หมอแผนไทยรักษาโรคหอบหืด มาตรฐานคลินิกให้บริการผู้ป่วยโรคหอบหืด ประสบการณ์ออกกำลังกายรักษาโรคหอบหืด
หมอแผนไทยรักษาโรคหอบหืด
ยาสมุนไพรไทยรักษาโรคหอบหืด(Asthma)
โรคหอบหืด(Asthma) เป็นโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ เนื่องจากหลอดลมมีความไวที่ผิดปกติต่อสิ่งที่มากระตุ้นหลอดลม ทำให้เกิดการตีบตันของหลอดลม อาการหืดหอบมักเกิดในตอนกลางคืนจนถึงเช้ามืด มีสาเหตุจากสิ่งกระตุ้นที่ทำให้เกิดโรคหอบหืดเช่น สารก่อภูมิแพ้ การเปลี่ยนแปลงของอากาศ การได้รับผลจากยาบางชนิด การแพ้อาหาร ได้รับสารระคายเคือง การเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์เช่น โกรธ เครียด ดีใจ
ผู้ที่เป็นโรคหอบหืด เมื่อได้รับสิ่งกระตุ้นดังที่กล่าวมาแล้ว หลอดลมจะอักเสบเกิดการบวมของเยื่อบุหลอดลมทำให้หลอดลมแคบลงและตีบตัน กล้ามเนื้อหลอดลมหดเกร็งปิดกั้นทางเดินหายใจ อาการของโรคหอบหืดมักเริ่มจากการไอ หายใจลำบากและมีเสียงวี๊ดๆขณะหายใจ เจ็บแน่นบริเวณหน้าอก อาการโรคหอบหืดมักมีอาการเรื้อรัง เป็นๆ หายๆ อาการจะดีขึ้นเมื่อได้รับยาแต่ถ้าอาการหืดหอบกำเริบขึ้นมาอย่างรุนแรงก็อาจทำให้เสียชีวิตได้
การรักษาโรคหอบหืดขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของโรค ถ้าเป็นยาแผนปัจจุบันมักเป็นยาที่ฉีดพ่นเพื่อขยายหลอดลมให้หายใจสะดวกขึ้น แต่ยาแผนปัจจุบันที่ใช้รักษาอาการหอบหืดมักมีส่วนผสมของสารสเตียรอยด์ซึ่งมีอันตรายสูงมาก หากต้องการลดความเสี่ยงต่อการได้รับสารสเตียรอยด์ก็ควรใช้ยาสมุนไพรรักษาอาการหืดหอบควบคู่ไปกับการใช้ยาแผนปัจจุบันก็จะช่วยลดความถี่ของการได้รับสารสเตียรอยด์จากยาแผนปัจจุบันได้
ยาสมุนไพรไทยที่ใช้บรรเทา-รักษาโรคหอบหืดคือ “ไพล” ที่มีรสเผ็ดร้อนอมฝาด โดยใช้ส่วนเหง้าไพลที่แก่จัด 10 ส่วน ดีปลี 4 ส่วน พริกไทยขาว 4 ส่วน พิมเสน 1 ส่วนและกานพลู 1 ส่วน บดสมุนไพรแต่ละอย่างให้ละเอียดแล้วผสมรวมกัน วิธีใช้ให้นำยาสมุนไพรที่บดผสมกันแล้ว 1 ช้อนชา ชงกับน้ำร้อนดื่มหรือจะทำเป็นยาสมุนไพรชนิดเม็ด(ยาลูกกลอน) โดยนำส่วนผสมที่บดละเอียดแล้วมาผสมกับน้ำผึ้งแล้วปั้นเป็นเม็ดยาลูกกลอน กินครั้งละ 3-4 เม็ด
ข้อควรระวังของการใช้ยาสมุนไพรรักษาอาการหอบหืด ถึงแม้ว่าไพลจะเป็นพืชสมุนไพรที่สามารถนำมาใช้บรรเทา-รักษาอาการหอบหืดได้ดี แต่หากร่างกายได้รับไพลเข้าไปอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานอาจส่งผลต่อการทำงานของตับได้
cradit: https://thai-herbs-for-goodhealth.blogspot.com/2009/1/garliclemonginger.html
