ประวัติความเป็นมาของวันภาษาไทยแห่งชาติ วันภาษาไทยแห่งชาติ 2554 ความสำคัญของวันภาษาไทยแห่งชาติ


7,422 ผู้ชม


ประวัติความเป็นมาของวันภาษาไทยแห่งชาติ วันภาษาไทยแห่งชาติ 2554 ความสำคัญของวันภาษาไทยแห่งชาติ

 

วันภาษาไทยแห่งชาติ

 วันที่  ๒๙  กรกฎาคม เป็น “วันภาษาไทยแห่งชาติ”    ถือกำเนิดขึ้นด้วยพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมีพระราชหฤทัยห่วงใยในปัญหาการใช้ภาษาไทยที่มีแนวโน้มว่าจะตกต่ำ   ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเป็นประธาน และร่วมประชุมทางวิชาการกับผู้ทรงคุณวุฒิด้านภาษาไทย  ณ ห้อง ๑๐  ตึก ๑   คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย   เมื่อวันที่  ๒๙  กรกฎาคม  ๒๕๐๕   ซึ่งถือเป็นวันประวัติศาสตร์แห่งวงการ ภาษาไทย ทีเดียว  

ภาษา”  เป็นเครื่องหมายแห่งอารยธรรม ชาติใดมีภาษาของตนเอง สามารถสร้างสรรค์วรรณกรรมไว้เป็นมรดกทางศิลปวัฒนธรรมของชาติมากเท่าใด ก็ยิ่งบ่งบอกได้ว่า ชนชาตินั้นๆเป็นผู้มีความรู้  มีความฉลาดปราดเปรื่อง  และบ้านเมืองมีความเจริญรุ่งเรือง

ชาติไทยเราก็มี “ภาษา” ของตนเองใช้สื่อสารสืบทอดกันมานานหลายร้อยปี  นับตั้งแต่พ่อขุนรามคำแหงมหาราช ทรงประดิษฐ์อักษรไทย เมื่อ พ.ศ. ๑๘๒๖  เป็นต้นเลยมาทีเดียว   และด้วยระยะเวลาที่ยาวนานเช่นนี้  ความเปลี่ยนแปลงทางภาษาย่อมเกิดขึ้นทั้งที่เหมาะ ที่ควร   และไม่เหมาะ  ไม่ควร   เป็นเหตุให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชหฤทัยห่วงใยในการใช้ภาษา  ได้ทรงมีพระราชดำรัสแจกแจงถึงปัญหาในการใช้ภาษาไทยและพระราชทานพระราชทัศนะต่อที่ประชุมเกี่ยวกับการใช้ภาษาไทยไว้สามประการ

ประการแรก  ได้แก่  การอ่าน หรือ พูด  คำบางคำ  เสียงไม่ตรงกับตัวเขียนทำให้ภาษาเสียหายได้   ทรงยกตัวอย่างการออกเสียงว่า “หมาวิทยาลัย” ในขณะที่เขียนว่า “มหาวิทยาลัย” เป็นสิ่งที่ยอมไม่ได้ ต้องคัดค้านแก้ไข เป็นต้น

ประการที่สอง เรื่องของการใช้คำแทนรูปประโยค  ทรงยกตัวอย่างการนำคำว่า   “อุบัติเหตุ”  ( accident) ซึ่งมีความหมายถึง สิ่งที่อุบัติขึ้นโดยที่มนุษย์ไม่ต้องประสงค์  ไปใช้กับสิ่งที่มีความหมายของ “เหตุการณ์”  (  incident)   อันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยที่มีความต้องการของมนุษย์   ว่าเป็นการใช้ที่ไม่ถูก  ทรงมีพระราชดำรัสว่า  มีคำชนิดนี้อีกหลายคำ

