มหัศจรรย์พลังแห่งหิน พลังแห่งหินสี พลังหินบําบัด การเสริมพลังหินกลาย พลังหินบำบัดและหินนำโชค
มหัศจรรย์พลังแห่งหิน The mystic power of stone
เมื่อเอ่ยถึง “หิน” คุณจะนึกถึงอะไร... ความแข็งแกร่ง... ความทนทาน... ความสวยงาม... แต่จะมีสักกี่คนที่นึกถึงหินในด้านการบำบัดรักษาแม้อาจฟังดูเหลือเชื่อเกินจริง แต่ก็มีผู้คนจำนวนมากที่หันมาสนใจรับศาสตร์แห่งหินนี้ ความจริงที่แท้เกี่ยวกับหินและคริสตัลคืออะไรและหินสามารถรักษาเยียวยาเราได้ทั้งกายและใจจริง ๆ หรือไม่...
หินผาแข็งแกร่งที่นิ่งสงบนับล้านๆ ปีเป็นแหล่งสะสมพลังงานและประวัติศาสตร์ของโลกใบนี้ไว้ แต่ครั้งโบราณกาล หินเป็นที่เคารพสักการะและอยู่คู่กับการดำรงชีวิตของมนุษย์ในด้านความเชื่อและพิธีกรรมต่าง ๆ ดังเห็นได้จากความเชื่อของชาวโรมันที่ว่าหินมีพลังในการปราบอริศัตรู จึงมักประดับหินหรืออัญมณีในอาวุธและเครื่องแต่งกาย ในดินแดนแห่งอรายธรรม “อียิปต์” ก็ให้ความสำคัญกับพลังบำบัดของหินมากเช่นกัน ชาวอียิปต์จึงมีรูปสลักที่ทำจากหินหลายประเภท ส่วนชาวตะวันออกก็มีความศรัทธาเกี่ยวกับหินที่ผสมผสานความเชื่อทางศาสนาไว้ด้วยกัน เช่น ลัทธิเต๋า และศาสนาอิสลาม ที่ต่างมีความเชื่อว่าหินคือตัวแทนแห่งศรัทธาต่อศาสนา และเป็นของขวัญอันล้ำค่าที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์มอบให้มนุษย์
แม้ศรัทธาแห่งพลังจากหินได้สืบทอดมาเป็นเวลาช้านานหลายชั่วอายุคน ทว่าความเชื่อดังกล่าวกลับมีเส้นคั่นบาง ๆ ระหว่าง“ความงมงาย” และ “สิ่งที่พิสูจน์ได้” ใครที่ปิดใจไม่ยอมรับศาสตร์ด้านนี้ย่อมเห็นว่าพลังจากหินเป็นเพียงแค่ความเชื่องมงายเหลวไหล หาข้อพิสูจน์ไม่ได้ แต่ในปัจจุบันได้มีนักวิทยาศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากทั้งจากโลกตะวันตกและตะวันออกทำการลอง ค้นคว้า และใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์มาพิสูจน์และอธิบายเรื่องพลังของหินว่า เนื้อแท้ของหินคือ แร่ธาตุ และดิน น้ำ ลม ไฟ เหมือนกับร่างกายของมนุษย์ หินแต่ละก้อนได้สะสมพลังจากจักรวาล แสงอาทิตย์ และรังสีต่าง ๆ ผ่านกาลเวลามานับร้อยนับพันล้านปี ก่อให้เกิดความหลากหลายของพลังงานชนิด รูปทรง สีสัน และคุณสมบัติเฉพาะตัว จึงมีการคิดค้นนำพลังจากหินออกมาใช้เป็นเครื่องมือในการบำบัดรักษาโรคเรียกว่า Crystal Healing หรือ Gemstone Healing หรือ Gem Therapy หรือที่เรารู้จักกันในนาม “พลังบำบัดจากหิน”
การบำบัดโรคด้วยหินชนิดต่าง ๆ คือ การสร้างสมดุลให้แก่พลังชีวิต โลกวิทยาศาสตร์และวงการแพทย์ต่างยอมรับกันว่าร่างกายของคนเรามีคลื่นพลังแม่เหล็กไฟฟ้า หรือที่เรียกแสงออร่า (Aura) เปล่งออกมาตามสุขภาพ อารมณ์ และลักษณะนิสัยตามธรรมชาติ เช่นเดียวกับหินที่มีการถ่ายทอดพลังด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเช่นกัน หากเมื่อใดที่ร่างกายเจ็บป่วยอ่อนแอแล้วได้สัมผัสหินที่มีพลังดี ๆ แฝงอยู่ พลังนั้นจะแทรกซึมส่งคลื่นความถี่สู่ร่างกายไปกระตุ้นจิตใต้สำนึกของเราให้จัดการกับความไม่สมดุล ขับไล่สิ่งที่เป็นด้านลบและความอ่อนแอออกไป
