การเตรียมตัวก่อนคลอด ของที่ต้องเตรียมก่อนคลอด ท่าออกกำลังกายก่อนคลอด (รูป)
รู้ไว้ก่อนไปคลอด
เมื่อศีรษะของทารกเคลื่อนต่ำลงมาในช่องกระดูกเชิงกราน โดยศีรษะของเด็กจะหมุน เพื่อหันหน้ามาอยู่ทางด้านหลังของแม่ ถือเป็นสัญญาณที่ดีที่สิ่งมีชีวิตตัวน้อยๆ กำลังถือกำเนิดขึ้นกระบวนการคลอดแบบธรรมชาติ (Natural Birth หรือ Active Birth) ว่าที่คุณแม่หลายคนอาจมีความต้องการ คลอดในลักษณะนี้ เพราะถือเป็นครั้งหนึ่งในชีวิต ลูกผู้หญิงที่จะได้รับรู้ถึงความรู้สึกเจ็บท้องเบ่งคลอดเอง... และยิ่งมีคนที่รักอยู่เคียงข้างด้วยแล้วคงสุขใจ และอุ่นใจได้ไม่น้อย...
หากนับถอยหลังก่อนการคลอดนั้น ในช่วงเวลา 8 ชั่วโมงแรก อาการ และความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นกับคุณแม่ คือ ปากมดลูกบางขึ้น และเริ่มเปิดจนเปิดหมด ซึ่งการคลอดในลักษณะตามธรรมชาตินี้สามารถแบ่งอาการเจ็บท้องได้เป็น 3 ระยะ คือระยะเฉื่อย ระยะเร่ง และระยะปรับเปลี่ยน... เหล่านี้ถือเป็นสัญญาณดีที่เตือนให้รู้ว่าเจ้าตัวน้อยใกล้ลืมตาดูโลกแล้ว...
ระยะเฉื่อย อาจเริ่มมีมูกเลือดบ้างเพราะปากมดลูกเริ่มเปิด แต่ยังไม่มีน้ำเดิน ส่วนใหญ่คุณแม่มีอาการปวดท้องไม่ค่อยมาก ปวดเป็นพักๆ นาน 8-12 ชั่วโมงในท้องครั้งแรก และ 6-8 ชั่วโมงในท้องสอง ช่วงนี้ปากมดลูกเปิดประมาณ 3 เซนติเมตร ซึ่งคุณแม่ควรสังเกตความถี่ในการเจ็บท้องด้วย
ระยะเร่ง คุณแม่บางคนอาจเริ่มมีน้ำเดิน อาการปวดท้องมากขึ้น เพราะการหดรัดตัวของมดลูกจะแรง และถี่ขึ้นประมาณ 4-5 ครั้งต่อชั่วโมง และจะเจ็บท้องนาน 4-6 ชั่วโมงในท้องแรก และ 2-4 ชั่วโมงในท้องสอง ช่วงนี้ปากมดลูกเปิดประมาณ 4-8 เซนติเมตร ซึ่งในระยะนี้อาจยังไม่ต้องเดินทางไปโรงพยาบาล
ดัง นั้น บทบาทของคนใกล้ชิดอย่างคุณพ่อในระยะนี้ควรประคองรับน้ำหนักคุณแม่ และหาท่าที่ทำให้รู้สึกสบายสำหรับคุณแม่ หากอยู่ในท่ายืนควรงอเข่าเล็กน้อย ป้องกันอาการตึง และล้าที่ขา ควรยืนแยกเท้าให้ห่างพอสมควร เพื่อการทรงตัว และช่วยให้กระดูกเชิงกรานผายออก
ระยะปรับเปลี่ยน เป็นระยะที่ซับซ้อนที่สุดของการคลอด เพราะปากมดลูกเปิด 8-10 เซนติเมตร และเข้าสู่การเบ่งคลอดได้ มดลูกจะหดรัดตัวนานมาก ถุงน้ำคร่ำสามารถแตกได้ ซึ่งช่วยลดอาการตึงถ่วงที่ช่องคลอด ช่วงนี้คุณแม่อาจรู้สึกอยากเบ่งคลอดซึ่งหากเบ่งแล้วรู้สึกเจ็บแสดงว่าปาก มดลูกยังเปิดไม่เต็มที่ควรหยุดเบ่ง และเปลี่ยนเป็นท่าเข่าชิดหน้าอก นอกจากนี้ยังเป็นระยะที่มีการปรับเปลี่ยนของอารมณ์ด้วย ซึ่งบางครั้งไม่สามารถควบคุมตัวเองได้
สำหรับ วิธีการผ่อนคลายควรอาบน้ำด้วยฝักบัวในท่ายืน หรือนั่งช่วยบรรเทาความปวด ใช้การนวด ประคบน้ำร้อนบริเวณที่ปวด แช่น้ำอุ่นในอ่าง ใช้กลิ่นบำบัด หรือเปิดเพลงผ่อนคลาย ที่สำคัญควรให้การปลอบโยนอย่างใกล้ชิด
ในช่วง 2 ชั่วโมงสุดท้าย หลังจากที่ศีรษะเคลื่อนมาอยู่ใกล้ทวารหนักและปากช่องคลอด ในที่สุดศีรษะของเด็กก็จะค่อยๆ เคลื่อนผ่านช่องคลอดออกมา
ช่วงนี้ควรรีบไปโรง พยาบาลโดยเร็วที่สุดเพื่อเตรียมตัวคลอด เพราะคุณแม่จะเจ็บท้องไม่เกิน 2 ชั่วโมงสำหรับท้องแรก และไม่เกิน 1 ชั่วโมงในท้องหลัง ซึ่งปากมดลูกจะเปิดหมดแล้ว เป็นระยะที่เด็กเคลื่อนผ่านช่องคลอดออกมาแล้ว ซึ่งหลังจากทารกคลอดแล้ว มดลูกจะเริ่มหดตัวเพื่อลดขนาด และจะหดตัวต่อไปเรื่อยๆ กระบวนการนี้จะได้รับการช่วยเมื่อทารกดูดนมแม่ จากนั้นรกจะค่อยๆ ลอกออกจากผนังมดลูก และเคลื่อนลงสู่ช่องคลอด ซึ่งโดยปกติแล้วรกจะคลอดหลังจากการคลอดทารกประมาณ 20 นาที จากนั้นแพทย์จะตรวจสอบว่าไม่มีส่วนใดติดค้างอยู่ในโพรงมดลูกอีก...
คุณแม่ควรอยู่ในท่า นั่งระหว่างรอให้รกคลอด จะได้โอบอุ้ม และมองเห็นหน้าลูกได้ชัดเจน นอกจากนนี้ยังทำให้ลูกดูดนมแม่ได้ง่ายขึ้น การที่คุณแม่และลูกได้สัมผัสผิวของกัน และกัน ทำให้ลูกได้รับความอบอุ่นผ่านสัมผัสของแม่ ซึ่งช่วยในการปรับอุณหภูมิของลูก และช่วยสร้างสายสัมพันธ์ระหว่างแม่กับลูกอีกด้วย
เมื่อคุณแม่เข้าใจการ เปลี่ยนแปลงทางร่างกาย และลักษณะอาการต่างๆ ก่อนคลอดแล้ว ก็จะสามารถดูแลตัวเองได้ และช่วยให้คุณแม่คนใหม่สามารถรับมือกับช่วงเวลานี้อย่างมีสติ และไม่ตื่นกลัวต่อไป...
จากนิตยสาร Modern Mom
แหล่งที่มา : vcharkarn.com