ลูกฟุตซอล ประวัติของฟุตซอล สนามฟุตซอลหนองจอก


890 ผู้ชม


ลูกฟุตซอล ประวัติของฟุตซอล สนามฟุตซอลหนองจอก

 
ฟุตซอลชิงแชมป์โลก



     อย่างที่ทราบกันดีว่าช่วง พ.ย. เราคงได้ต้อนรับกับมหกรรมกีฬาระดับโลกนั่นคือฟุตซอลชิงแชมป์โลก หรือที่ใช้ชื่ออย่างเป็นทางการว่า FIFA FUTSAL WORLD CHAMPIONSHIP THAILAND 2012


        ว่ากันตามตรงโดยศักดิ์และสิทธิ์นั้นนี่คือรายการใหญ่ระดับโลกอีกรายการหนึ่งบนปฏิทินกีฬาของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติเทียบเท่ากับฟุตบอลโลก เพียงแต่นี่คือฟุตซอลหรือบอลสนามเล็กเป็นฟุตซอลชิงแชมป์โลก ที่ทุกทวีปต้องผ่านการคัดเลือกมาเป็นหนึ่งใน 24 ทีมสุดท้าย เส้นทางไม่ต่างจากฟุตบอล
 
        เคยมีคำกล่าวประชดประชันว่าหากบอลไทยอยากไปบอลโลกต้องเป็น "เจ้าภาพ" เท่านั้นหากจะคัดเลือกคงยาก...แต่สำหรับฟุตซอลนั้นไม่จำเป็นเพราะเด็กไทยเก่งระดับโลก เนื่องจากเราชอบเล่นบอลโต๊ะเล็ก สนามเล็กกันจนมีความคล่องตัวพอที่จะเล่นระดับโลกได้ อีกทั้งฟุตซอลเป็นกีฬาที่ไม่เน้นการปะทะ คนตัวใหญ่อาจเสียเปรียบต่อการเล่นด้วยซ้ำไป ดังนั้นนักเตะแบบรุ่นฟลายเวตอย่างพวกเรามีโอกาสประสบความสำเร็จได้
 
        นั่นจึงไม่ต้องสงสัยว่าฟุตซอลไทยจึงก้าวหน้าและไปฟุตซอลโลกมาทุกครั้ง นับตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมา แม้ว่าครั้งล่าสุดหากเราไม่ใช่เจ้าภาพก็เชื่อกันว่าเราน่าจะผ่านคัดเลือกได้เป็นสมัยที่ 4 ติดต่อกัน ด้วยเพราะเวลานี้เราคืออันดับ 3 ของทวีปและอันดับ 10 ของโลก
 
        ด้วยมาตรฐานตลอด 12 ปีที่ผ่านมาที่สร้างขึ้นอย่างมั่นคงทำให้หลายทีมเพื่อนบ้านยังคงไล่ตามอยู่...แต่นั่นคือสิ่งที่ทำให้เราย่ามใจมากไม่ได้เช่นกัน เพราะการเป็นเบอร์หนึ่งของวงการเนี่ยโดยธรรมชาติจะต้องมีคนอยากโค่นล้มตลอดเวลา ไม่ใช่แค่ฟุตบอลหรอกครับ...ทุกวงการนั่นแหละ
 
        ดังนั้นการรักษาสถานภาพความเป็นเบอร์หนึ่งของอาเซียนและระดับท็อปของทวีปคือสิ่งที่จะต้องทำให้ได้ต่อเนื่องต่อไป ด้วยวิธีการที่ถูกต้องเหมาะสมตามแบบฉบับมืออาชีพ
 
        ฟุตซอลชิงแชมป์โลกครั้งนี้เป็นครั้งที่ 7 โดยก่อนหน้าก็จัดการตามทวีปต่างๆ โดยเที่ยวแรกนั้นที่ฮอลแลนด์, ฮ่องกง, สเปน, กัวเตมาลา (ไทยไปฟุตซอลโลกครั้งแรก), ไต้หวัน, บราซิล จากอเมริกาใต้มาครั้งนี้ฟีฟ่าเลือกประเทศไทยเป็นเจ้าภาพฟุตซอลชิงแชมป์โลก
 
