โรงพบาบาลที่ไหนรักษาโรคสะเก็ดเงินที่เล็บ อาหารสำหรับโรคสะเก็ดเงิน โรงพบาบาลที่ไหนรักษาโรคสะเก็ดเงินที่เล็บ


2,557 ผู้ชม


โรงพบาบาลที่ไหนรักษาโรคสะเก็ดเงินที่เล็บ อาหารสำหรับโรคสะเก็ดเงิน โรงพบาบาลที่ไหนรักษาโรคสะเก็ดเงินที่เล็บ

              โรงพบาบาลที่ไหนรักษาโรคสะเก็ดเงินที่เล็บ

รคสะเก็ดเงิน … โรคนี้มีทางออกด้วยศาสตร์การแพทย์แผนไทย

administrator

PDFPrintE-mail

Feb 22 |15:29 PM

โรคสะเก็ดเงิน … โรคนี้มีทางออกด้วยศาสตร์การแพทย์แผนไทย

        โรคสะเก็ดเงิน หรือโรคเรื้อนมูลนก นั้น ใครหลาย ๆ คนอาจจะเคยได้ยินมาบ้างแล้ว และหลาย ๆ คนอาจจะประสบกับปัญหาโรคสะเก็ดเงิน ทั้งนี้ คลีนิกแพทย์แผนไทย โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ได้ให้ความรู้เกี่ยวกับโรคสะเก็ดเงิน ตลอดจนเกร็ดการรักษา เพื่อให้ผู้ป่วยที่ประสบปัญหาสังเกตอาการของตนเอง และรู้วิธีการเลี่ยงอาหาร รวมทั้งการรับประทานยาเพื่อรักษาโรคสะเก็ดเงิน

รู้จักโรคสะเก็ดเงิน
        โรคสะเก็ดเงินนั้น มีสาเหตุเกิดจากระบบเลือดและระบบน้ำเหลืองที่ผิดปกติ ทำให้น้ำเหลืองเสีย โดยแสดงอาการในลักษณะของผื่นที่ผิวหนัง ผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้จะมีลักษณะอาการ กล่าวคือ ผิวหนังมีรอยผุดขึ้นเป็นแว่น เป็นวงตามผิวหนัง เล็กบ้าง ใหญ่บ้าง มีสีขาว ขอบนูนเล็กน้อย มีอาการคันร่วมด้วย เมื่อนานเข้าจะลามไปทั่วร่างกาย อาการเริ่มต้นของโรคนี้ ผู้ป่วยจะมีอาการคันที่หนังศีรษะ มีสะเก็ดคล้ายรังแคแต่มีขนาดใหญ่กว่า เป็นเรื้อรัง ใช้แชมพูขจัดรังแค อาการก็ยังไม่หาย หรือมีสะเก็ดสีขาวขึ้นตามข้อศอก ข้อพับต่าง ๆ ในช่วงที่อาการแห้ง หรืออากาศเย็น อาการจะกำเริบมากขึ้น
        เมื่อไม่ได้รับการรักษา โรคจะลามเข้าไปในเล็บทำให้เล็บเหลือง เป็นคลื่น คล้ายดอกเล็บสีขาวแต่มีขนาดใหญ่กว่าดอกเล็บ คล้ายกับมีเชื้อราลงที่เล็บ หากเป็นเรื้อรัง และรับการรักษาไม่ต้องเนื่อง พร้อมกับรับประทานอาหารแสลงอยู่เรื่อย ๆ จะทำให้อาการของสะเก็ดเงินลามเข้าไปในข้อและกระดูก ส่งผลให้ผู้ป่วยให้มีอาการปวดตามข้อและกระดูกตามมา เมื่อทิ้งไว้นานจะทำให้เกิดอาการข้อผิดรูป หงิก งอ โดยเฉพาะข้อมือ และข้อเท้า
        ปัจจุบัน โรคสะเก็ดเงินพบได้บ่อยประมาณร้อยละ 2 ของประชากรที่อยู่ในวัยผู้ใหญ่

