เจ็บหัวนมข้างเดียว มีอาการเจ็บหัวนม เลิกกินยาคุมแล้วเจ็บหัวนม


10,971 ผู้ชม


เจ็บหัวนมข้างเดียว มีอาการเจ็บหัวนม เลิกกินยาคุมแล้วเจ็บหัวนม

 

 

กินยาคุมกำเนิดให้ถูกวิธี

การใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมสูง เนื่องจากการกินยาเป็นวิธีที่ง่ายไม่เจ็บตัว ราคาถูก ผลป้องกันการตั้งครรภ์ได้สูง ใช้กันอย่างคุ้นเคยมานานแล้ว สะดวก หาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป

ต้องเข้าใจเมื่อเริ่มใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด

เมื่อรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดแผงแรก ควรทำอย่างไร
การ มีเพศสัมพันธ์ระหว่างการใช้ยา ทั้งในผู้ที่ใช้ยาเป็นครั้งแรก ผู้ที่ต้องการเริ่มใหม่หลังจากหยุดใช้ยาไปช่วงหนึ่ง ถ้าจะมีเพศสัมพันธ์ใน 2 สัปดาห์แรกต้องใช้วิธีคุมกำเนิดอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ให้ฝ่ายชายใช้ถุงยางอนามัย เพราะยาจะยังไม่มีผลในการป้องกันการตั้งครรภ์ได้ทันที หลังจากนั้นสามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ตามปกติ ยกเว้นถ้าลืมกินยาในบางกรณีอาจต้องใช้การคุมกำเนิดวิธีอื่นๆ ร่วมด้วยอีกเช่นกัน

นอกจากนี้ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดแผง 21 เม็ดที่มีช่วงเวลาหยุดยา 7 วันในช่วงเวลาที่หยุดยาก็สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ตามปกติ

ทำอย่างไรหากต้องกินยาอื่นร่วมกับยาเม็ดคุมกำเนิด
ถ้า มีการเจ็บป่วยอื่นๆ ขณะใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด เมื่อไปพบแพทย์ หรือซื้อยากินเองควรแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบว่ากำลังใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด อยู่ เนื่องจากมียาหลายชนิด เช่น ยารักษาวัณโรค ลมชัก และยาปฎิชีวนะบางตัวที่ทำให้ประสิทธิภาพของยาเม็ดคุมกำเนิดลดลงเมื่อนำมาใช้ ร่วมกัน และอาจส่งผลให้มีเลือดออกผิดปกติ หรือตั้งครรภ์ได้ ซึ่งหากต้องใช้ยาเหล่านั้นเป็นเวลานานอาจต้องเลือกยาเม็ดคุมกำเนิดที่มี ปริมาณตัวยาสูงขึ้น หรือเปลี่ยนไปใช้วิธีคุมกำเนิดแบบอื่นแทน

อาการข้างเคียงจากยาเม็ดคุมกำเนิด
ยาเม็ดคุมกำเนิดอาจ ทำให้เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียน อาการเจ็บคัดเต้านม เลือดออกกะปริดกะปรอย น้ำหนักตัวเพิ่ม มีสิว มีฝ้า ปวดศีรษะ อาการเหล่านี้ส่วนใหญ่มักหายไปได้เองหลังจากใช้ยาเป็นระยะเวลาประมาณ 2 ถึง 3 เดือน

ทำไมกินยาเม็ดคุมกำเนิดแล้วตั้งครรภ์

1. รับประทานยาอื่นร่วมกับยาเม็ดคุมกำเนิด (ซึ่งกล่าวไปแล้วข้างต้น)
2. ลืมกินยา

ทำอย่างไรถ้าลืมกินยาเม็ดคุมกำเนิด
ยาเม็ดคุมกำเนิด เป็นยาที่ต้องใช้อย่างต่อเนื่อง การลืมกินยาเป็นเรื่องที่พบได้บ่อยๆ แม้ว่าไม่เป็นอันตรายแต่ก็มีผลเสีย เช่น ทำให้ผู้ใช้มีเลือดออกกะปริดกะปรอย และถ้าลืมกินบ่อยๆ อาจเกิดการตั้งครรภ์ได้ จึงควรกินยาในเวลาเดียวกันทุกวัน เก็บยาในที่เห็นได้ง่ายๆ เพื่อช่วยเตือนไม่ให้ลืมกินยา กรณีที่ลืมกินยาแล้วให้แก้ไข ดังนี้

