่อเด็กโตขึ้นจะพบว่าบริเวณนิ้วมือและเท้าโป่งพอง เป็นปุ่ม
คล้ายกระบอง
ชนิดที่ไม่เขียว
เด็กจะไม่มีอาการเหนื่อยง่ายโดยเฉพาะเวลาดูดนมหรือวิ่งเล่นจะหายใจแรง
หัวใจเต้นรั่วดื่มนมได้น้อย
น้ำหนักขึ้นช้าและส่งผลให้เด็กตัวเล็กและสุขภาพจะไม่แข็งแรง เป็นหวัดบ่อยๆ
และเมื่อเป็นหวัดก็จะไม่ค่อยหายและมีโรคแทรกซ้อนบ่อยๆ
โรคหัวใจที่เกิดขึ้นภายหลัง ชนิดที่ทำให้เกิดอาการตั้งแต่วัยเด็กและพบบ่อย
คือ "โรคหัวใจรูมาติก"เป็นโรคลิ้นหัวใจพิการที่เกิดจากการอักเสบ ของคอ
หรือมีการติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจ และทำให้เกิดการอักเสบขึ้นที่หัวใจ
โดยเฉพาะตำแหน่งของลิ้นหัวใจ มักพบภายหลังการอักเสบของ คอ และต่อมทอนซิล
ประมาณ2-3 สัปดาห์
ซึ่งเกิดจากเชื้อแบคทีเรียพวกสเตรปโตคอคคัสเมื่อเชื้อโรคนี้ทำอันตรายต่อ
ร่างกายแล้ว
กลับทำให้ร่างกายสร้างภูมิต้านทานที่เป็นอันตรายต่อร่างกายของตนเองทำให้
เกิดการอักเสบของลิ้นหัวใจ และหากได้รับการรักษาในระยะแรกไม่ดีพอ
ต่อมาอาจกลายเป็นโรคลิ้นหัวใจรั่วหรือตีบได้
และเป็นสาเหตุใหญ่ของการเข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจภายหลังเมื่อโต
เป็นผู้ใหญ่
วิธีการตรวจ
วิธีการตรวจจะต้องอาศัยปัจจัยหลายอย่าง ตั้งแต่ประวัติ อาการของเด็ก
การตรวจร่างกายด้านหัวใจโดยละเอียด การ X-ray
ดูเงาหัวใจและเส้นเลือดในปอดและตรวจคลื่นหัวใจ การตรวจคลื่นสะท้อนหัวใจ
จะทำให้เห็นภาพในช่องหัวใจ ช่องเส้นเลือดและลิ้นหัวใจ
ซึ่งสามารถวัดขนาดของรูรั่วภายในหัวใจได้และสามารถวินิจฉัยได้ทุกอายุ
ตั้งแต่ทารกที่อยู่ในครรภ์มารดาประมาณ 18-20
สัปดาห์โดยคลื่นเสียงความถี่สูงทางหน้าท้องมารดา
การรักษา
การรักษาโรคหัวใจในเด็กขึ้นอยู่กับชนิดของความผิดปกติและความรุนแรง
ในโรคหัวใจบางชนิดอาจไม่ต้องรับการรักษาเลย เช่น
รูรั่วของผนังหัวใจช่วงล่างเล็กๆ
จะไม่มีอาการและหายเป็นปกติได้เมื่อเด็กโตขึ้น
แต่ถ้าหากมีอาการก็จะให้รักษาทางยาเพื่อควบคุมอาการและดูแลอย่างใกล้ชิด
หรือถ้ามีอาการมากขึ้น
ในปัจจุบันสามารถรักษาโดยใช้ลูกโป่งสอดไปตามเส้นเลือด
และหากจำเป็นต้องมีการผ่าตัดก็สามารถทำได้เพราะปัจจุบันมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
และอุปกรณ์ทางด้านการผ่าตัดหัวใจเด็กอย่างครบถ้วน
อันตรายโรคหัวใจโต
โรคในระบบหัวใจและหลอดเลือด
หัวใจโต (enlarged heart) อันตรายแค่ไหน
หัวใจ โต (enlarged heart)หมายถึง ขนาดของหัวใจที่ตรวจพบว่าโตขึ้น โดยเป็นผลที่เกิดขึ้นตามมาเนื่องจากโรคอื่นๆ หลายชนิด ขนาดหัวใจที่โตกว่าปกติ... อาจแบ่งเป็น 2 ชนิดใหญ่ๆ คือ หัวใจโตจากกล้ามเนื้อที่หนาตัวกว่าปกติ เช่น ในกรณีความดันโลหิตสูง หรือลิ้นหัวใจตีบ ก็ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจหนาขึ้นได้ อีกประการหนึ่งคือ ขนาดของหัวใจโตขึ้นเพราะกล้ามเนื้อหัวใจบีบตัวไม่ดี มีเลือดคั่งค้างในห้องหัวใจมาก ทำให้ขนาดของหัวใจโตขึ้น
สาเหตุ
