อาหารเกาหลี แนะนํา สมัครงานร้านอาหารเกาหลี ร้านอาหารเกาหลี รังสิต
อาหารขึ้นชื่อของเกาหลี (แนะนำเมนูจานเด็ด)
1. กิมจิ (Kimchi - ผักดองเกาหลี)
ส่วนผสม : กะหล่ำปลี (หรือหัวไชเท้า แตงกวา และผักอื่นๆ) หัวไชเท้าหั่นเป็นเส้น กระเทียมสับ หัวหอมหั่นลูกเต๋า ปลาเค็ม และเกลือ
วิธีการทำ : กะหล่ำปลีหรือผักอื่นๆล้างด้วยน้ำเกลือมากๆ ปรุงรสด้วยเครื่องเทศและหมักไว้ มีกิมจิหลายอย่าง เช่นกิมจิกะหล่ำปลี (เป็นที่ทราบโดยทั่วไป) กิมจิแตงกวา กิมจิหัวไชเท้าหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า กิมจิหัวหอม และอื่นๆอีกมาก เป็นอาหารสุขภาพมีทั้งวิตามินและเกลือแร่หลายชนิด
2. บิบิมบับ (Bibimbap - ข้าวต้มผสมผัก)
ส่วนผสม : ข้าว, ใบเฟิร์นเบรก, รากดอกบอลลูน, ถั่วงอก, เนื้อวัว, พริกแดงบด, และน้ำมันงา
วิธีการทำ : ข้าวสวยผสมด้วยผักต่างๆต้มสุก ดีสำหรับการชิมรสผักต่างๆ ช่วยบำรุงสายตาและมีคุณค่าทางโภชนาการ วิธีการทำบิบิมบับในหลายๆตำหรับของเมืองชองชู ได้รับความนิยมมาก
3. พุลโกกิ (Bulgogi - เนื้อวัวหมักย่าง)
ส่วนผสม : เนื้อวัว (หรือเนื้อหมู) น้ำลูกแพหรือน้ำตาล ซอสถั่วเหลือง กระเทียมสับ หัวหอมหั่นลูกเต๋า น้ำมันงา
วิธีการทำ : หั่นเนื้อหรือหมูเป็นชิ้นบางๆ แล้วหมักกับเครื่องปรุงต่างๆก่อนนำไปย่าง
4. คาลบิย่าง (Grilled Galbi - เนื้อซี่โครงปรุงรส)
ส่วนผสม : เนื้อซี่โครงวัว (หรือหมู) น้ำตาล ซอสถั่วเหลือง หัวหอมหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า กระเทียมสับ น้ำมันงา
วิธีการทำ : ซี่โครงวัวหรือหมูหั่นเป็นชิ้นพอคำ นำไปหมักกับเครื่องปรุงรสก่อนนำไปย่าง กาลบิของซูวอนได้รับความนิยมมาก
5. ซัมแกทัง (Samgyetang - ซุปไก่)
ส่วนผสม : เนื้อไก่อ่อน ข้าว กระเทียม เกาลัด พุทรา
วิธีการทำ : ล้างไก่แล้วยัดใส้ด้วยเครื่องปรุงแล้วนำไปต้มจะได้น้ำซุปที่ได้รสชาติ
6. เน็งเมียน (Naengmyeon – บะหมี่เย็น)
ส่วนผสม : เส้นก๋วยเตี๋ยว น้ำซุปเนื้อ เนื้อวัวหั่นบางๆ แตงกวา ลูกแพ ไข่ต้มสุก
วิธีการทำ : ก๋วยเตี๋ยวใส่ในน้ำซุปเนื้อแช่เย็น น้ำซุปทำให้สดชื่น ยังมี บิบิมแนงเมียน (bibim naengmyeon) ซึ่งไม่ใส่น้ำซุปแต่แทนด้วยพริกแดงบด
7. แฮมุลทัง (Haemultang - สตูว์อาหารทะเล)
ส่วนผสม : เนื้อปู หอย กุ้ง ปลา หัวไชเท้า พริกแดงบด พริกป่น หัวหอม กระเทียม
วิธีการทำ : ต้มอาหารทะเลทั้งหมดแล้วเติมพริกแดงบดและพริกป่น น้ำซุปอร่อยและเผ็ดร้อนมาก
8. กิมจิ จิเก (Kimchi jjegae - กิมจิสตูว์)
ส่วนผสม : กิมจิ เนื้อหมู น้ำมันงา หัวหอม พริกไทย
วิธีการทำ : นาบเนื้อหมูกับหม้อจนเป็นสีน้ำตาล ก่อนใส่น้ำและกิมจิ ถ้าใช้กิมจิชนิดเปรี้ยว สตูว์จะอร่อยกว่า
9. ทัคคาลบิ (Dakgalbi - ซี่โครงไก่)
