โรคมะเร็งปากมดลูก มะเร็งปากมดลูกเกิดจาก มะเร็งปากมดลูก เกิดจาก
ปากมดลูก...คือ อะไร
ปากมดลูก (cervix) คือ ส่วนที่อยู่ต่ำที่สุดของมลลูก (มดลูก หรือ uterus คือ อวัยวะที่เป็นที่อาศัยของทารกในครรภ์) มีลักษณะแคบ เป็นทางคลอดของทารก และทางออกของประจำเดือน ขณะที่ตรวจภายใน จะสามารถเห็นปากมดลูกได้ที่บริเวณในสุดของช่องคลอด ผิวของปาก
ประกอบด้วย เซลล์ 2 ประเภท ได้แก่
1. Glandular cell ซึ่งบุผิวปากมดลูกทางด้านใน ซึ่งต่อเนื่องกับโพรงมดลูก
2. Squamous epithelial cell เป็น เซลล์แบนๆบุผิวปากมดลูกด้านนอก (ด้านที่ติดต่อกับช่องคลอด)
การเปลี่ยนแปลงของเซลล์ปากมดลูกที่พบทั่วๆไป ...ไม่ใช่ เรื่อง มะเร็ง
เซลล์บุปากมดลูกเปลี่ยนรูปร่างหน้าตาได้หลายแบบ ซึ่งไม่ได้นำไปสู่การเป็นมะเร็งปากมดลูก การเปลี่ยนแปลงสามารถเกิดได้จาก
- ภาวะอักเสบ (เช่น การบาดเจ็บ ฟกซ้ำ การฉีกขาด การคลอด แท้ง)
- ภาวะติดเชื้อ เช่น แบคทีเรีย เชื้อรา ไวรัส
- การเจริญเติบโตเป็นติ่งเนื้อ โพลิบ (ติ่งเนื้อธรรมดา) หรือ ซิสต์
- ฮอร์โมนเพศที่เปลี่ยนไป เช่น ช่วงตั้งครรภ์ หรือวัยทอง
ภาวะต่างๆ ดังกล่าว พบได้ตลอดเวลาชั่วชีวิตของสตรีทุกคนไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเป็นมะเร็งใดๆ ทั้งสิ้น แต่บางครั้ง การเปลี่ยนแปลงของเซลล์ดังกล่าว ดูแล้วหน้าตาผิดปกติ ดังนั้น แพทย์ หรือพยาบาลมักจะแนะนำให้ตรวจซ้ำช่วง 6 เดือน หรือ 12 เดือนถัดมาถึงแม้เซลล์ส่วนใหญ่ที่เปลี่ยนแปลงจะไม่ใช่มะเร็ง แต่การตรวจ Pap test อย่างน้อยทุก 3 ปี ยังจำเป็นอยู่
เซลล์ปากมดลูกเปลี่ยนแปลง โดยเกิดจากการติดเชื้อ HPV นี่แหละที่สำคัญ!
การเปลี่ยนแปลงของเซลล์ปากมดลูกบางครั้งเกิดจากไวรัสตัวที่สำคัญ คือ HPV หรือ Human papilloma virus
สตรีส่วนใหญ่ ติดเชื้อ HPV ที่ปากมดลูก และมันมักจะหายไปเอง แต่บางครั้ง เชื้อ HPV คงอยู่ และทำให้เซลล์ปากมดลูกผิดปกติพัฒนาไปเป็น เซลล์ระยะก่อนมะเร็ง (Pre cancerous) เมื่อเวลาผ่านไปหลายปี เซลล์ระยะก่อนมะเร็งก็กลายเป็นเซลล์มะเร็งในที่สุด และเริ่มลุกลามแพร่กระจายไปยังอวัยวะข้างเคียง
การตรวจ HPV test ช่วยบอกว่าคุณมีภาวะตัดเชื้อ HPV ที่เซลล์ปากมดลูกหรือไม่
HPV คืออะไร
- เป็นไวรัสที่พบบ่อย
- มีกว่า 100 สายพันธุ์
- มี 15 สายพันธุ์ ที่เป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูก (Cervical Cancer)
- บางสายพันธุ์ทำให้เป็นหูด หรือ ตาปลาที่นิ้วมือ นิ้วเท้า ซึ่งไม่ทำให้เป็นมะเร็ง
- บางสายพันธุ์ทำให้เป็นโรคหูดหงอนไก่ บริเวณอวัยวืบพันธุ์ แต่ก็ไม่ทำให้เป็นมะเร็ง
แหล่งที่มา : 108health.com