คนท้องนวดได้หรือไม่ คนท้องควรนอนท่าไหน อาหารคนท้อง เดือนแรก


16,456 ผู้ชม


คนท้องนวดได้หรือไม่ คนท้องควรนอนท่าไหน อาหารคนท้อง เดือนแรก

 

กูรูไขเคล็ด "แม่ตั้งครรภ์"

            การที่รู้ว่าจะเป็นแม่คนแล้ว ผู้หญิงส่วนใหญ่มักจะมีอาการเห่อและมักจะมาพร้อมกับความกังวลทั้งเรื่องของการดูแลสุขภาพ ไม่ว่าจะกินหรือนอนทำเอาว่าที่คุณแม่หลายคนกังวลจนเกิดเป็นความเครียดตามมา
            วันนี้มีตัวช่วยคลายกังวลจากการ "เตรียมความพร้อมเพื่อครรภ์คุณภาพ" โดยในงานมี 3 ผู้เชี่ยวชาญคนเก่ง มาไขเคล็ดครบสูตรในการดูแลสุขภาพของคุณแม่ตั้งครรภ์
เทคนิคดูแลครรภ์ให้สุขภาพดี
            ในเรื่องนี้ นพ.พันศักดิ์ ศุกระกฤษ์ สูตินรีแพทย์ ให้ความรู้ว่า ช่วง 3 เดือนแรกคุณแม่ต้องมีความระมัดระวังเรื่องสุขภาพทั้งร่างกาย จิตใจ อาหาร ควบคุมอารมณ์ และตรวจเช็คความพร้อมของร่างกายอย่างสม่ำเสมอ เพราะช่วง 3 เดือนแรกเป็นช่วงที่ตัวอ่อนเริ่มมีพร้อม ทั้งสมอง ตา หู ปาก และฟัน ซึ่งต้องระวังช่วงนี้มากเป็นพิเศษ เพราะระบบภายในอาจจัดการตัวอ่อนที่มีพัฒนาการไม่ดีออกจากร่างกาย ทำให้เลือดไปเลี้ยงมดลูกน้อย เส้นเลือดบีบ ลูกขาดออกซิเจน ขาดสารอาหาร เด็กฟ่อ ทำให้หลุดได้
            "ช่วง 3 เดือนแรกถือเป็นช่วงที่อันตราย ควรรับการตรวจอัลตราซาวเป็นระยะๆ คือ ครั้งแรกช่วง 12 สัปดาห์ ตรวจขนาดลูกและดูความสมบูรณ์ของรก หลังจากนั้น 12-28 สัปดาห์ คุณแม่สามารถกระโดดโลดเต้นได้ ทำกิจกรรมต่างๆ ได้ ถือว่าเป็นระยะปลอดภัยและ 32 สัปดาห์ เช็คว่า 1 ชม.ดิ้นกี่ครั้ง เช้า เที่ยง เย็น 3 เวลา ดิ้นกี่ครั้ง ถ้าดิ้นไม่บ่อยควรไปปรึกษาหมอทันที และให้ตรวจอีกครั้งตอนอายุครรภ์ 38 สัปดาห์ เพื่อเช็คว่ามีความเสี่ยงการคลอดก่อนกำหนด และควรสังเกตความแข็งแรงของลูกด้วยจำนวนการดิ้นของลูก ได้ตั้งแต่ช่วงครรภ์ 8 เดือนไปแล้ว" นพ.พันศักดิ์กล่าว
            นอกจากนี้ นพ.พันศักดิ์ กล่าวแนะเพิ่มเติมว่า ขณะตั้งท้องแม่ต้องพักผ่อนอย่างเพียงพอ อย่าเครียด เพราะอาจเป็นต้นเหตุของการคลอดก่อนกำหนด และหนึ่งสิ่งที่สำคัญคือ ความรักของสามีในช่วงภรรยาตั้งครรภ์ เป็นช่วงสายใยแห่งรักที่แน่นแฟ้น ควรเป็นกำลังใจ และให้ความรักภรรยามากขึ้น ช่วยทำงานบ้าน ต้องทำให้ภรรยามีความสุข นึกแต่เรื่องดีๆ อย่าพยายามเอาสื่อทางลบภายนอกเข้ามากระทบจิตใจ เมื่อภรรยาอารมณ์ดี ลูกคลอดมาก็จะเลี้ยงง่าย ส่วนเรื่องวิธีคลอดจะผ่าคลอดหรือคลอดเองตามธรรมชาติ แบบไหนสามารถทำได้ทั้งหมดขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของคนท้องและลักษณะท้องของคุณแม่ แต่ถ้าอยากคลอดลูกแบบธรรมชาติต้องงดทานน้ำตาล งดไขมัน เพราะมันจะเป็นอุปสรรคในการคลอด
            "ภาวะการคลอดก่อนกำหนดเกิดจาก 1. แม่ทำงานหนัก 2. ผักผ่อนน้อย 3. เครียด เพราะทำงานหนัก ทำงานเยอะเป็นการใช้กล้ามเนื้อมาก พอท้องใหญ่บีบตัว บีบมดลูก ทำให้กล้ามเนื้อเกร็ง พักผ่อนน้อย เครียด ทำให้โฮโมนไม่ดี และอาจมีโรคภัยไข้เจ็บตามมาที่แม่ตั้งครรภ์เป็นมากที่สุดคือท่อปัสสาวะ อักเสบ เกิดจากการกลั้นปัสสาวะและกินน้ำน้อย ดังนั้นขณะตั้งท้องจึงควรดื่มน้ำให้มาก หรือถ้าปวดท้องเป็นระยะๆ ปวดท้องทุกๆ 15 นาทีหรือมีเลือดออกควรไปพบหมอทันที" สูตินรีแพทย์เผย