1.            ลืม 1 เม็ด ให้กินทันทีที่นึกได้ และกินเม็ดต่อไปในเวลาเดิม
2.            ลืมตั้งแต่ 2 เม็ด ขึ้นไป ติดต่อกันในช่วง 2 สัปดาห์แรก (14 เม็ดแรกของแผง ซึ่งเป็นยาฮอร์โมน) ให้กิน 1 เม็ดทันทีที่นึกได้ และกินเม็ดต่อไปในเวลาเดิมตามปกติจนหมดแผง
3.            ลืมตั้งแต่ 2 เม็ด ขึ้นไป ติดต่อกันในช่วงสัปดาห์ที่ 3 (เม็ดที่ 16-21 ของแผง ซึ่งเป็นยาฮอร์โมน) ให้กิน 1 เม็ดทันทีที่นึกได้ และกินเม็ดต่อไปในเวลาเดิมตามปกติจนหมดแผงครบ 21 เม็ด และเริ่มกินยาฮอร์โมนเม็ดแรก ของแผงใหม่ติดต่อกันไปโดยไม่ต้องเว้นระยะ 7 วัน
กรณีที่เป็นยาชนิดแผงละ 28 เม็ด ให้ทิ้งยาหลอก 7 เม็ดไป
ถ้าไม่ลืมกินยาไม่ต้อง วิตกกังวล และให้เริ่มต้นยาแผงใหม่ตามเวลาปกติ แต่ถ้าขาดประจำเดือนนานติดต่อกัน 2 เดือน ต้องไปพบแพทย์ เพื่อตรวจการตั้งครรภ์ ถ้าลืมกินยาก็ต้องตรวจการตั้งครรภ์เช่นกัน
6 ประโยชน์ของยาคุมกำเนิด

กรณีที่ลืมมากกว่า 2 เม็ดในช่วงใดก็ตาม ให้ใช้การคุมกำเนิดวิธีอื่น เช่น การใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วย เป็นต้น

ทำอย่างไรหากประจำเดือนไม่มา

ยาคุมถึงจะมีไว้เพื่อคุมกำเนิดก็จริง แต่สาวๆ รู้ไหมว่ายาคุมกำเนิดยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพถึง 6 ข้อเลยทีเดียว


1. ช่วยให้ประจำเดือนมาสม่ำเสมอ นอกจากนี้ยังช่วยบรรเทาอาการปวดท้องและอาการเครียดก่อนและขณะมีประจำเดือน รวมถึงช่วยป้องกันและลดภาวะโลหิตจาง และลดอาการปวดศีรษะไมเกรน 
2. ช่วยลดภาวะการเกิดสิว หน้ามัน และขนดก เพราะยาคุมกำเนิดบางชนิดจะมีฮอร์โมนที่ออกฤทธิ์ต่อต้านฮอร์โมนเพศชาย จึงช่วยทำให้อาการดังกล่าวลดลงได้
3.ช่วยให้กระดูกแข็งแรง จากผลการวิจัยพบว่ายาคุมกำเนิดจะช่วยควบคุมฮอร์โมนภายในร่างกายให้อยู่ใน ระดับสมดุล จึงช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุนในผู้หญิงก่อนและหลังหมด ประจำเดือนได้
4.ช่วยลดอาการผิดปกติก่อนมีประจำเดือน โดยยาคุมกำเนิดจะมีส่วนช่วยบรรเทาและลดระยะเวลาของอาการผิดปกติก่อนมีประจำ เดือน เช่น อ่อนเพลีย หงุดหงิดง่าย วิตกกังวล ท้องอืด มือเท้าบวมหรือปวดเมื่อยตามตัว
5.ช่วยลดอุบัติการณ์ของมะเร็งรังไข่ เนื่องจากยาคุมกำเนิดจะป้องกันไม่ให้มีการตกของไข่ ดังนั้นจึงไม่มีผลกระทบต่อผิวของรังไข่ และทำให้ไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ที่ผิวรังไข่ 
6.ช่วยลด อุบัติการณ์ของภาวะอักเสบในอุ้งเชิงกราน เพราะฮอร์โมนในยาคุมกำเนิดจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของมูกบริเวณปากมดลูก โดยทำให้เหนียวข้นขึ้น จึงช่วยป้องกันไม่ให้เชื้อโรคผ่านเข้าไปในโพรงมดลูกและอุ้งเชิงกราน

แหล่งที่มา : thepoz.org

อัพเดทล่าสุด