ยารักษาลมพิษ ผื่น ลมพิษ ลมพิษเกิดจากอะไร


1,405 ผู้ชม


ยารักษาลมพิษ ผื่น ลมพิษ ลมพิษเกิดจากอะไร

กลไกการเกิดลมพิษ

  1. ลมพิษเป็นอาการที่แสดงออกทางผิวหนัง เกิดจากเซลล์ชนิด mast cells ที่อยู่รอบๆ เส้นเลือดใต้ผิวหนัง ถูกกระตุ้นจากสาเหตุต่างๆ กัน ทำให้เกิดการหลั่งสารเคมี และโปรตีนที่มีฤทธิ์ทำให้เส้นเลือดใต้ผิวหนังขยายตัว และทำให้นํ้าเหลืองและโปรตีนซึมออกนอกหลอดเลือด ปรากฏเป็นเป็นผื่นนูนแดง และมีผื่นแดงราบรอบๆ
  2. สารเคมีที่มีบทบาทสำคัญที่สุดในการเกิดลมพิษคือ ฮีสตามีน (histamine)
  3. ในรายที่เป็นมากจะมีการบวมของเนื้อใต้ผิวหนังอย่างมากได้ เรียกว่า "ลมพิษชนิดบวม" หรือ ลมพิษชนิดลึก (angioedema)
  4. การกระตุ้น mast cells อาจเป็นได้ทั้งปฏิกิริยาภูมิแพ้ซึ่งเป็นขบวนการที่อาศัยแอนติบอดีชนิด IgE และอาจเป็นผลโดยตรงจากสารหลายชนิด อาทิเช่น มอร์ฟีน โคดิอีน สารทึบรังสี รวมทั้งอาหารบางชนิด ซึ่งสามารถกระตุ้น mast cells ได้โดยตรง

สาเหตุ

  1. มักมีสาเหตุจากการแพ้อาหาร เช่น อาหารทะเล เนื้อสัตว์ อาหารใส่สี อาหารกระป๋อง แพ้แอลกอฮอล์ เช่น เหล้า เบียร์ แพ้ยา เช่น แอสไพริน เพนิซิลลิน ซัลฟา แพ้ฝุ่น ละอองเกสร ขนสัตว์ นุ่น แพ้พิษแมลง เช่น ผึ้ง มด ยุง แพ้สารเคมี เครื่องสำอาง สเปรย์ สารฆ่าแมลง บางคนอาจแพ้เหงื่อ แพ้แดด ความร้อน หรือความเย็น
  2. โรคลมพิษเกี่ยวข้องกับความแปรปรวนของระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งเกิดมีภูมิไวต่อสิ่งแวดล้อม และสารต่างๆ รวมทั้งภาวะเครียดทางจิตใจก็มีผลต่อการเกิดลมพิษได้เพราะทำให้ระบบภูมิต้านทานแปรปรวนได้
  3. อาหารทะเล เช่น กุ้ง ปู ปลาหมึก หอย ปลาทะเล อาหารจำพวกโปรตีน เช่น ไข่ ถั่ว นม เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เหล้า เบียร์ ไวน์ชนิดต่างๆ อาหารหมักดอง เช่น หน่อไม้ดอง ผักกาดดอง น้ำส้มสายชู น้ำพริก กะปิ ปลาร้า ผัก และผลไม้บางชนิด เช่น แอปเปิ้ล แตงกวา มันฝรั่ง มะเขือเทศ ส้มโอ องุ่น และส้ม จะมีสารประเภทซาลิซัยเลต ซึ่งเป็นตัวก่อให้เกิดลมพิษได้เช่นกัน
  4. ขนมปัง และอาหารที่มีเชื้อยีสต์ผงฟูเป็นส่วนผสม สีผสมอาหารบางชนิด รวมทั้งยากันบูด อาหารกระป๋องที่ใช้สารกันบูด
  5. ยาปฏิชีวนะ เพนนิซิลิน ซัลฟา ยาต้านอักเสบของกระดูกและข้อ ยาระบาย ยาแก้ปวด ยานอนหลับ หรือวิตามิน โดยอาการมักจะเกิดขึ้นทันทีภายหลังจากได้รับยา หรือบางคนอาจกินเวลานาน 7-10 วัน
  6. ลมพิษอาจเกิดจากการติดเชื้อเรื้อรังของอวัยวะใดอวัยวะหนึ่ง เช่น ฟันผุ ติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะและในช่องคลอด
  7. สารระเหย และละอองเกสรที่ได้รับโดยการหายใจ เมื่อสูดฝุ่น เชื้อราในอากาศ เกสรดอกไม้ หรือขนสัตว์ เข้าไปมากๆ ก็อาจก่อให้เกิดลมพิษได้เช่นกัน
  8. แมลงอาจก่อให้เกิดลมพิษได้จากการสัมผัสหรือถูกกัด เช่น ตัวไร ริ้น บุ้ง หรือจากการต่อย เช่น ผึ้ง แตน ต่อ หมาร่า มดแดงไฟ มดตะนอย บางครั้งอาการรุนแรงมาก มีลมพิษ บวมทั้งตัว บางคนอาจถึงขั้นช็อกหรือเสียชีวิตได้
  9. เกิดจากการกดรัดที่ผิวหนัง บางคนแพ้ความเย็น อากาศเย็น น้ำเย็น หรือเวลากินน้ำแข็งแล้วเกิดบวมในบริเวณคอ หายใจลำบาก ซึ่งอาจเกิดจากกรรมพันธุ์หรือ เป็นผลจากโรคในร่างกาย เช่น ซิฟิลิส หรือมะเร็งบางชนิด บางคนแพ้แสงแดด พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย โดยเฉพาะช่วงอายุ 30-40 ปี เมื่อถูกแสงแดดแล้วจะเกิดผื่นคันขึ้นมา สามารถป้องกันได้ด้วยการทาครีมกันแดด

อาการ

  1. คนที่เป็นลมพิษ จะมีอาการขึ้นเป็นปื้นนูนแดง มีขนาดและรูปร่างต่างๆ กัน เช่น วงกลม วงรี วงหยัก เนื้อภายในวงจะนูน และสีซีดกว่าขอบเล็กน้อย ทำให้เห็นเป็นขอบแดงๆ คล้ายเอาลิปสติกผู้หญิงมาขีดเป็นวงไว้
  2. คนไข้จะรู้สึกคันมาก พอเกาตรงไหนก็จะมีผื่นแดงขึ้นตรงนั้น อาจรู้สึกร้อนผ่าวตามผิวกาย ลมพิษอาจเกิดขึ้นที่หน้า แขน ขา ลำตัว หรือส่วนอื่นๆ ของร่างกายก็ได้ มักขึ้นกระจายทั่วไป
  3. อาการมักจะเกิดขึ้นหลังสัมผัสสารแพ้ (เช่น อาหาร ยา สารเคมี ฝุ่น ละอองเกสร ฯลฯ) ภายใน 15-30 นาที และจะเป็นอยู่ประมาณ 3-4 ชั่วโมง ก็จะยุบหายไปเอง แต่อาจเกิดขึ้นใหม่ในตำแหน่งเดิมหรือตำแหน่งใหม่ได้อีกภายในวันเดียวกันหรือในวันต่อมาก็ได้
  4. บางคนอาจขึ้นติดต่อกันเป็นวันๆก็ได้ แต่ส่วนมากมักจะยุบหายได้เองภายใน 1-7 วัน


แหล่งที่มา : 108health.com

อัพเดทล่าสุด