แม่ลูกสุขภาพดีด้วย "โยคะ"
            การเตรียมความพร้อมทางร่างกาย ความแข็งแรงและสุขภาพที่ดีของแม่ถือเป็นสิ่งสำคัญ "การเล่นโยคะ" ถือเป็นกิจกรรมที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้นๆ ของคุณแม่ตั้งครรภ์เลยก็ได้ว่า แต่จะเล่นอย่างไรให้ถูกต้องและเหมาะสมสม เรื่องนี้ "นรินา จุลกะรัตน์" ผู้เชี่ยวชาญด้านโยคะ ได้แนะนำวิธีออกกำลังกายเพื่อสุขภาพแม่ท้องด้วยโยคะว่า การเล่นโยคะของแม่ตั้งครรภ์ สามารถเริ่มเล่นได้ตั้งแต่ช่วงอายุครรภ์อ่อนๆ โดยเริ่มจากท่าง่ายๆ และฝึกการหายใจเข้าออกอย่างถูกวิธี
            แต่มีข้อควรระวัง คือ ช่วงไตรมาสแรก ถ้าแพ้ท้องมากๆ ให้ทำท่าง่าย เช่นท่านั่ง ไตรมาสสอง ท้องเริ่มใหญ่ให้ยกเว้นการนอนคว่ำ และไตรมาสสาม ท้องใหญ่มากให้แยกเข่า แยกขา เพื่อรองรับน้ำหนัก และต้องระมัดระวังให้มากๆ เวลานอนห้ามนอนหงาย และให้มีหมอนน้อยมาหนุนและช่วยพยุงตัวเวลาลุกขึ้น
            "ถ้ารู้สึกว่ามึนหัว เหนื่อย หายใจสั้น ให้พัก แล้วสูดลมหายใจยาวๆ ผ่อนคลาย แล้วเปลี่ยนทำท่าง่าย การเล่นโยคะนอกจากจะทำให้จิตใจรู้สึกสงบ มีสมาธิ ยังช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อช่วงท้อง บำบัดอาการปวดหลังให้กับคุณแม่ท้องได้ ที่สำคัญต้องเล่นให้ถูกวิธี และใช้ท่าที่เหมาะสมสำหรับคนท้อง จะไม่เป็นอันตราย และยังช่วยให้สุขภาพแข็งแรง และคลอดง่ายค่ะ" ผู้เชี่ยวชาญด้านโยคะเผย