        จัดกันเหมือนบอลโลกนั่นแหละครับทุกๆ 4 ปี เป็นรอบที่ยาวนานแต่คุ้มค่าและทำให้แต่ละชาตินั้นตระหนักถึงการไม่หยุดนิ่งในการพัฒนาทีมตัวเองทั้งระดับทีมชาติและสโมสร ถ้าไม่รอคอยนานเป็น 4 ปีแล้วแข่งขันกันครั้งหนึ่งความพิเศษสุดคงไม่มี 
 
        ความสำคัญคงไม่เกิดขึ้นเพราะ...หลายชาติคงมองว่าเดี๋ยวปีนี้ก็มีแข่งอีก ตกรอบแก้ตัวใหม่ปีหน้า แต่สำหรับฟุตซอลโลกนั้นมีความศักดิ์สิทธิ์ในตัวเอง มีความสำคัญแล้วละครับ หากพลาดเที่ยวนี้ต้องรออีก 4 ปี 
 
        นี่คือไอเดียที่ว่าทำไมจัดแข่งขันทุกๆ 4 ปี ไม่ว่าจะเป็นอีเวนต์กีฬาระดับโอลิมปิก, เอเชียนเกมส์, บอลโลก ต้องใช้เวลารอคอย...เพื่อแสดงความสามารถ ระหว่างรอคอยคุณต้องสร้างทีมของคุณขึ้นมาให้แกร่ง นี่คือหลักการและไอเดีย ไม่งั้นทำสะเปะสะปะ ไม่ใส่ใจอะไรมากมายเพราะรู้สึกว่าปีหน้าก็มีแข่งอีก
 
        สำหรับฟุตซอลชิงแชมป์โลกที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันรอบสุดท้ายนั้นกำหนดไว้ระหว่างวันที่ 1-18 พ.ย. ใช้เวลาเกือบสามสัปดาห์ในการแข่งขัน ซึ่งช่วงนั้นเข้าใจว่าเราคงทำให้เป็นบรรยากาศ ''ฟุตซอล ฟีเวอร์'' ได้อย่างไม่ต้องสงสัย 
 
        ตรงนี้ถือว่าสำคัญในฐานะเจ้าบ้าน...ซึ่งวันก่อนผมได้มีโอกาสไปร่วมงานแถลงข่าว มี มิสเตอร์ ไฮเม ผู้อำนวยการฝ่ายฟุตซอลของฟีฟ่า เดินทางมาร่วมแถลงข่าวและได้ไปสำรวจความพร้อมของสองสังเวียนแข้งที่จัดฟุตซอลคือที่ ยิมฯ ในร่มเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา จ.นครราชสีมา และที่ยิมฯ ในร่มความจุ 12,500 คน ที่หนองจอก
 
        เขาเองก็บอกว่าเขาเชื่อว่าเจ้าภาพคงไม่มีปัญหาเรื่องสิ่งอำนวยความสะดวกในการจัดการแข่งขัน และหวังว่าแฟนกีฬาชาวไทยคงมีส่วนช่วยกันสร้างสีสันและบรรยากาศตามแบบฉบับของเทศกาลกีฬาระดับโลก เช่นเดียวกันกับคาดหวังว่าทีมฟุตซอลไทยน่าจะผ่านเข้าสู่รอบน็อกเอาต์ได้ หลังจากที่พยายามมาสามครั้งยังอยู่แค่รอบแบ่งกลุ่มเท่านั้น
 
        นั่นคงเป็นการมองมุมบวกสำหรับบุคลากรระดับฟีฟา...แต่สิ่งหนึ่งที่เราอาจได้เห็นกันคือช่วง พรีแมตช์ คอมเพติชั่น ของฟีฟ่า ซึ่งจะมีการจัดแข่งขัน 4  แมตช์โดย 18 และ 20 พ.ค. เราพบกับออสเตรเลียที่สุพรรณบุรี และ กทม. จากนั้นช่วง ส.ค. ปลายเดือนมีอีกสองแมตช์ เจอกับของแข็งคือสเปน 
 
        นี่คือการอุ่นเครื่องทั้งตัวฟุตซอลในสนามและการจัดการนอกสนาม...เพื่อให้พร้อมกับการแข่งขันที่จะมาถึงในเดือนพ.ย. 
 

แหล่งที่มา : siamsport.co.th

อัพเดทล่าสุด