ขมิ้นชัน สรรพคุณ ประโยชน์ของขมิ้นชัน คุณสมบัติของขมิ้นชัน


1,488 ผู้ชม


ขมิ้นชัน สรรพคุณ ประโยชน์ของขมิ้นชัน คุณสมบัติของขมิ้นชัน

 

 

ขมิ้นชัน สมุนไพรชั้นเลิศ ช่วยดูแลสุขภาพ

ขมิ้นชัน

          ขมิ้นชันสีเหลือง ๆ เป็นพืชสมุนไพรที่คนไทยรู้จักนำมาใช้ประโยชน์กันนานแล้ว โดยเฉพาะการนำไปประกอบอาหาร หรือแต่งสี แต่งกลิ่นให้อาหารจานเด็ด ทั้งแกงไตปลา แกงกะหรี่ ไก่ทอด ฯลฯ อู้ย...ฟังชื่อแล้วชักหิวขึ้นมาซะงั้น
          แต่ ช้าก่อน...วันนี้ เราไม่ได้ชวนเพื่อน ๆ มาทำอาหารที่มีขมิ้นชันเป็นส่วนประกอบหรอกนะจ๊ะ เพราะเราจะมาพูดถึงสรรพคุณทางยาเด็ด ๆ ของขมิ้นชันกัน พอจะรู้กันไหมเอ่ย ว่า ขมิ้นชัน ช่วยรักษาอาการเจ็บป่วยอะไรได้บ้าง ถ้ายังนึกไม่ออก ตามไปรู้จักขมิ้นชันให้มากขึ้นกันดีกว่า
          "ขมิ้นชัน" หรือที่คนทั่วไปรู้จักในชื่อ "ขมิ้น" คน เชียงใหม่เรียกว่า ขมิ้นแกง ขมิ้นหัว ขมิ้นหยอก คนตรัง เรียก ขี้มิ้น หรือ หมิ้น มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Curcuma longa Linn. เป็นพืชล้มลุกในวงศ์ขิงที่มีถิ่นกำเนิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สูงประมาณ 30-90 เซนติเมตร มีเหง้าอยู่ใต้ดิน มีแขนงรูปทรงกระบอกแตกออกมาด้านข้าง 2 ด้าน ส่วนเนื้อในของเหง้ามีสีเหลืองเข้มจนถึงสีแสดจัด มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว
          ใบเดี่ยวของขมิ้นชันจะแทงออกมาจากเหง้าเรียงเป็นวงซ้อนทับกันเป็นรูปหอก ขนาดใบกว้าง 12-15 เซนติเมตร ยาว 30-40 เซนติเมตร ดอกมีสีเหลืองอ่อน แทงออกมาจากเหง้า แทรกขึ้นมาระหว่างก้านใบ ปกติจะบานครั้งละ 3-4 ดอก รูปกลมมี 3 พู
          เหง้า ของขมิ้นชันมีสารสำคัญประเภทเคอร์คูมินอยด์ ซึ่งเป็นสารสีเหลืองประกอบอยู่หลายตัว ทั้ง เดสเมทอกซีเคอร์คูมิน และบิสเดส เมทอกซีเคอร์คูมิน และน้ำมันหอมระเหย ซึ่งมีสารสำคัญอย่าง เทอร์เมอโรน และซิงจิเบอรีน ซึ่งสารทั้งหมดนี้ ช่วยเพิ่มสรรพคุณทางยาให้ขมิ้นชันได้อย่างดี

ขมิ้นชัน

สรรพคุณทางยาของขมิ้นชัน
          มา ดูสรรพคุณทางยาของขมิ้นชันกัน ส่วนที่ใช้ก็คือ "เหง้า" ที่มีรสฝาดนั่นเอง โดยเหง้ามีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา ลดการอักเสบ และมีฤทธิ์ในการขับน้ำดี ต้านอนุมูลอิสระป้องกันการเกิดมะเร็งในตับ ช่วยบำรุงตับ นอกจากนี้ ยังมีสารอาหารหลายชนิด ทั้งวิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี และเกลือแร่ต่าง ๆ
 
