โรคเริมที่อวัยเพศชาย oral sex ติดโรคเริม โรคเริม กี่วันหาย
โรคเริมที่อวัยเพศชาย
เริมสามารถเกิดขึ้นได้ทั่วไปตามร่างกาย แต่ที่พบบ่อยที่สุดก็คือ บริเวณใกล้ๆ กับปาก และบริเวณอวัยวะเพศ เริมเป็นโรคที่พบเห็นได้บ่อยในปัจจุบัน ทางเลือกในการรักษาโรคนี้ยังมีไม่มากนัก และจากการคิดค้นวิธีรักษาเริมแบบใหม่ๆ ทำให้เราพบผลิตภัณฑ์ที่ชื่อ เอช บาล์ม (H-Balm) ซึ่งในปัจจุบันมีวางจำหน่ายแล้ว ซึ่งสามารถทำให้คนที่ติดเชื้ออยู่ในเวลานี้ มีทางเลือกในการรักษาอย่างแท้จริง ผลของการกำจัดเชื้อไวรัสของ เอช บาล์ม (H-Balm) ที่มีต่อไวรัสเริม ได้มีการทดสอบแล้วโดยทางคลีนิควิทยา โดยเมื่อเชื้อไวรัสเริมเจอกับ เอช บาล์ม (H-Balm) เชื้อไวรัสตัวนี้ก็จะหมดปฏิกริยา และมีสภาพเป็นกลาง (inactivated and neutralized) ทำให้หยุดการแพร่กระจายตัวเอช บาล์ม (H-Balm) ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพในการกำจัดไวรัสขั้นสูง และกำจัดไวรัสเริม ได้อย่างมีประสิทธิภาพในวงกว้าง
มีการสรุปว่า เอช บาล์ม (H-Balm) สามารถยับยั้งไวรัสเริมที่ทำให้เกิดเริมตามร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นเริมที่ปาก เริมที่บริเวณอวัยวะเพศ และหลังจากกำจัดเชื้อไวรัสหมดสิ้นไปแล้ว ยังสามารถเพิ่มภูมิคุ้มกันไวรัสเริมได้อีกด้วย การใช้ เอช บาล์ม (H-Balm) เพื่อรักษาเริมนั้นสามารถพิสูจน์ได้ว่า เป็นวิธีที่ปลอดภัย สามารถกำจัดการแพร่กระจายของไวรัส และทำให้เหลือน้อยที่สุด วิธีนี้ยังมีประสิทธิภาพในการรักษาอาการซ้ำซ้อนที่เกิดจากเชื้อไวรัส หรือการย้อนกลับมาเป็นอีกได้
ความอัศจรรย์ของการรักษาโรคให้หายภายในวันเดียว ไม่ใช่เป้าหมายหลักของเรา การใช้ เอช บาล์ม (H-Balm) เพื่อกำจัดไวรัสเริม ยังเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายมนุษย์ เป้าหมายของเราคือ การรักษาที่สมบูรณ์ รวมถึงการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน เพื่อไม่ให้กลับมาเป็นโรคนี้อีก เอช บาล์ม (H-Balm) ไปลดผลกระทบของการติดเชื้อไวรัสเริมอย่างมีประสิทธิภาพ โดยการทำให้เชื้อโรคเป็นกลาง (Neutralizing ) และพัฒนากระบวนการเผาผลาญ รวมถึงการเพิ่ม ปฏิกริยาการสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายด้วย
เชื้อไวรัสเริม เป็นเชื้อโรคที่มีอนุภาคเล็กๆ ภายในเซลอาศัยอยู่ใน DNA ของนิวเคลียสของเซล DNA หรือ สารทางพันธุกรรมนี้ จะล้อมรอบด้วยโปรตีนหรือไลโปโปรตีน เปลือกหุ้มที่ปกป้องกรดนิวคลีอิคนี้ ในอีกทางหนึ่ง กลับทำให้เชื้อไวรัสเริมเพิ่มความสามารถในการกำจัดเซลอื่นๆ