ส่วนผสม : เนื้อไก่ พริกแดงบด น้ำลูกแพ น้ำเชื่อม น้ำตาล กระเทียมสับ หัวหอมหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า
วิธีการทำ : ปรุงรสเนื้อไก่ด้วยเครื่องเทศต่างๆ แล้วนำไปย่าง โครงไก่ชุนชอน (Chuncheon) มีชื่อเสียงมาก
10. ซอลลองทัง (Seolleongtang - ซุปกระดูกวัว)
ส่วนผสม : ข้าว เนื้อวัว ซุปเนื้อวัว หัวหอมหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า กระเทียมสับ พริกป่น พริกไทย เกลือ
วิธีการทำ : ใส่เนื้อวัวในน้ำซุปเนื้อแล้วต้มด้วยไฟอ่อนนานๆ ก่อนเสิร์ฟด้วยข้าวและเครื่องปรุงรสอื่นๆ เพื่อให้น้ำซุปเข้มข้นและอร่อยให้ต้มต่อไปประมาณกว่า 10 ชั่วโมง
11. คาลบิทัง (Galbitang - ซุปซี่โครงวัว)
ส่วนผสม : ซี่โครงวัว(หรือหมู) หัวไชเท้า หัวหอมหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า กระเทียมสับ พริกไทย น้ำมันงา เมล็ดงา
วิธีการทำ : ซี่โครงต้มพร้อมหัวไชเท้าเพื่อให้เป็นซุปที่มีรสชาติ ถ้ารับประทานพร้อมข้าวน้ำซุปจะอร่อยมาก
12. จุค (Juk - ข้าวต้ม)
ส่วนผสม : ข้าวชนิดต่างๆ
วิธีการทำ : ใส่น้ำ (ประมาณ 6 หรือ 7 เท่าของปริมาณข้าว) ต้มนานๆ มีการแปรรูปยุคหลายๆอย่างเช่น ข้าวต้มลูกสน ข้าวต้มงา ข้าวต้มพุทรา ข้าวต้มถั่วแดง ข้าวต้มเนื้อ ข้าวต้มฟักทอง ข้าวต้มหอยเป๋าฮื้อ และอื่นๆอีกมาก
13. โซจู (choju - เหล้าเกาหลี)
เหล้าโซจู เป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เกิดจากการผสมของข้าวจ้าว ข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ และมันฝรั่ง ผ่านกระบวนการหมักบ่มแบบดั้งเดิมของชาวเอเชียกลางที่สืบทอดมาอย่างช้านาน ทำให้ได้เครื่องดื่มที่ใสบริสุทธิ์ ปราศจากกลิ่นและสี รสชาติบางเบาดื่มได้ลื่นคอ แต่ถ้าดื่มมากลื่นจนเพลินอาจจะหัวทิ่มได้โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวทีเดียว เพราะมีระดับแอลกอฮอล์สูงถึง 25-45% หลังสิ้นสุดสงครามเกาหลี เป็นช่วงเวลาที่แดนกิมจิขาดแคลนข้าวอย่างหนัก จึงมีข้อห้ามในการนำข้าวมาหมักเพื่อเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทำให้มีกรรมวิธีใหม่ๆ ในการทำเหล้าโซจูขึ้นมานั่นคือการหันมาใช้แอลกอฮอล์สังเคราะห์แทน |
14. ต๊อกโปกี (Tteokbokki)
ต๊อกโปกีทำมาจากแป้งและนำมาผัดพร้อมราดด้วยซอส ซึ่งคำว่า “ ต๊อก ” แปลว่า แป้งที่ทำจากข้าว ส่วนคำว่า “โปกี ” แปลว่า นำมาผัด ต๊อกโปกีเป็นอาหารว่างที่ได้รับความนิยมโดยทั่วไป ซึ่งสามารถหาซื้อได้ตามร้านหรือรถเข็นริมทาง แต่เดิมเรียกว่า “ ต๊อกจิม ” และยังสามารถนำมาใส่ใน เค้กข้าว (rice cake) ได้ กลายเป็น “ ต๊อกกุก ” (ซุปเค้กข้าว) ซึ่งจะนิยมรับประทานในวันขึ้นปีใหม่ด้วย
แหล่งที่มา : ilovetogo.com