          ส่วนน้ำมันหอมระเหยในขมิ้นชัน ก็มีสรรพคุณบรรเทาอาการปวดท้อง ท้องอืด แน่นจุกเสียดได้ด้วย จึงนิยมนำขมิ้นมาใช้สมานแผลในกระเพาะอาหาร ทำความสะอาดลำไส้ รักษาโรคกระเพาะอาหาร
          การ ศึกษาวิจัยเพิ่มเติมยังพบว่า ขมิ้นมีสรรพคุณบำรุงร่างกายอีกหลายอย่าง ทั้งช่วยรักษาระบบทางเดินหายใจที่ผิดปกติ หืด ไอ เวียนศีรษะ รักษาอาการปวดและอักเสบเนื่องจากไขข้ออักเสบ เพิ่มภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย ช่วยขับน้ำนมสตรีหลังคลอดบุตร
          อ๊ะ แต่ไม่ใช่ว่า ปลูกขมิ้นแล้วจะขุดเหง้าขึ้นมาใช้ประโยชน์ได้ทันทีเลยนะ เพราะเหง้าที่จะนำขึ้นมาใช้ประโยชน์ได้นั้น ต้องมีอายุอย่างน้อย 9-12 เดือน และต้องไม่เก็บไว้นานเกินไปด้วย ไม่เช่นนั้นน้ำมันหอมระเหยจะหายหมด ที่สำคัญต้องเก็บไว้ไม่ให้ถูกแสงแดดด้วยเช่นกัน และห้ามเก็บเกี่ยวในระยะที่ขมิ้นชันเริ่มแตกหน่อ เพราะจะทำให้สารเคอร์คิวมินในขมิ้นชันลดลง ซึ่งก็ทำให้สรรพคุณเด็ด ๆ ของขมิ้นชันหายไปด้วย
 วิธีนำขมิ้นชันไปใช้รักษาโรค
           หากจะนำขมิ้นชันไปรับประทาน ให้ นำขมิ้นชันไปล้างน้ำให้สะอาด ไม่ต้องปอกเปลือกออก แล้วหั่นเป็นแว่นชิ้นบาง ๆ นำไปตากแดดจัด ๆ 1-2 วัน แล้วนำมาบดให้ละเอียด ผสมกับน้ำผึ้ง ปั้นเป็นเม็ดเล็ก ๆ ขนาดประมาณปลายนิ้วก้อย นำมารับประทานครั้งละ 2-3 เม็ด วันละ 3-4 ครั้ง หลังอาหารและก่อนนอน จะช่วยแก้อาการดังกล่าวได้ แต่หากใครรับประทานแล้วท้องเสีย หรือมีอาการจุกเสียดแน่นท้องให้หยุดยาทันที
          นอกจากนี้ ยังสามารถนำเหง้าแก่สด ยาวประมาณ 2 นิ้ว มาขูดเปลือกออก นำไปล้างน้ำให้สะอาด แล้วตำให้ละเอียด เติมน้ำ คั้นเอาแต่น้ำมารับประทาน ครั้งละ 2 ช้อนโต๊ะ วันละ 3-4 ครั้ง
          สำหรับ คนที่ซื้อขมิ้นชันแบบผงมารับประทานเอง ให้ใช้สูตรคือ ขมิ้นชันผง 1 ช้อนชา ผสมน้ำ 1 แก้ว (ไม่เต็ม) แล้วรับประทาน ขมิ้นชันที่ไหลผ่านอวัยวะภายในต่าง ๆ สามารถบำรุงอวัยวะส่วนนั้นได้ด้วย คือ ผ่านลำคอ จะช่วยขับไล่ไรฝุ่นที่ลำคอ, ผ่านปอดจะช่วยดูแลปอดให้หายใจได้ดีขึ้น, ผ่านม้ามจะช่วยลดไขมัน ไม่ให้น้ำเหลืองเสีย, ผ่านกระเพาะอาหารจะช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหาร, ผ่านลำไส้จะช่วยสมานแผลในลำไส้ และผ่านตับก็จะช่วยบำรุงตับ ล้างไขมันในตับ
           การใช้ขมิ้นชันเป็นยาทาภายนอก เพื่อ รักษาอาการแพ้ แก้อักเสบ ผื่นแดง แมลงสัตว์กัดต่อย ให้นำเหง้าขมิ้นยาวประมาณ 2 นิ้ว มาฝนกับน้ำต้มสุก แล้วทาในบริเวณที่เป็น วันละ 3 ครั้ง หรือจะใช้ผงขมิ้นโรยทาบริเวณที่มีอาการผื่นคันจากแมลงสัตว์กัดต่อยก็ช่วยได้ เช่นกัน