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
มาตรฐานคลินิกให้บริการผู้ป่วยโรคหอบหืด
“โรคหืด” ในประเทศไทยพบอุบัติการณ์ของโรคในเด็กถึง 10–12% และในผู้ใหญ่ 6.9%...ถือเป็นโรคเรื้อรังที่มีผลกระทบต่อผู้ป่วยค่อนข้างสูง
จากการสำรวจพบว่าผู้ป่วยโรคหืดมากกว่าครึ่งไม่สามารถทำกิจกรรมได้เช่นคนปกติ ผู้ป่วยโรคหืด ร้อยละ 21.7 ยังต้องเข้ารับการรักษาด้วยอาการหอบรุนแรงที่ห้องฉุกเฉินอย่างน้อยหนึ่งครั้ง ในระยะเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมา และร้อยละ 14.8 ต้องเข้านอนรับการรักษาในโรงพยาบาล
ข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุข พบว่า จำนวนผู้ป่วยที่เข้านอนรับการรักษาในโรงพยาบาลเนื่องจากโรคหืดก็เพิ่มขึ้นทุกปีนับตั้งแต่ 66,679 คน ในปี 2538...เป็น 102,245 คนในปี 2545
และ...มีผู้เสียชีวิตด้วยโรคหืด 806 คนในปี 2540 เพิ่มเป็น 1,697 คนในปี 2546
รองศาสตราจารย์นายแพทย์วัชรา บุญสวัสดิ์ หัวหน้าหน่วยงานระบบทางเดินหายใจ อาจารย์ประจำภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวในวันหืดโลกครั้งที่ 13 เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ที่ผ่านมาว่า โรคหืดเป็นปัญหาด้านสาธารณสุขของประเทศทั่วโลก เพราะอุบัติการณ์ของโรคหืดเพิ่มขึ้นมากในปัจจุบัน และเป็นสาเหตุของการเจ็บป่วยต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้
ในแง่การรักษา ปัจจุบันก้าวหน้าไปมาก องค์การอนามัยโลก (WHO) และ National Heart Lung and Blood Institute ของอเมริกาได้ร่วมกันวางแนวทางการรักษาโรคหืดขึ้นในปี 2536 ใช้ชื่อว่า “GINA guideline”
จากผลการสำรวจ ผู้ป่วยโรคหืดส่วนมากยังไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง ทำให้ต้องทนทุกข์ทรมานกับสภาวการณ์เจ็บป่วย ต้องเข้ารับการรักษาที่ห้องฉุกเฉิน ประมาณ 1,000,000 คนต่อปี และเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล 100,000 คนต่อปี ทำให้คุณภาพชีวิตผู้ป่วยไม่ดีเท่าที่ควร
“วันหืดโลก” เกิดขึ้นมาเพื่อกระตุ้นเตือนให้สังคมได้ตระหนักว่า โรคหืดเป็นปัญหาสำคัญต่อสุขภาพ และต้องการเผยแพร่แนวทางใหม่ในการรักษาโรคหืด ซึ่งสามารถทำให้ผู้ป่วยมีชีวิตได้เช่นคนปกติ