เมนูเด็ดเพื่อคุณแม่ตั้งครรภ์
            นอกจาก 2 เรื่องที่กล่าวมา อีกสิ่งที่จะละเลยไม่ได้คือ "อาหาร" เพราะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับแม่และลูกได้ แต่บางคนไม่รู้ว่าจะเลือกกินเมนูไหน อย่างไร ประเด็นนี้ "ผศ.พงษ์ศักดิ์ ทรงพระนาม" ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ และคหกรรมศาสตร์ คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมมงคล บอกว่า แม่ท้องควรเน้นรับประทานอาหารให้ได้ครบห้าหมู่ แต่ควรเพิ่มวิตามินและเกลือแร่ ในแต่ละมื้อจะช่วยคลายเครียดให้กับคุณแม่ในช่วงตั้งครรภ์ได้
            "แม่ตั้งครรภ์ควรบริโภคอาหารให้หลากหลาย ต้องกินเนื้อสัตว์ ผลไม้ ไขมัน ผัก อย่างพอดี ต้องทานให้ครบ 5 หมู่ ดื่มน้ำอย่างน้อย 8 แก้ว หรือ 1 ลิตรต่อวัน และควรเสริมอาหารจำพวกวิตามินและเกลือแร่ ที่ส่งผลต่อพัฒนาการของครรภ์ อาทิ การดื่มนมทุกวันอย่างน้อย 1 กล่องหรือ 251 กรัม จะให้แคลเซียมประมาณ 1200 ม.ล ที่จะถูกลูกดึงไปสร้างกระดูกและฟัน และอีกอย่างหนึ่งคือการสร้างเนื้อเยื่อ ซึ่งต้องได้มาจากโปรตีนที่ย่อยง่ายที่สุดคือโปรตีนจากนมและจากปลา" ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการและคหกรรมศาสตร์กล่าว
            ผลวิจัยที่พบว่า คุณแม่ตั้งครรภ์ส่วนใหญ่จะเป็นริดสีดวงทวารอย่างน้อย 80 % ซึ่งเกิดจากอาการคิดมากกังวลส่งผลให้ท้องผูก ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ แนะนำคุณแม่ว่าควรรับประทานอาหารที่ช่วยในการย่อยและขับถ่าย เช่น นมเปรี้ยวหรือโยเกิร์ต เพราะมีตัวแล็กโตบาโซรัสตัวช่วยระบายท้องที่ดี
            โดยอาจทำเป็นเมนูง่ายๆ ผสมผักและผลไม้ปั่น อาทิ แอบเปิ้ล เพราะมีแพคทีนสูง ช่วยให้ระบบในลำไส้ใหญ่ระบายตัวได้ดี อโวคาโด้ ที่มีแคโรทีน และวิตตามินE สูงสามารถป้องกันโรคมะเร็ง ทำให้ครรภ์มารดามีสุขภาพที่ดี น้ำมะพร้าวจะมีกรดช่วยผลัดเซลล์ให้ลูก ทำให้ขี้ไคลของลูกออกได้และผิวจะเกลี้ยง หรือเลือกรับประทานข้าวที่ไม่ขัดสี เพราะมีกากใยสูงก็จะช่วยระบายได้ดี นอกจากนี้ ผักไทยๆ อย่าง ขึ้นฉ่าย ใบสาระแหน่ ใบมิ้นท์ ยังช่วยให้แม่ท้องคลายเครียดได้อีกด้วย

แหล่งที่มา : vcharkarn.com thaihealth.or.th 

อัพเดทล่าสุด