ขมิ้นชัน

          อย่าง ไรก็ตาม เคยมีการศึกษาพบว่า หากรับประทานขมิ้นชันตามเวลาที่อวัยวะต่าง ๆ เปิดการทำงาน จะเกิดประสิทธิผลมากขึ้น เราก็เลยขอนำวิธีการรับประทานขมิ้นชันให้ได้ผลดีมาฝากกัน โดยควรรับประทานขมิ้นชันตามเวลาต่อไปนี้
           เวลา 03.00-05.00 น. เป็น เวลาของปอด การรับประทานขมิ้นชันในช่วงเวลานี้จะช่วยบำรุงปอด ป้องกันการเป็นมะเร็งปอด ทำให้ปอดแข็งแรง และช่วยเรื่องภูมิแพ้ของจมูกที่หายใจไม่สะดวก และยังช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันที่ผิวหนัง
 
           เวลา 05.00-07.00 น. เป็นเวลาของลำไส้ใหญ่ จะช่วยแก้ปัญหาลำไส้ใหญ่ ซึ่งถ้าหากคุณเคยรับประทานยาถ่ายมาเป็นเวลานาน ให้รับประทานขมิ้นชันเวลานี้ เพราะขมิ้นชันจะฟื้นฟูปลายประสาทของลำไส้ใหญ่ แต่ต้องรับประทานเป็นประจำจึงจะทำให้ลำไส้ใหญ่บีบรัดตัวเพื่อช่วยให้ขับถ่าย ได้เป็นปกติ
          นอกจากนี้ขมิ้นชันยังช่วยแก้ปัญหาลำไส้ใหญ่กลืนลำไส้เล็ก และปัญหาลำไส้ใหญ่ขับถ่ายน้อยหรือมากจนเกินไปได้เช่นกัน แต่ถ้าหากลำไส้ใหญ่ไม่มีปัญหา ให้รับประทานขมิ้นชันพร้อมกับสูตรโยเกิร์ต นมสด น้ำผึ้ง มะนาวหรือน้ำอุ่นก็ได้ เพื่อช่วยล้างผนังลำไส้ที่มีหนวดเป็นขนเล็ก ๆ จำนวนกว่าล้านเส้น ซึ่งขมิ้นชันจะช่วยล้างบริเวณขนนี้ให้สะอาดโดยไม่ให้มีขยะตกค้างอยู่ที่ขน และเมื่อขนสะอาดจะทำให้ไม่เกิดแก๊สพิษที่ทำให้เกิดกลิ่นตัว ป้องกันการเกิดโรคริดสีดวงทวารและโรคมะเร็งลำไส้ได้เช่นกัน
 
           เวลา 07.00-09.00 น. เป็น เวลาของกระเพาะอาหาร จะช่วยแก้ปัญหาเรื่องกระเพาะอาหารที่เกิดจากการรับประทานอาหารไม่เป็นเวลา และยังลดอาการท้องอืด จุกแน่น ปวดเข่า ขาตึง ช่วยบำรุงสมองและป้องกันความจำเสื่อมได้
 