ในปีนี้...มหาวิทยาลัยขอนแก่น ศูนย์กลางทางวิชาการและความรู้ทางการแพทย์ที่ทันสมัย ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ...สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด เทศบาลนครขอนแก่น เครือข่ายคลินิกโรคหืด ชมรมผู้ป่วยโรคหืดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร่วมมือกับ สปสช. เขต 7 ขอนแก่น เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่จะทำให้ผู้ป่วยโรคหืด... “Admit near Zero” เข้ารับการรักษาน้อยที่สุด
พุ่งเป้าไปที่ให้ผู้ป่วยเข้าถึงบริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลงสู่ชุมชนระดับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ
คุณหมอวัชรา ย้ำว่า งานนี้จัดขึ้นเป็นปีที่ 13 แล้วยังคงวัตถุประสงค์เดิม เพื่อให้ผู้ป่วยโรคหืดได้รับการดูแลรักษาให้ได้มาตรฐานโลก เน้นให้ผู้ป่วย ...ครอบครัวมีส่วนร่วมในการดูแลตนเอง ควบคุมโรคหืดอย่างสิ้นเชิง
นอกจากนี้ ยังมีการกระจายความรู้ในการรักษาโรคหืดไปสู่เครือข่ายคลินิกโรคหืดทุกโรงพยาบาลอำเภอ และทุกโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล โดยให้ชุมชนและ อสม. เข้ามามีส่วนร่วมในการค้นหา คัดกรอง ช่วยเหลือเบื้องต้น และดูแลส่งต่อผู้ป่วย เพื่อให้การรักษาที่ถูกต้อง
ตั้งแต่ปีงบประมาณ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เขต 7 ขอนแก่น สนับสนุนให้หน่วยบริการในพื้นที่รับผิดชอบ 4 จังหวัด ได้แก่ ขอนแก่น ร้อยเอ็ด มหาสารคาม กาฬสินธุ์ จัดตั้งคลินิก “โรคหืดแบบง่ายๆ (Easy Asthma Clinic)” ขึ้นมา
ปัญหาสำคัญของผู้ป่วยโรคหืด พบว่าหลายคนอาจเริ่มที่อาการหายใจไม่ออก ตรวจพบว่าตัวเองเป็นโรคหืด...เข้ารับการรักษา แต่อาการก็ไม่ดีขึ้น เรื้อรังนานถึงสอง...สามปี เพราะว่าไม่มีวินัย
ต้องย้ำว่าการรักษาโรคหืดจะต้องทำอย่างจริงจัง ต่อเนื่อง และก็มีวินัยในการใช้ยา
“คลินิกโรคหืดแบบง่าย” เป็นคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับผู้ป่วยโรคหืด ด้วยกระบวนการรักษาตามมาตรฐาน โดยยึดหลัก ดังนี้
1. มีแนวทางการรักษาโรคหืดแบบง่าย โดยประเมินการควบคุมโรคหืด เพื่อให้การรักษาตามแนวทางการรักษาโรคได้อย่างถูกต้อง
2. มีระบบการทำงานเป็นทีม ทำให้การดูแลรักษาผู้ป่วยมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเพิ่มบทบาทของพยาบาลและเภสัชกรในการร่วมดูแลผู้ป่วยกับแพทย์
พยาบาลจะทำหน้าที่ในการลงทะเบียนผู้ป่วย...ประเมินการควบคุมโรค แพทย์ทำหน้าที่สั่งการรักษา และเภสัชกรมีหน้าที่ให้ความรู้เรื่องโรคหืด แนวทางในการรักษา ความรู้เรื่องยาและวิธีการใช้ยาพ่นชนิดต่างๆ