การใช้หินบำบัดได้แพร่หลายไปสู่ชาวตะวันตกโดยเฉพาะชาวยุโรปและอเมริกันมากขึ้น ซึ่งได้รับความนิยมมากจนได้รับการรับรองให้เป็นการแพทย์ทางเลือกแขนงหนึ่ง เพราะชาวตะวันตกมีทัศนคติที่นิยมเข้ารับการบำบัดจากจิตแพทย์หรือนักบำบัด รวมถึงการบำบัดด้วยหิน ทั้งการสัมผัส นำหินไปวางหรือหมุนวนบริเวณที่มีอาการเจ็บป่วย ใช้แช่ในน้ำดื่ม หรือใช้ร่วมกับการทำสมาธิทั้งนี้อาจเป็นเพราะหินมีพลังที่ช่วยบำบัดความเจ็บปวดช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกสงบ ผ่อนคลาย สร้างเสริมพลังใจ เมื่อรักษาใจได้สิ่งที่ตามมาคือร่างกายจะแข็งแรงขึ้น เรียกว่าจิตและกายอยู่ในภาวะสมดุลนั่นเอง
ทว่าการใช้พลังบำบัดจากหินเป็นเพียงส่วนเสริมจากการบำบัดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแล้วเท่านั้น หินจะรักษาผู้ป่วยได้ดีหากอาการเหล่านั้นไม่รุ่นแรงเกินไป เพราะหินเป็นเพียงผู้ให้การบำบัด ไม่ใช่ผู้ทำการรักษาโดยตรง
พลังบำบัดจากหินที่เป็นศาสตร์อันโดดเด่นมากอีกแขนงหนึ่ง คือ Chromotherapy ศาสตร์แห่งการใช้แสงสีต่าง ๆ เพื่อเติมพลังให้กับชีวิตและบำบัดร่างกายให้มีสุขภาพดี การใช้หินประเภทต่าง ๆ ในการบำบัดสามารถป้องกันหรือบำบัดรักษาโรคได้หลายชนิด ตั้งแต่ความผิดปกติของผิวหนังไปจนถึงการทำงานของระบบอวัยวะภายใน Chromotherapy เกิดขึ้นโดยการฉายของแสง ส่งผ่านการรับรู้สีต่าง ๆ ไปยังร่างกายผ่านการมองเห็น เมื่อสายตาได้รับแสงที่ส่งเข้ามา ก็จะส่งผลไปยังต่อมผลิตฮอร์โมน ซึ่งมีอิทธิพลต่อทุกระบบของร่างกาย อาทิหินสีแดงอย่างทับทิม คาร์เนเลียน และโกเมนสีแดง ใช้ในการบำบัดระบบหมุนเวียนโลหิต ระบบสืบพันธุ์ หินสีน้ำเงิน ทั้งไพลิน อความารีน เทร์ควอยซ์ มีพลังบำบัดโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร ทางเดินหายใจ และหินสีเหลือง เช่น อำพัน บุษราคัม และเพทาย ใช้บำบัดอวัยวะภายในและกล้ามเนื้อ เป็นต้น
งานวิจัย Luscher’s Clour Test ของ Dr.Max Luscher นักจิตวิทยาชื่อดังชาวสวิส ยังได้สนับสนุนผลการบำบัดด้วยพลังหินว่า“การรักษาโดยการใช้หินสี ปริซึม แก้ว หรือเลนส์ กับการใช้ธาราบำบัด หรือการรักษาแบบบอโรมาเทอราปีร่วมกัน สามารถเติมเต็มพลังงานที่ขาดหายไปจากร่างกายได้ดียิ่งขึ้น”
ในโลกของวิทยาศาสตร์ ทุกสิ่งล้วนประกอบไปด้วยเหตุและผลใด ๆ ก็ตามที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ สามารถอธิบายได้เสมอในทางกลับกัน โลกของธรรมชาติอาจมีความมหัศจรรย์ที่อยู่นอกเหนือกฎเกณฑ์ด้วยเช่นกัน เรื่องราวเกี่ยวกับหินจึงเป็นความพิเศษของโลกนี้ที่แฝงเร้นความมหัศจรรย์ตามธรรมชาติ ทว่าพิสูจน์ได้ด้วยหลักวิทยาศาสตร์ รอคอยให้ผู้ “เปิดใจ” มาศึกษา ค้นหา และพิสูจน์พลังมหัศจรรย์...พลังแห่งหิน
แหล่งที่มา : vcharkarn.com