ไวรัสเริมสามารถแพร่กระจายผ่านของเหลวที่อยู่ในตุ่มเล็กๆ ของมัน ตุ่มของเริมที่เกิดขึ้นนั้นจะมีเชื้อไวรัสเริมปะปนอยู่ ดังนั้นการแพร่เชื้อจึงสามารถเกิดขึ้นได้ง่าย นอกจากนั้นหลังจากรับเชื้อไปแล้ว ระยะฝักตัวก่อนที่จะแสดงอาการนั้นจะอยู่ราวๆ 30-180 วัน นั้นก็หมายความว่า เชื้อไวรัสเริมนั้นเมื่อเข้าไปอยู่ในร่างกายแล้ว อาจจะยังไม่แสดงอาการใดๆ สำหรับการปะทุของเริม เป็นกลไกทางพันธุกรรมอิสระที่เข้าไปควบคุมกลไกของเซล ทำให้เกิดการสังเคราะห์ไวรัสโปรตีน และไวรัสกรดนิวคลีอิค ไวรัสเริมที่เกิดขึ้นตามร่างกายทั้งบริเวณปาก และเริมบริเวณอวัยวะเพศไม่ใช่สิ่งที่มีชีวิต มันเพียงแต่สามารถเพิ่มปริมาณของตัวมันซ้ำๆ ในเซลแม่ของสิ่งมีชีวิต ซึ่งก็คือตัวของคน เมื่อคนเกิดการติดเชื้อ ตัวไวรัสจะสร้างกรดนิวคลีอิค และสุดท้ายมันจะสังเคราะห์โปรตีนที่ห่อหุ้มไวรัสเริมชนิดนี้ จะทำซ้ำตัวเองภายในเซลของสิ่งมีชีวิตที่เป็นเซลแม่ และส่งต่อไปยังเซลอื่นๆ รวมถึงในระบบร่างกายของสิ่งมีชีวิตที่เป็นเซลแม่ มีงานวิจัยที่ชี้ให้เห็นว่า เมื่อบำบัดไวรัสเริมโดยใช้น้ำมันหอมระเหยที่ได้รับการรับรองที่ปริมาณและ ความเข้มข้นหนึ่ง ซึ่งประกอบด้วย นิวคลีโอฟิลิก (ซิทรัล) ซึ่งมีอยู่ใน เอช บาล์ม (H-Balm) จะมีประสิทธิภาพสูงสุดในการกำจัดเชื้อโรคทิ่เกิดกับไวรัสที่อยู่บริเวณ เปลือกหุ้ม เช่น ไวรัสเริม ความสามารถในการทำให้ไวรัสเริม มีคุณสมบัติเป็นกลางนี้ยังพบใน สารเทอร์ฟีน อัลกอฮอล์ ซึ่งเป็นส่วนประกอบของน้ำมันหอมระเหยเหมือนกัน และแน่นอน สามารถพบได้ในผลิตภัณฑ์ เอช บาล์ม (H-Balm)
วิธีการใช้ เอช บาล์ม (H-Balm) เพื่อรักษาเริม เป็นวิธีรักษาแบบภายนอก ใช้ทาตรงบริเวณที่เป็น ถ้าเป็นไปได้ควรจะใช้ก่อนที่จะเกิดอาการแพร่กระจาย เพื่อที่จะป้องกันไม่ให้เชื้อโรคโตเต็มที่ แนะนำให้ทา บ่อยๆ เมื่อใช้ใน 24 ชั่วโมงแรกในบริเวณที่เป็น เอช บาล์ม (H-Balm) สามารถป้องกันโรคเริมได้ตั้งแต่ยังไม่เกิดการแพร่กระจาย หรือตั้งแต่ตอนเริ่มเป็น และหยุดการแพร่กระจายได้
เอช บาล์มสูตรธรรมดาและสูตรเข้มข้น : ให้ใช้งานทันทีเมื่อรู้สึกว่าเริ่มจะเป็นเริม หรือระหว่างที่มีการแพร่กระจาย ผลิตภัณฑ์ของเรามีส่วนผสมของสารสกัดเข้มข้นที่สามารถกำจัดไวรัสได้ สามารถทาตรง ๆ ที่บริเวณแผล หรือเอาสำลีชุบน้ำมันให้ชุ่มแล้วทา จากนั้นนำพลาสเตอร์มาปิดแผล ยิ่งใช้บ่อยก็ยิ่งลดการระบาดที่รุนแรง การแพร่ระบาดจะหยุดทันทีเมื่อใช้ เอช บาล์ม ในระยะเริ่มต้น หรือเมื่อเริ่มมีผื่นแดง ควรทาอย่างน้อยวันละ 3-4 ครั้ง (เช้า กลางวัน เย็น ก่อนนอน) หรือหากมีอาการปวด หรือแสบจากเริมสามารถทาเพิ่มได้ตลอดวัน