           เวลา 09.00-11.00 น. เป็น เวลาของม้าม ขมิ้นชันจะช่วยแก้ปัญหาเรื่องน้ำเหลืองเสีย มีแผลที่ปาก อ้วนเกินไป และผอมเกินไปซึ่งเกี่ยวข้องกับม้าม นอกจากนี้ยังลดอาการของโรคเกาต์ ลดอาการเบาหวาน
 
           เวลา 11.00-13.00 น. เป็น เวลาของหัวใจ ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคหัวใจ หากทานขมิ้นชันเวลานี้ จะช่วยบำรุงหัวใจให้แข็งแรง แต่ถ้าหากรับประทานขมิ้นชันเลยเวลา 11.00 น. ไปแล้ว ขมิ้นชันจะไปทำงานที่ตับแล้วตับจะส่งมาที่ปอด ปอดจะส่งไปยังผิวหนัง (แต่ส่วนมากมักไปไม่ถึงเพราะกินขมิ้นชันน้อยเกินไป อวัยวะส่วนอื่นจะดึงไปใช้งานก่อนเลยมาไม่ถึงผิวหนัง) จึงต้องลงขมิ้นชันทางผิวหนังช่วยอีกทางหนึ่ง
 
           เวลา 15.00-17.00 น. เป็นเวลาของกระเพาะปัสสาวะ ขมิ้นชันจะช่วยดูแลหูรูดกระเพาะปัสสาวะให้แข็งแรง แก้ปัญหาเรื่องตกขาวของสตรี และควรรับประทานน้ำกระชายเวลานี้ จะช่วยดูแลหูรูดกระเพาะปัสสาวะให้แข็งแรง ช่วงเวลานี้ควรทำให้เหงื่อออกจะดีมาก เพราะร่างกายต้องการขับสารพิษให้ได้มากที่สุดในเวลานี้
 
          นอก จากนี้ หากรับประทานขมิ้นชันเลยจากช่วงเวลานี้ไปจนถึงเวลานอน จะช่วยทำให้ความจำดีขึ้น และเมื่อตื่นนอนตอนเช้าก็จะไม่ค่อยอ่อนเพลีย ช่วยให้การขับถ่ายดีขึ้นด้วย

ขมิ้นชัน

 ขมิ้นชัน กับการบำรุงผิวพรรณ
          รู้จักสรรพคุณทางยากันไปแล้ว คราวนี้ขอเอาใจคุณผู้หญิงที่รักสวยรักงามกันบ้าง เชื่อว่า สาว ๆ ต้องเคยเห็นคนนำขมิ้นมาทาใบหน้า หรือตามผิวหนังหลังอาบน้ำแน่  ๆ เลย ซึ่งนั่นเป็นวิธีการบำรุงผิวอย่างหนึ่งค่ะ เพราะขมิ้นจะช่วยให้ผิวพรรณนุ่มนวลผ่องใสขึ้น แถมยังมีสรรพคุณป้องกันการงอกของขน ทำให้ผิวพรรณดูเกลี้ยงเกลาละเอียดเชียวล่ะ
          สูตรพอกผิวด้วยขมิ้น 
          ให้นำขมิ้นสดเล็กน้อยมาล้างน้ำให้สะอาดแล้วหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ นำไปปั่นรวมกับดินสอพอง 2-3 เม็ด ผสมกับน้ำมะนาว 1 ผล ปั่นจนละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นนำมาพอกหน้าที่ล้างสะอาดแล้ว ทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที แล้วค่อยล้างออกด้วยน้ำสะอาด ทันที่ที่ใช้จะรู้สึกได้เลยว่า ใบหน้าเต่งตึงขึ้น และถ้าใครทำเป็นประจำสัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง รับรองว่า ผิวหน้าจะสดใส ดูดีขึ้นแน่นอน
          และนี่ก็คือสรรพคุณเด็ด ๆ ของขมิ้นชัน ที่จัดว่าเป็นสมุนไพรอีกหนึ่งชนิด ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากเลยทีเดียว

แหล่งที่มา : blog.eduzones.com

อัพเดทล่าสุด