สาเหตุที่ทำให้หัวใจโตมีหลายประการ ได้แก่
- ความดันโลหิตสูง ขณะ ที่หัวใจสูบฉีดโลหิตผ่านหลอดเลือดแดงแล้วไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ทั่วร่างกาย แรงที่เกิดขึ้นในการทำให้เลือดไหลเวียนอยู่นี้จะมีผลต่อผนังหลอดเลือดแดง ด้วย แรงมากระทำมากผนังหลอดเลือดแดงก็ต้องยืดขยายมากไปด้วย หาก หัวใจสูบฉีดโลหิตด้วยความแรงที่สูงกว่าปกติตลอดเวลา ระบบการไหลเวียนของโลหิตจะตกอยู่ในสภาพที่หลอดเลือดแดงรับบทหนักตลอดเวลา หากไม่ได้รับการรักษาให้ความดันโลหิตที่สูงกลับไปสู่ปกติ
- โรคลิ้นหัวใจตีบหรือรั่ว ส่วน ใหญ่มักจะเกิดในสภาพสังคมที่ค่อนข้างจะยากจน สาเหตุการเกิดเนื่องจากมีการติดเชื้อที่บริเวณทางเดินหายใจ หลังจากนั้นเชื้อหรือปฏิกิริยาจากการติดเชื้อก็ลงไปจู่โจมที่ลิ้นหัวใจ ทำให้ลิ้นหัวใจเกิดการอักเสบ เกิดการทำลายเกิดขึ้นแล้วเกิดลิ้นหัวใจตีบและลิ้นหัวใจรั่วตามมา
- โรคหัวใจขาดเลือดหรือกล้ามเนื้อหัวใจตาย ใน ประเทศไทย พบว่าจำนวนผู้ป่วยโรคเส้นเลือดหัวใจมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นทุกปี ผู้ป่วยมีอาการเจ็บหน้าอก ใจสั่น เหนื่อยง่ายเมื่อออกกำลังกาย บางครั้งเป็นลมหมดสติโดยไม่ทราบสาเหตุ สาเหตุเกิดจากการตีบแคบ หรืออุดตันในหลอดเลือดโคโรนารี่ที่นำเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ ทำให้หัวใจขาดเลือด จึงเกิดอาการต่างๆ เช่น จุกแน่น เสียดแสบบริเวณทรวงอก อาจแผ่กระจายไปที่แขน ลำคอ ขากรรไกร กราม หากเป็นมากจะอ่อนเพลีย เหงื่อออก เป็นลม จนถึงเสียชีวิตแบบเฉียบพลัน
- โรคเบาหวาน โรคเบาหวานมีความสัมพันธ์กับโรคหัวใจอย่างใกล้ชิด ผู้ป่วยโรคเบาหวานพบความผิดปกติของหลอดเลือดทั่วร่างกาย มาก บ้างน้อยบ้างแล้วแต่ความรุนแรง และความเรื้อรังของโรค นอกจากนี้ผู้ป่วยโรคเบาหวานยังมีความผิดปกติของไขมันในเลือด ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้การทำงานของหัวใจบกพร่องไปเรื่อยๆ
- โรคกล้ามเนื้อหัวใจหนากว่าปกติชนิดไม่ทราบสาเหตุ เชื่อว่าการเกิดโรคนี้เกี่ยวข้องกับปัจจัยทางพันธุกรรม ลักษณะ สำคัญของโรค พบการหนาตัวผิดปกติของกล้ามเนื้อหัวใจ ส่วนใหญ่เป็นการหนาตัวที่เกิดขึ้นไม่เท่ากันในแต่ละบริเวณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ผนังกล้ามเนื้อหัวใจห้องล่างซ้ายและบริเวณผนังกั้นกลาง ระหว่างหัวใจห้องล่างซ้ายและขวา ทำให้เกิดการอุดกั้นเลือดที่ไหลออกจากหัวใจขณะที่บีบตัว
- โรคหัวใจจากแอลกอฮอล์ การดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณสูงจะส่งผลโดยตรงต่อความดันโลหิต ทำให้ความดันโลหิตเพิ่มสูงขึ้น พบว่าการทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจบกพร่องและเป็นไปในลักษณะเรื้อรัง นอก จากนี้สารอะเซตัลดีไฮด์ที่เกิดจากการบริโภคแอลกอฮอล์ ยังเป็นสารที่ก่อให้เกิดอนุมูลอิสระจำนวนมาก สารเหล่านี้มีบทบาทสำคัญที่ทำให้เกิดอันตรายต่อเซลล์เยื่อบุหลอดเลือดและ เซลล์เนื้อเยื่อปลายทาง ผลที่สำคัญประการหนึ่งเป็นความผิดปกติของไมโตคอนเดรียที่อยู่ในเซลล์กล้าม เนื้อหัวใจ