เอช บาล์ม เดลี่ : บรรเทาการแพร่กระจายของเริม ใช้ 3-4 ครั้งต่อวัน (โดยให้ทาหลังจาก เอช บาล์ม หรือ เอช บาล์มสูตรเข้มข้นแล้ว) ในบริเวณที่คิดว่าจะเกิดการแพร่กระจาย สามารถใช้ได้ทุกวัน เอช บาล์ม เดลี่ ผลิตมาจากสารสกัดจากธรรมชาติ 100 % ได้รับการพิสูจน์จากห้องทดลองแล้วว่า สามารถหยุดปฏิกิริยาของโรคเริมได้ ถ้าใช้บ่อยผลจะดีขึ้นเรื่อย ๆ หากใช้เอช บาล์ม เพื่อหยุดการแพร่กระจาย และใช้เอช บาล์ม เดลี่ เพื่อลดความถี่และความรุนแรง ใช้ผลิตภัณฑ์ทั้ง 2 ชนิดควบคู่กัน จะสามารถกำจัดการแพร่กระจายได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนั้นหากได้รับประทาน ซุปเปอร์ ไลซีนสูตรเข้มข้น ก็จะเป็นการรักษาเริมที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
Link https://www.forcesofnature.co.th
อวัยวะเพศ Archive
-
เริม โรคเริม
Posted on July 22, 2012 | No Commentsเริม ภาควิชาตจวิทยา Faculty of Medicine Siriraj Hospital คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล โรคเริมมีอาการอย่างไร ? เริมเป็นโรคผิวหนังเกิดจากเชื้อไวรัสชื่อ “เฮอร์ปีส์” ก่อโรคได้เกือบทุกแห่งของร่างกาย พบได้บ่อย 2 บริเวณ ได้แก่ • เริมที่ริมฝีปาก • เริมบริเวณอวัยวะเพศ ก้น รอยโรคของเริมมี ลักษณะเริ่มต้นเป็นตุ่มน้ำพองใสเหมือนหยดน้ำเล็ก ๆ มีขอบแดง มักขึ้นรวมกันเป็นกลุ่ม ต่อมาตุ่มน้ำเหล่านี้จะแตกเป็นแผลถลอกตื้น... -
แผลเริมที่อวัยวะเพศ
Posted on July 5, 2012 | No Commentsแผลเริมที่อวัยวะเพศ โดย นางสุจิตตรา พงศ์ประสบชัย นางชนากานต์ เกิดกลิ่นหอม นางเพียงเพ็ญ ธัญญะตุลย์ ที่ปรึกษา อาจารย์แพทย์หญิงเจนจิต ฉายะจินดา ผู้ช่วยศาสตราจารย์นายแพทย์มานพชัย ธรรมคันโท รองศาสตราจารย์นายแพทย์ อัมพัน เฉลิมโชคเจริญกิจ หน่วยโรคติดเชื้อทางนรีเวชและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์สตรี ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา Faculty of Medicine Siriraj Hospital คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล สาเหตุ เชื้อที่ทำให้เกิดโรคคือ เชื้อเริมอวัยวะเพศ (Herpes simplex virus...