ประการที่สาม คือเรื่องของศัพท์บัญญัติ  ที่ทรงขอให้ใช้ความระมัดระวังในการบัญญัติและการใช้คำ  ดังพระราชดำรัสตอนหนึ่งว่า 
“.......คำใหม่ที่ตั้งขึ้น  มีความจำเป็นทางวิชาการไม่ใช่น้อย  แต่บางคำที่ง่ายๆ ควรจะมี  ควรจะใช้คำเก่าที่เรามีอยู่แล้ว  ไม่ควรจะมาตั้งศัพท์ใหม่ให้ยุ่งยาก  แต่ก็อาจเป็นด้วยเห็นว่าไม่ให้พอ  จึงต้องใช้คำใหม่ๆ  แต่การตั้งคำใหม่มีหลักหลายประการ  และผู้ที่ตั้งคำนั้นต้องรู้คำและหลักของภาษาลึกซึ้ง  ทั้งภาษาไทยและภาษาต่างประเทศ  คือ  มาจากไหน  มาจากความคิดอะไร เพื่อจะไม่ให้ผิดไปอย่างตลกขบขัน.......”

“....เห็นด้วยที่เราควรจะรักษาภาษาภาคเหนือ ภาคใต้  ต้องระวังให้ดี  เพราะเป็นแหล่งที่จะไปศึกษาภาษาโดยแท้......การรักษาภาษาในชนบทนั้นต้องทำ  อาจไม่ทราบว่าภาษามาจากไหน  ภาษาของไทยเราเป็นของจริง  อยู่ที่ไหน เพราะว่าเราพยายามก่อขึ้นมาโดยไม่มีหลักฐาน ไม่มีความรอบคอบพอ แล้วก็แพร่ไปต่างจังหวัด ไปทำลายภาษาพื้นเมือง ซึ่งจะเป็นหลักประกันความบริสุทธิ์ของภาษา

เมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม  ๒๕๓๔  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  ยังได้ทรงมีพระราชดำรัส  ณ  ศาลาดุสิดาลัย  สวนจิตรลดา  แสดงความห่วงใยที่สื่อมวลชนมักออกเสียงวรรณยุกต์ของคำผิด  ดังจะขออัญเชิญมาตอนหนึ่ง ว่า

“มีการเปลี่ยนแปลงของวรรณยุกต์  เสียงสูงขึ้นไปเรื่อยๆ  เสียงโทกลายเป็นเสียงตรี  เสียงตรีกลายเป็นเสียงจัตวา  เลยทำให้ฟังดูแปลกๆ...”

เนื่องในโอกาสที่วันภาษาไทยแห่งชาติได้เวียนมาถึง  จึงได้น้อมนำความห่วงใยในการใช้ ภาษาไทย และพระราชทัศนะของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาทบทวนกันอีกครั้ง  เพื่อต่างจะได้สำรวจตนเองว่า  นับตั้งแต่ วันที่ ๒๙ กรกฎาคม ปี ๒๕๐๕  และวันที่  ๔ ธันวาคม  ๒๕๓๔  ที่พระองค์ท่านได้ทรงแสดงความห่วงใยในการใช้ ภาษาไทย ดังที่กล่าวแล้วนั้น  มาถึงปี  ๒๕๔๙  นี้เหล่าพสกนิกรไทยได้น้อมนำมาปฏิบัติ ใช้ภาษาไทยกันอย่างถูกต้อง คงความงดงาม คงคุณค่าได้มากน้อยเพียงใด

 

ที่มา
- พระราชกรณียกิจ : สำนักข่าวไทย  ๗  พ.ย. ๓๙
- นิตยสารสกุลไทย : ๒๑  ธ.ค.  ๔๒

ข้อมูลจาก : บทความพิเศษประกอบรายการของสถานีวิทยุ อสมท.  เรื่อง "วันภาษาไทยแห่งชาติ"  ผลิตโดย  งานบริการการผลิต  ส่วนสนับสนุนการผลิตวิทยุ  ฝ่ายออกอากาศวิทยุกรุงเทพ

อัพเดทล่าสุด