อาการ
ผู้ป่วยที่ตรวจพบว่าหัวใจโตอาจ ไม่มีอาการผิดปกติแต่อย่างใด หากจะมีอาการ ก็มักจะเป็นอาการอันเนื่องจากโรคที่เป็นต้นเหตุ และอาการจากภาวะหัวใจล้มเหลว เช่น เหนื่อยง่าย หอบ แน่นหน้าอก เป็นต้น
ภาวะหัวใจโตไม่ถือเป็นโรค แต่ เป็นภาวะหนึ่งของโรคหัวใจ หมายความว่าโรคหัวใจชนิดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจ โรคหลอดเลือดหัวใจ เมื่อปล่อยให้โรคดำเนินไปมากขึ้นแล้ว จะเกิดภาวะหัวใจโตขึ้น เพราะฉะนั้นถ้าปล่อยให้หัวใจโตแล้ว จะเป็นสัญญาณเตือนว่าวันข้างหน้าโรคหัวใจเหล่านี้จะทำให้การทำงานของหัวใจ ล้มเหลว เข้าสู่โรคหัวใจระยะสุดท้ายและมีโอกาสเสียชีวิตได้
การวินิจฉัย
สามารถให้การวินิจฉัยได้จาก การซักถามประวัติอาการ และการตรวจร่างกายโดยเฉพาะอย่างยิ่งการตรวจระบบหัวใจและหลอดเลือดโดยละเอียด ซึ่งจะบอกได้หากหัวใจมีขนาดโตมาก นอกจากนี้การตรวจร่างกายอาจจะช่วยให้ทราบถึงสาเหตุของหัวใจโตได้เช่นกัน
การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจและ การถ่ายภาพรังสีทรวงอกช่วยในการวินิจฉัยได้มาก ในกรณีกล้ามเนื้อหัวใจหนากว่าปกติมาก หรือผู้ป่วยที่เคยมีปัญหากล้ามเนื้อหัวใจตายมาก่อน จะตรวจพบได้จากการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ
ข้อควรระวังคือการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจเป็นการตรวจที่มีความไวต่ำ การที่คลื่นไฟฟ้าหัวใจปกติมิได้หมายความว่าหัวใจไม่โต ในทางตรงข้ามแม้คลื่นไฟฟ้าหัวใจบอกว่าหัวใจโต แต่จริงๆ แล้วอาจจะไม่โตก็ได้
ภาพรังสีทรวงอกบอก ขนาดของหัวใจได้ดีพอสมควร แต่ก็มีข้อจำกัดอยู่บ้าง บ่อยครั้งที่แพทย์อาจพิจารณาสั่งการตรวจพิเศษหลายอย่าง ทั้งนี้เพื่อให้ได้ข้อมูลมากที่สุด เพื่อประกอบการตัดสินใจในการให้ความเห็นและรักษา
การตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง หรือคลื่นอัลตราซาวน์ บางครั้งเรียกว่าการตรวจคลื่นสะท้อนหัวใจ (echocardiography) ซึ่ง ช่วยให้เห็นห้องหัวใจและสามารถวัดขนาดได้ว่าโตหรือไม่ การตรวจชนิดนี้นังช่วยให้เห็นการทำงานของลิ้นหัวใจ เห็นลักษณะของกล้ามเนื้อหัวใจ และความสามารถในการบีบตัวของหัวใจ
การรักษา
หลักการรักษาภาวะหัวใจโต เป็น การให้การรักษาตามสาเหตุ เช่น รักษาความดันโลหิตสูงให้อยู่ในเกณฑ์ที่ควบคุมได้ บางรายอาจได้รับการผ่าตัดลิ้นหัวใจ สำหรับผู้ที่หัวใจวายต้องได้รับการรักษาภาวะหัวใจล้มเหลวให้ดีขึ้น
นอกจากนั้นยังควรให้ความสำคัญกับเรื่องโภชนาการที่ถูกต้องเหมาะสม การออกกำลังกายที่เพียงพอ ควบคุมระดับไขมันในเลือดไม่ให้สูงผิดปกติ อย่าง ไรก็ตาม แม้ว่าการรักษาอย่างเต็มที่แล้ว อาจจะไม่ได้ลดขนาดหัวใจลงให้เห็นได้ชัดเจน แต่การรักษาจะช่วยป้องกันไม่ให้หัวใจโตขึ้นเรื่อยๆ ได้
โรคหัวใจโต วิธีรักษา
|
Link
https://blog.eduzones.com
https://www.108health.com
https://www.vejthani.com