Link https://www.healthkonthai.com
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
oral sex ติดโรคเริม
การรักษาโรคเริม แบ่งการรักษาออกเป็นการรักษาในภาวะเฉียบพลัน และการรักษาเพื่อป้องกันการกลับเป็นซ้ำ |
ปัจจัยกระตุ้นในการกลับเป็นซ้ำ
- สิ่งแวดล้อมที่กระตุ้นได้แก่ การถูไถ การสัมผัสลม แสง ความเย็น เสื้อผ้าคับๆ เหงื่อ
- ความเครียด
- อาหารได้แก่ ถั่ว กาแฟ แอลกอฮอล์ ช็อกโกแลต
- การมีประจำเดือน
- การนอนหลับ ความเครียด ไข้
ใครมีปัจจัยเสี่ยงในการได้รับเชื้อ herpes simplex
ทุกๆคนจะมีโอกาสเสี่ยงต่อการติดเชื้อ herpes simplex โดยเฉพาะกลุ่มที่มีฐานะไม่ดี โดยเชื้อ (HSV-1) จะติดต่อทางสารหลั่งในปาก ส่วน (HSV-2) จะติดต่อทางอวัยวะเพศ ทวารหนัก เมื่อเชื้อเข้าทางผิวหนังเชื้อจะไปตามเส้นประสาททำให้เชื้อลามเป็นบริเวณ กว้างและอาจจะเกิดผื่นที่บริเวณใหม่
- ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อเริมที่ปากคือวัยเด็ก อายุ 4-5 ปีมักติดต่อทางการสัมผัสเช่นการใช้ของร่วมกัน การจูบ ไม่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เชื้อนี้สามารถติดต่อจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งโดยเฉพาะที่ตาโดยการสัมผัส ด้วยมือดังนั้นต้องล้างมือให้สะอาด
- ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อเริมที่อวัยวะเพศมัก เกิดในผู้ที่มีคู่ขาหลายคน การมีเพศสัมพันธ์ทางปาก oral sex ซึ่งเชื้อที่เป็นสาเหตุมักจะเป็น type 1 การป้องกันการติดเชื้อควรงดมีเพศสัมพันธ์ หรือใช้ถุงยางคุมกำเนิดขณะมีอาการติดเชื้อ
- การเป็นเริมในทารกมักจะติดเชื้อในแม่ที่ติดเชื้อ HSV-2 และมีการคลอดก่อนกำเนิดหรือต้องใช้เครื่องมือในการคลอด
- ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงอย่างอื่นเช่น นักมวยปล้ำ นักรักบี้ นักมวย ผู้ป่วยโรคเอดส์
มีการศึกษาว่าแม้จะไม่มีผื่น หรืออาการเชื้อก็สามารถแพร่ออกมาได้ ดังนั้นไม่มีหลักประกันว่าการมีเพศสัมพันธ์กับคนที่ไม่มีอาการจะปลอดภัยจาก โรคเริม
โรคแทรกซ้อนของการติดเชื้อ herpes simplex
- การตั้งครรภ์และการติดเชื้อ herpes simplex พบว่าคนท้องที่ติดเชื้อประมาณร้อยละ 0.01.0.04 อาจจะเกิดการแท้ง คลอดก่อนกำหนด เด็กเจริญเติบโตช้าโดยเฉพาะการติดเชื้อใกล้คลอดดังนั้นแนะนำว่าควรจะรักษา หากเกิดการติดเชื้อเมื่อใกล้คลอด การติดเชื้อครั้งแรกจะเกิดโรคแทรกซ้อนได้บ่อยกว่าการติดเชื้อที่กลับเป็นซ้ำ
- Herpes Encephalitis เกิดจากเชื้อที่อยู่ในระยะ Latency และเกิดการแบ่งตัวผู้ป่วยอาจจะเสียชีวิตหากไม่ได้รักษาแต่โชคดีที่พบน้อย
