โรคอัมพาตครึ่งซีก อัมพาตครึ่งซีก กายภาพ รักษาอัมพาตครึ่งซีก


1,422 ผู้ชม


โรคอัมพาตครึ่งซีก อัมพาตครึ่งซีก กายภาพ รักษาอัมพาตครึ่งซีก

รักษาอัมพาตครึ่งซีก 


 
ผู้ป่วยควรไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยที่แน่นอนก่อน แม้ว่าโดยทั่วไปผู้ป่วยมักจะหายได้เองโดยไม่จำเป็นต้องใช้ยาพิเศษ อย่างไรก็ดี การฟื้นตัวของเส้นประสาทและกล้ามเนื้อของผู้ป่วยแต่ละรายจะมีความแตกต่างกันตามความรุนแรงของโรคตั้งแต่ต้น และผู้สูงอายุจะฟื้นตัวช้ากว่าวัยอื่น แต่โดยเฉลี่ยอาการจะเริ่มดีขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ 2 และดีขึ้นเรื่อยๆ ไปตลอดในช่วง 2-3 เดือน แล้วจึงเริ่มช้าลง แต่หลังจากมีอาการนาน 6 เดือนถึง 1 ปี โอกาสที่อาการจะดีขึ้นจะลดลงมาก
อย่างไรก็ตาม มีความพยายามในการวิจัยเพื่อหายามารักษาให้ผู้ป่วยฟื้นตัวได้เร็วขึ้น โดยเฉพาะการใช้ยาต้านไวรัสและยากลุ่มสเตียรอยด์เพื่อลดการอักเสบ ซึ่งข้อมูลของงานวิจัยที่ผ่านมา ยืนยันถึงประโยชน์ของการให้ยาสเตียรอยด์ เช่น การให้ยาเพรดนิโซโลน (prednisolone) เป็นเวลา 7-14 วัน จะทำให้เส้นประสาทมีการฟื้นตัวเร็วขึ้น และลดความพิการจากโรคได้บ้าง แต่ต้องให้ยานี้ภายใน 2-3 วัน 
หลังเกิดอาการขึ้น หากให้ช้ากว่านั้นจะไม่ได้ประโยชน์เท่าไร ส่วนยาต้านไวรัส เช่น acyclovir พบว่า มีประโยชน์ไม่ชัดเจน และหากจะให้ก็ควรที่จะให้โดยเร็วเช่นกัน 
ส่วนการทำกายภาพบำบัด การกระตุ้นไฟฟ้า การฝังเข็มนั้นยังสรุปผลไม่ชัดเจน จึงไม่แนะนำให้ใช้เป็นแนวทางการรักษามาตรฐาน
  โดยรวมผู้ป่วยราวร้อยละ 70-80 จะมีอาการหายสนิท แต่ส่วนหนึ่งจะมีอาการใบหน้าเป็นอัมพาตเพียงบางส่วน ส่วนน้อยจะมีภาวะแทรกซ้อนรุนแรงตามมา เช่น ใบหน้าเป็นอัมพาตบางส่วนถาวร ใบหน้ากระตุก ซึ่งอาการสำคัญคือ กล้ามเนื้อใบหน้าหดตัวไม่ประสานกัน (synkinesis) เช่น เมื่อผู้ป่วยปิดตา มุมปากจะกระตุกขึ้น ปรากฎการณ์นี้เกิดจากการที่เส้นประสาทงอกกลับไปที่กล้ามเนื้อผิดตำแหน่ง ทำให้การควบคุมของกล้ามเนื้อผิดปกติ ส่วนในบางราย การงอกกลับที่ผิดปกติของเส้นประสาทนี้จะทำให้ผู้ป่วยมีน้ำตาไหลขณะกินอาหาร ที่เรียกว่า “กลุ่มอาการน้ำตาจระเข้” (crocodile tear syndrome)
 
  • การดูแลดวงตา เนื่องจากผู้ป่วยมักปิดตาได้ไม่สนิท ทำให้เกิดการระคายเคืองตา ตาแห้ง และกระจกตาแห้งได้ง่าย จึงควรใช้น้ำตาเทียมหยอดตาบ่อยๆ เช่น ใช้น้ำตาเทียมทุก 2-4 ชั่วโมงในระหว่างวัน และใช้น้ำตาเทียมชนิดเจลหรือขี้ผึ้งหยอดตาก่อนนอน ส่วนในช่วงกลางวันควรใส่แว่นเพื่อป้องกันฝุ่นและป้องกันอุบัติเหตุต่อตา ในช่วงกลางคืนอาจใช้เทปช่วยปิดเปลือกตาให้หลับตาได้สนิท หรือใช้แผ่นปิดตาปิดชั่วคราวในระหว่างนั้น
  • การรับประทานอาหารและดื่มน้ำ ควรทำอย่างช้าๆ เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำหรืออาหารหก หรือรั่วจากมุมปาก (ผู้ป่วยมักใช้หลอดดูดเครื่องดื่มไม่ได้เพราะปิดปากไม่สนิท
  • ควรบริหารกล้ามเนื้อใบหน้าในระหว่างที่เส้นประสาทกำลังฟื้นตัว เช่น ฝึกยิงฟัน หลับตา เม้มปาก ย่นหน้าผาก
  • ควรรับประทานยาให้ครบตามแพทย์สั่ง หากได้รับยาต้านไวรัสและสเตียรอยด์
  • ควรรีบกลับมาพบแพทย์เพื่อประเมินใหม่อีกครั้ง หากมีอาการอื่นเพิ่มขึ้นจากใบหน้าอัมพาตครึ่งซีก เช่น มีอาการเดิมในด้านตรงข้าม เห็นภาพซ้อน กลืนลำบาก เสียงเปลี่ยน การได้ยินลดลง ปวดศีรษะ แขนขาอ่อนแรง 
  • อาจปรึกษาแพทย์เพื่อผ่าตัดกล้ามเนื้อบางส่วน หากผู้ป่วยยังมีอาการไม่ดีขึ้นหลังเวลาผ่านไป 6 เดือน - 1 ปีแรก และมีภาวะแทรกซ้อนของการเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อใบหน้า ทั้งนี้เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยสามารถแสดงสีหน้าได้บ้าง โดยเฉพาะการยิ้ม
จากข้อมูลข้างต้น ผู้อ่านคงจะสบายใจขึ้นบ้างว่า โรคนี้ไม่เป็นอันตรายมากนัก ส่วนใหญ่มักหายเป็นปกติในช่วงเวลา 3 เดือน โดยอาจใช้ยาบางชนิดร่วมด้วยเพื่อให้เส้นประสาทและกล้ามเนื้อฟื้นตัวเร็วขึ้น แต่ระหว่างนั้นก็ควรระวังภาวะแทรกซ้อน โดยเฉพาะการติดเชื้อที่กระจกตาและตาแห้ง ซึ่งหากอาการไม่ดีขึ้นก็ยังมีแนวทางการรักษาวิธีอื่นร่วมด้วย



แหล่งที่มา : 108health.com

อัพเดทล่าสุด