เจ็บหน้าอกซ้าย อาการเจ็บหน้าอกด้านซ้าย เจ็บหน้าอกแปลบๆ
|
1คือหลอดแดงcoronary ข้างขวา 2คือหลอดเลือด coronary ข้างซ้าย
ตำแหน่งของการเจ็บหน้าอก
ภาพแสดงหลอดเลือดแดง coronary ตีบ |
โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด Angina pectoris
Angina pectoris เป็นโรคที่เกิดจากหลอดเลือด coronary มีการตีบเนื่องจากมีคราบไขมัน เมื่อคราบไขมันมากขึ้นทำให้หลอดเลือดตีบ ในขณะที่พักเลือดยังไปเลี้ยงกล้ามเนื้อพอ แต่เมื่อออกกำลังกายเลือดจะไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจไม่พอ ทำให้เกิดอาการเจ็บหน้าอกในขณะออกกำลังกาย หรือทำงานหนัก
เมื่อมีอาการเจ็บหน้าอกแพทย์จะถามอะไรบ้าง
ลักษณะของอาการของหัวใจขาดเลือด
อาการเจ็บหน้าอกจะเป็นอาการที่สำคัญและมักจะสัมพันธ์กับการทำงานหนัก หรือออกกำลังกายโดยมากมักจะไม่เกิน 10 นาที
- แน่นหน้าอกลักษณะหนักๆเหมือนมีคนนั่งทับบนหน้าอก อาจจะเจ็บร้าวไปคอ หรือกรามด้านซ้าย แขนซ้าย มักจะเจ็บเมื่อออกกำลังกาย พักจะหายปวด
- ตำแหน่งที่ปวด บางรายอาจจะบอกไม่ได้ชัดว่าปวดที่ไหน แต่ส่วนใหญ่จะบอกว่าเจ็บบริเวณกลางหน้าอก หรือแน่นลิ้มปี่ แต่จะเจ็บแบบแน่นๆซึ่งต่างจากโรคกระเพาะเพราะจะเจ็บแบบแสบๆ
- บางรายมาด้วยใจสั่น
- บางรายมาด้วยเหนื่อยง่าย
ปัจจัยที่ทำให้เกิดอาการเจ็บหน้าอก
- อาการเจ็บหน้าอกมักจะสัมพันธืกับการออกกำลังกายหรือทำงานหนัก หรือมีความเครียดทางอารมณ์ อาการปวดจะหายไปใน 10 นาทีหลังหยุดพัก
- อากาศหนาวก็จะกระตุ้นให้เกิดอาการเจ็บหน้าอก โดยเฉพาะเวลาออกกำลังกาย
- การรับประทานอาหารที่มากไปก็จะทำให้เกิดอาการเจ็บหน้าอก
- อารมณ์เครียดจัดก็ทำให้เกิดอาการเจ็บหน้าอก
โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดจะเป็นกับใครบ้าง
ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดแข็งจะมีโอกาสเป็นโรคนี้สูงโดยเฉพาะผู้ที่มีตั้งแต่สองข้อขึ้นไป
โรคนี้จะพบมากในผู้ชาย อายุมากมากขึ้นก็จะพบโรคนี้เพิ่มขึ้น
- ผู้หญิงอายุ 45-54 ปีจะพบได้ร้อยละ0.1-1 ผู้ที่มีอายุ 65-74 ปีจะพบได้ร้อยละ 10-15
- ผู้ชายอายุ 45-54 ปีจะพบได้ร้อยละ0.1-1 ผู้ที่มีอายุ 65-74 ปีจะพบได้ร้อยละ 10-15
ปัจจัยเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจตีบและวิธีป้องกันคลิกที่นีครับ
การวินิจฉัย
การวินิจฉัยจะต้องอาศัยประวัติการเจ็บป่วยเป็นสำคัญ การตรวจร่างกายหรือตรวจปกติก็ไม่ช่วยในการวินิจฉัยโรค ต้องใช้การตรวจพิเศษ
- จากประวัติซึ่งมีปัจจัยเสี่ยงมาก ร่วมกับอาการเจ็บหน้าอก
- การตรวจร่างกายก็อาจจะพบว่าอ้วนหรือไม่ก็ได้ ความดันโลหิตอาจจะสูงในบางราย เจาะเลือดอาจจะพบไขมันสูง โดยรวมแล้วการตรวจร่างกายมักจะไม่ช่วยวินิจฉัยโรค
- การตรวจทางห้องปฏิบัติการณ์
- ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ECG หรือ EKG ขณะตรวจอาจจะปกติได้ ควรตรวจขณะเจ็บหน้าอก
- การตรวจเลือดทั่วไปหรือที่เรียกว่า CBC ซึ่งอาจจะพบว่าซีดซึ่งเป็นเหตุกระตุ้นให้เจ็บหน้าอก
- การเจาะเลือดเพื่อตรวจระดับน้ำตาล ไขมัน การทำงานของไต การทำงานของตับ ในเลือด
- การตรวจโดยการวิ่งสายพาน treadmill exerciseหลักการทำให้หัวใจต้องการเลือดไปเลี้ยงมาก โดยการวิ่งบนสายพานเพื่อให้หัวใจต้องการเลือดไปเลี้ยงเพิ่มขึ้น หากมีหลอดเลือดตีบก็จะเกิดเจ็บหน้าอก และแสดงบนคลื่นไฟฟ้า สำหรับผู้ป่วยที่วิ่งไม่ได ้ก็ยังมีการตรวจโดยการขี่จักรยานหรือใช้ยาเร่งให้หัวใจบีบตัวเรียก stress echo
- การทำ cardiac scan เพื่อดูว่าเลือดไปเลี้ยงหัวใจเพียงพอหรือไม่
- การสวนหัวใจและฉีดสี Coronary angiography เพื่อดูว่ามีตำแหน่งของหลอดเลือดตีบ แพทย์จะพิจารณาเป็นรายๆ
แหล่งที่มา : siamhealth.net