- Herpes Meningitis พบได้ร้อยละ 4-8 ในคนที่เป็น primary genital HSV-2พบมากในผู้หญิงแต่ไม่ต้องตกใจเนื่องจากหายเองใน 2-7วันผู้ป่วยจะปวดศีรษะ อาเจียน และมีไข้
- ผู้ป่วยโรคเอดส์และผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องจากยา เช่น steroid มะเร็ง ยารักษามะเร็งหากผู้ป่วยกลุ่มนี้ติดเชื้อ herpes simplex จะเป็นรุนแรงมีโรคแทรกซ้อนปอดบวม ตับอักเสบ สมองอักเสบ
- การติดเชื้อที่ตา อาจจะทำให้ตาพร่ามัว ในรายที่เป็นรุนแรงอาจจะทำให้ตาบอด
การวินิจฉัย
- สามารถทำได้โดยการซักประวัติและการตรวจร่างกายพบผื่นดังกล่าวข้างต้น
- การเพาะเชื้อไวรัสโดยการนำน้ำ ใต้ตุ่มใสไปเพาะเชื้อ โดยเฉพาะควรจะนำหลังจากเกิดผื่นแล้วไม่เกิน 3 วัน การตรวจนี้ไม่ได้ผลในรายที่ผื่นตกสะเก็ด หรือผื่นของการกลับเป็นซ้ำ
- การตรวจโดยกล้องจุลทัศน์โดยการนำเนื้อเยื่อไปส่องกล้องพบเซลล์ตัวโต
การรักษา
มียารับประทานให้เลือก 3 ตัวให้เลือกในการรักษา ยาทั้ง 3 ตัวมิไดให้หายขาดเพียงแต่ลดความรุนแรง ลดความถี่และลดระยะเวลาที่เป็น ยาทั้ง 3 ได้แก่ Acyclovir,Valacyclovir,Famciclovir การให้ยามีได้ 2 ลักษณะคือ
- Acute therapy หมายถึงการเริ่มให้ยาตั้งแต่เริ่มมีอาการคือปวดแสบปวดร้อนโดยที่ยังไม่มี ผื่นขึ้น ถ้ามีผื่นขึ้นจะไม่ได้ผล ให้ยาครบ 5 วัน
- Suppress therapy คือการให้ยาเพื่อป้องกันการกลับเป็นซ้ำจะเลือกให้ในรายที่เกิดกรกลับเป็นซ้ำ บ่อย หรือมีโรคประจำตัว
สำหรับยาทายังไม่มียาทาที่ได้ผลดี ยาทาอาจจะได้ผลในแง่ลดอาการปวด ทำให้ผื่นแห้งเร็วยาที่นิยมใช้คือ acyclovir ครีมซึ่งได้ผลเฉพาะ primary lesion ยาทาไม่ช่วยลดจำนวนเชื้อหรือลดระยะเวลาที่เป็นโรค สำหรับยาอื่นต้องเลือกให้ดีเพราอาจจะมีแอลกอฮอล์ หรือสารที่ระคายอย่างอื่นซึ่งทำให้แผลหายช้ายาซึ่งมีส่วนผสมของ steroidก็ไม่ควรใช้เพราะแผลจะหายช้า
เป็นครั้งแรก | กลับเป็นซ้ำ | การป้องกัน | |
acyclovir (Zovirax) | 400mg 3ครั้ง/วัน | 400mg 3ครั้ง/วัน | 400mg 2ครั้ง/วัน |
famciclovir (Famvir) | 250mg 3ครั้ง/วัน | 125mg 2ครั้ง/วัน | 250mg 2ครั้ง/วัน |
valacclovir (Valtrex) | 1000mg 2ครั้ง/วัน | 500mg 2ครั้ง/วัน | 500mg วันละครั้ง |
ปัจจัยกระตุ้นในการกลับเป็นซ้ำและการรักษา โรคเริมที่ปาก โรคเริมที่อวัยวะเพศ โรคเริม
Link https://www.siamhealth.net
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
โรคเริม กี่วันหาย
โรคเริมคืออะไร บางคนเอามาคิดจนบ้า สติแตก...กว่าคนติด H ซะอีก |
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++