การกินฮอร์โมนเพศหญิง ฮอร์โมนเพศหญิง ชนิดฉีด วัยทอง ฮอร์โมนเพศหญิง ได้แก่
การใช้ฮอร์โมนอย่างปลอดภัยในวัยทอง |
คำถามยอดฮิตสำหรับคุณผู้หญิงที่เข้าสู่วัยหมดประจำเดือนหรือวัยทองก็คือ “จะต้องกินฮอร์โมนหรือไม่ ?” “การกินฮอร์โมนจะทำให้เกิดมะเร็งจริงหรือเปล่า ?” ก่อนอื่นมาทำความเข้าใจให้ตรงกันสักนิดว่าวัยหมดประจำเดือนหรือวัยทองที่เราจะกล่าวกันต่อไป มันมีความหมายอย่างไร วัยหมดประจำเดือนหรือที่เรียกแบบภาษาไทยดั้งเดิมว่าวัยหมดระดูนั้น หมายถึงช่วงเวลาแห่งการสิ้นสุดของการมีเลือดระดูอย่างถาวรตามธรรมชาติ อันเนื่องมาจากรังไข่หยุดทำงานจริงๆนาน 12 เดือนเป็นต้นไป โดยมักพบในสตรีที่อายุประมาณ 48-52 ปี รังไข่มีหน้าที่อยู่ 2 อย่างคือ การตกไข่เพื่อไปปฏิสนธิกับเชื้ออสุจิแล้วเติบโตกลายเป็นทารก กับอีกหน้าที่คือการผลิตฮอร์โมนเพศหญิงที่สำคัญคือฮอร์โมนเอสโตรเจนซึ่งทำให้อวัยะต่างๆของคุณผู้หญิงทำงานไปตามปกติ เช่น การมีเลือดประจำเดือน เป็นต้น เมื่อรังไข่หยุดทำงานจึงไม่มีการตกไข่ สตรีผู้นั้นก็ไม่สามารถตั้งครรภ์ได้อีกต่อไป ขณะเดียวกันก็หยุดการสร้างฮอร์โมนเอสโตรเจนด้วยสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อร่างกายขาดฮอร์โมนเอสโตรเจนก็คือ เกิดการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ทั้งทางด้านจิตใจ และทางด้านร่างกาย ทางด้านจิตใจ เกิดอาการหงุดหงิดได้ง่าย สมาธิไม่ดี นอนไม่หลับ ปวดหัว เวียนหัว เหนื่อยล้าง่าย เป็นมากอาจจะรู้สึกซึมเศร้า หดหู่ได้ อาการเหล่านี้ส่วนใหญ่จะเกิดในช่วงแรก และมักจะดีขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป ทางด้านร่างกาย เกิดอาการร้อนวูบวาบ เหงื่อออกมาก(ทั้งๆที่อยู่ในห้องแอร์เย็นเจี๊ยบ) อาการนี้มักจะเกิดในช่วงแรกเช่นกัน ส่วนอาการที่จะค่อยๆเกิดตามมาคือ ปัสสาวะบ่อยขึ้น อาจมีอาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่เวลาไอหรือจาม รู้สึกช่องคลอดแห้งจนเจ็บเวลามีเพศสัมพันธ์ ผิวหนังเหี่ยวย่น เต้านมเล็กลง มีอาการปวดข้อ ปวดหลัง ถ้าไปเอ๊กซเรย์ดูความหนาแน่นของกระดูกก็จะพบว่ากระดูกจะเริ่มบางลงและมีโอกาสที่จะหักง่ายขึ้น เมื่อร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างนี้ ควรจะทำอย่างไรดี ? เรื่องที่ไม่สามารถมีลูกได้อีกแล้วดูจะไม่ค่อยมีใครเดือดร้อน เพราะอายุมากแล้วคงไม่มีใครอยากจะตั้งครรภ์อีก แต่เรื่องที่ร่างกายขาดฮอร์โมนนี่สิเป็นสิ่งที่คุณผู้หญิงหลายคนมีคำถามมากมายว่าจะต้องกินฮอร์โมนทดแทนที่ขาดไปหรือไม่จะได้ยังสาวเหมือนเดิม ? กินแล้วจะปลอดภัยหรือไม่ ? จวบจนถึงปัจจุบันพบว่าการใช้ฮอร์โมนทดแทนควรจะใช้เฉพาะในสตรีวัยหมดระดูที่มีอาการ เช่น อาการร้อนวูบวาบ ช่องคลอดแห้ง มีอาการทางระบบทางเดินปัสสาวะ และในรายที่ตรวจพบว่ามีภาวะกระดูกบางหรือกระดูกพรุนแล้วเท่านั้น ทั้งนี้จะต้องพิจารณาว่ามีข้อห้ามในการใช้ฮอร์โมนหรือไม่ ถ้ามีก็ห้ามใช้เด็ดขาด ซึ่งได้แก่ กำลังเป็นภาวะเส้นเลือดดำอุดตัน เป็นโรคตับชนิดรุนแรง เป็นมะเร็งของเยื่อบุโพรงมดลูกซึ่งกลับมาเป็นซ้ำอีก และเป็นมะเร็งเต้านมที่กลับมาเป็นซ้ำอีกเช่นกัน ส่วนคนที่มีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด มีก้อนที่เต้านม เคยเป็นมะเร็งที่เยื่อบุโพรงมดลูกหรือที่เต้านมมาก่อน หรือมีญาติใกล้ชิดเป็นมะเร็งเต้านม รวมทั้งเคยเป็นหรือมีญาติเป็นเส้นเลือดดำอุดตันมาก่อน เหล่านี้ก็ล้วนมีความเสี่ยงเช่นกัน ถ้าอยากจะใช้ฮอร์โมนก็ต้องชั่งน้ำหนักระหว่างผลดีผลเสียแล้วจึงค่อยตัดสินใจใช้ ดังนั้นเมื่อเข้าสู่วัยทองแล้ว แพทย์จะพิจารณาร่วมกับคุณผู้หญิงในแต่ละรายว่า มีเหตุที่ควรจะรับฮอร์โมนหรือไม่ มีข้อห้ามข้อควรระวังอะไร ควรจะต้องตรวจเต้านม ตรวจภายในก่อนหรือไม่ ต้องเจาะเลือดตรวจอะไรบ้าง ต้องเอ๊กซเรย์ดูความหนาแน่นของกระดูกว่าบางหรือยัง ซึ่งนั่นหมายความว่าไม่ควรที่จะไปซื้อหาฮอร์โมนมาใช้เอง เพราะอาจจะไม่ปลอดภัย หรือไม่ได้ประโยชน์เท่าที่ควร อย่างไรก็ตามฮอร์โมนไม่ใช่คำตอบเดียวสำหรับสตรีวัยทอง เพราะคุณจะต้องปรับเปลี่ยนการดำเนินชีวิตประจำวันด้วยการรับประทานอาหารที่มีแคลเซี่ยมเพิ่มมากขึ้น อาหารที่มีกากใยมากแต่ไขมันน้อย และออกกำลังกายเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย แล้วคุณก็สามารถที่จะใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุขและมีคุณค่าต่อไปได้อีกนานเท่านาน ด้วยความปรารถนาดีจาก คลินิกนรีเวช ดูแลสุขภาพสตรีครบวงจร - ในสตรีวัยรุ่นและวัยทอง - ในระยะก่อนแต่งงานและก่อนตั้งครรภ์ - เมื่อมีปัญหาทางเพศ หย่อนสมรรถภาพทางเพศและการมีบุตรยาก - เมื่อต้องการวางแผนครอบครัว - รับดูแลสตรีตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอดอย่างมีคุณภาพ เจาะกรวดน้ำคร่ำในมารดาที่อายุมาก - ตรวจหามะเร็งปากมดลูกและรักษาโรคมะเร็งทางนรีเวช - รักษาโรคทางนรีเวชทั่วไป เช่น เนื้องอกมดลูก ซีสต์ที่รังไข่ ปวดประจำเดือน ช่องคลอดและกะบังมหย่อน ภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ - รักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ |
แหล่งที่มา : chaophya.com