3. มีการบันทึกข้อมูลการรักษาอย่างเป็นระบบ ด้วยระบบเทคโนโลยี สารสนเทศ เพื่อให้สามารถเก็บข้อมูลออนไลน์ที่ https://eac2.dbregistry.com ของแต่ละโรงพยาบาล ทำให้ประเมินผล...ติดตามผู้ป่วยได้ อย่างมีประสิทธิภาพ
ลงลึกขั้นตอนการทำงาน คลินิกโรคหืดแบบง่ายเริ่มจากผู้ป่วยจะพบพยาบาลเพื่อลงทะเบียน ประเมินการควบคุมโรคหืด โดยใช้แบบสอบถามง่ายๆ และให้ผู้ป่วยเป่าพีคโฟว์ เครื่องมือวัดความเร็วสูงสุดขณะหายใจออกเพื่อวัดความเร็วสูงสุดที่ผู้ป่วยสามารถเป่าได้ เพื่อให้ทราบถึงสภาวะหลอดลมว่าเป็นอย่างไร
ขั้นต่อมา...ผู้ป่วยจะพบแพทย์เพื่อตรวจ ประเมินอาการ และการควบคุมโรค ขั้นสุดท้าย...ผู้ป่วยจะพบเภสัชกรเพื่อรับยา โดยเภสัชกรจะให้ความรู้เรื่องโรค การรักษาโรค การใช้ยาพ่น ตรวจสอบการใช้ยาตามแพทย์สั่ง
นพ.พิเชษฐ์ ลีละพันธ์เมธา ผู้อำนวยการ สปสช.เขต 7 ขอนแก่น บอกว่า เราทำงานกันเป็นระบบ ขับเคลื่อนไปพร้อมๆกัน...ผู้ป่วยโรคหืด จะได้รับการดูแล รักษา ตามแนวปฏิบัติบริการสาธารณสุข เพื่อป้องกันการกำเริบของโรค พร้อมกันนี้ยังมีการประชุมหารือ ออกเยี่ยมหน่วยบริการพัฒนาบุคลากร จัดทำคู่มือหนูน้อยโรคหืด...เพื่อใช้เป็นสื่อในการให้ความรู้ผู้ ปกครองที่นำบุตรหลานมารักษาที่คลินิกโรคหืด
สำหรับในปี 2555 สปสช.เขต 7 ขอนแก่น...โรงพยาบาลศรีนครินทร์มหาวิทยาลัยขอนแก่น ร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น กาฬสินธุ์ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด และหน่วยบริการทุกแห่ง มีแนวคิดขยายการบริการเพื่อให้ผู้ป่วยโรคหืดรับบริการได้ใกล้บ้าน ใกล้ใจมากขึ้น
รวมทั้งบริการเชิงรุก อาทิ การเยี่ยมติดตามที่บ้าน การค้นหาผู้ป่วยรายใหม่เพื่อเข้าสู่ระบบการรักษาที่ได้มาตรฐาน ทำให้ผู้ป่วยโรคหืด
เข้ารับการรักษาได้สะดวก ประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลา ไม่มีปัญหาในเรื่องการขาดยา ส่งผลให้คุณภาพชีวิตผู้ป่วยรวมทั้งครอบครัวดีขึ้น ดำรงชีวิตได้อย่างปกติ
“เป้าหมายสำคัญ เพื่อให้ผู้ป่วยไม่ต้องมานอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล ซึ่งเราคาดหวังว่าผู้ป่วยโรคหืดสามารถดูแลตนเองได้ที่บ้าน อัตราการนอนโรงพยาบาลจะเป็นศูนย์ในที่สุด”
การดูแลรักษาผู้ป่วยโรคหืดอย่างเป็นระบบของ สปสช. เขต 7 ขอนแก่น ไม่สงวนลิขสิทธิ์ใดๆทั้งสิ้น...โดยเฉพาะการนำงบประมาณมาใช้อย่างมีประสิทธิภาพ เห็นผลในทางปฏิบัติ
ถ้าเป็นไปได้...ใกล้บ้าน ใกล้ใจ โครงการเครือข่ายคลินิกโรคหืดอย่างง่าย สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ควรจะขยายให้ครอบคลุม เข้าถึงผู้ป่วยทั่วประเทศ.
Link https://www.thairath.co.th
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ประสบการณ์ออกกำลังกายรักษาโรคหอบหืด
ป่วยหอบหืด..ออกกำลังกายแบบไหนโรคไม่กำเริบ
ผู้ที่ป่วยด้วยโรคหอบหืด ส่วนใหญ่จะรู้สึกกังวลเกี่ยวกับการออกกำลังกาย เนื่องจากบางรายเคยมีประสบการณ์ว่าโรคดังกล่าวนี้กำเริบภายหลังออกกำลังกายเสร็จไปแล้วราว 5-20 นาที โดยมีอาการแน่นหน้าอก หอบหายใจเร็ว ซึ่งบางรายพักเพียงชั่วครู่ก็หาย แต่บางรายกลับทรุดหนักจนต้องส่งโรงพยาบาล...เหล่านี้จึงกลายเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้ป่วยโรคหอบหืดไม่กล้าเล่นกีฬา หรือออกกำลังกาย
สาเหตุที่ทำให้อาการหอบหืดกำเริบขณะออกกำลังกายนั้น วารสารชมรมผู้ป่วยโรคหืด โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เปิดเผยไว้ว่า เป็นเพราะหลอดลมหดเกร็ง เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของอุณหภูมิและความชื้นในอากาศที่สูดเข้าไปอย่างรวดเร็วและลึกมากกว่าปกติ โดยเฉพาะเมื่ออากาศนั้นมีความเย็นและแห้งมาก
อีกทั้ง โดยปกติแล้วอากาศที่หายใจเข้าทางจมูกจะมีความชื้นและอุ่นกว่าอากาศภายนอก อันเป็นผลมาจากโพรงจมูกช่วยเพิ่มความชื้นและปรับอุณหภูมิก่อนจะเข้าไปสู่ปอด แต่ขณะที่เราออกกำลังกาย ร่างกายต้องการอากาศมากขึ้น เราจึงมักอ้าปากหายใจ ทำให้ปอดได้รับอากาศเย็นและแห้งกว่าปกติ อาการหอบหืดจึงกำเริบขึ้น
อย่างไรก็ตาม การกำเริบของหอบหืดมักเกิดขึ้นเมื่อผู้ที่ป่วยออกกำลังกายหนักๆ ติดต่อกันเป็นเวลานาน โดยเฉพาะกีฬาที่มีการเคลื่อนไหวติดต่อกันนานๆ ไม่มีจังหวะพัก เช่น ฟุตบอล สควอช บาสเก็ตบอล
ขณะที่กีฬาซึ่งเหมาะกับผู้ที่เป็นโรคหอบหืดมากที่สุดคือ การว่ายน้ำ ที่สภาพแวดล้อมบริเวณสระน้ำมีอุณหภูมิและความชื้นค่อนข้างคงที่ ประกอบกับลักษณะของการสูดหายใจขณะว่ายน้ำจะมีจังหวะที่ต้องกลั้นหายใจ จึงช่วยให้สูญเสียความร้อนและความชื้นทางลมหายใจน้อย แถมยังเป็นการออกกำลังกายในแนวราบ กล้ามเนื้อปอดได้เคลื่อนไหวจากส่วนท้ายขึ้นมาส่วนบน จึงช่วยไล่อากาศหรือขับสิ่งขัดขวางการหายใจออกได้ง่ายกว่าการออกกำลังท่ายืน และการได้เคลื่อนไหวกล้ามเนื้อส่วนบน ยังถือเป็นการพัฒนาระบบหายใจให้มีประสิทธิภาพขึ้นด้วย
สำหรับข้อควรรู้ของการออกกำลังกายสำหรับผู้ป่วยหอบหืด คือ ควรอบอุ่นร่างกายก่อนเล่นกีฬา ไม่ออกกำลังกายอย่างหักโหม ไม่ควรออกกำลังกายในช่วงที่อากาศเย็นจัดและแห้ง แต่หากมีความจำเป็นหรือต้องแข่งขันกีฬา ควรสูดยาขยายหลอดลมก่อนออกกำลังกาย 10-15 นาที ที่สำคัญ ถ้าอาการกำเริบต้องหยุดเล่นกีฬา และสูดยาขยายหลอดลมเข้าช่วย.
ทีมเดลินิวส์ออนไลน์
[email protected]
Link https://www.dailynews.co.th
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++