การรักษาโรคสะเก็ดเงินตามแนวทางแพทย์แผนไทย
        เมื่อมีผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงินเข้ารับการรักษา แพทย์แผนไทยจะทำการประเมินผู้ป่วยก่อน โดยพิจารณาจาก
        1. ภาวะความเครียด ผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ซึ่งได้จากการซักประวัติและสังเกตบุคลิก อารมณ์ สีหน้า ฯลฯ
        2. ลักษณะของผิวหนัง เช่น ผื่น สีผิว ความร้อน-เย็น ตำแหน่งของผื่น
        3. ลักษณะของเล็บ มักจะพบลักษณะเล็บของผู้ป่วยผิดปกติ เช่น เป็น Oil Drop (เป็นลักษณะเล็บเป็นคลื่นขรุขระ)
        4. ลักษณะของการขับถ่าย ซึ่งโดยทั่วไป ผู้ป่วยจะมีภาวะท้องผูกร่วมด้วย
        วิธีการรักษาโรคสะเก็ดเงินนั้น มีทั้งการจ่ายยาต้มสมุนไพร ที่มีรสเมาเบื่อ เพื่อแก้น้ำเหลืองเสีย แก้พิษโลหิต และการให้ยาทา เพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นให้แก้ผิว พวกน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น กลีเซอรีน หรือโลชั่นบำรุงผิว โดยใช้ในปริมาณที่มากกว่าปกติ 2 - 3 เท่า
        ทั้งนี้ การให้ยารักษาโรคสะเก็ดเงินนั้น จะให้ตามอาการที่แสดงของโรค โดยแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบหลักด้วยกัน กล่าวคือ
        1. ผิวหนังชื้น ลอก แดง เป็นลักษณะที่แสดงถึงภาวะความผิดปกติของน้ำเหลือง โดยแพทย์แผนไทยจะจ่ายยาในกลุ่มของน้ำเหลืองเป็นหลัก
        2. ผิวหนังแห้ง ขุย ล่อน   เป็นลักษณะที่แสดงถึงภาวะความผิดปกติของโลหิต โดยแพทย์แผนไทยจะจ่ายยาในกลุ่มบำรุงเลือด

สรรพคุณของยาในแต่ละกลุ่ม
        การจ่ายยาในกลุ่มยาน้ำเหลือง อาทิ ข้าวเย็นทั้งสอง เปลือกขันทองพยาบาท เหงือกปลาหมอ เป็นต้น มีสรรพคุณดังนี้
        ข้าวเย็นทั้งสอง คือ ข้าวเย็นเหนือและข้าวเย็นใต้ นิยมใช้คู่กัน มีสรรพคุณเหมือนกัน คือ แก้ประดง คุดทะราด แก้น้ำเหลืองเสีย แก้เส้นเอ็นพิการ ออกดอก เข้าข้อ ฝีแผลเน่าเปื่อย  พุพอง เม็ดผื่นคัน ดับพิษในกระดูก แก้ปัสสาวะพิการ
        เปลือกขันทองพยาบาท มีสรรพคุณเป็นยาบำรุงเหงือก และใช้เป็นยาถ่ายรักษาโรคตับพิการ และโรคผิวหนังกลากเกลื้อน
        เหงือกปลาหมอ มีสรรพคุณในการแก้โรคไข้หัว ตลอดจนสามารถแก้โรคผิวหนังได้ทุกชนิด รวมทั้งโรคเรื้อน และคุดทะราดด้วย
        การจ่ายยาในกลุ่มยาบำรุงเลือด อาทิ ฝาง คำฝอย คำไทย เป็นต้น มีสรรพคุณดังนี้
        ฝาง เป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณในการใช้แก้ปวดท้องร่วง แก้ธาตุพิการ  แก้ร้อน  ยาบำรุงโลหิตสตรี  ขับประจำเดือน  แก้ปอดพิการ  ขับหนอง  แก้โลหิตออกทางทวารหนักและเบา  รักษาน้ำกัดเท้า  แก้คุดทะราด  แก้เสมหะ  และแก้เลือดกำเดา
        คำฝอย มีสรรพคุณ บำรุงโลหิตระดู แก้น้ำเหลืองเสีย แก้แสบร้อนตามผิวหนัง โรคผิวหนัง ฟอกโลหิต บำรุงโลหิต บำรุงหัวใจ บำรุงประสาท ขับระดู แก้ดีพิการ
        คำไทย มีสรรพคุณ บำรุงโลหิต แก้โรคโลหิตจาง แก้บิด

ข้อควรปฏิบัติสำหรับผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงิน
        1. งดอาหารแสลง (ห้ามรับประทานเด็ดขาด) ได้แก่
            ปลาไม่มีเกล็ด เช่น ปลาดุก ปลาไหล ปลากราย เพราะเมือกและความคาวของปลาจะทำให้อาการของโรคกำเริบมากขึ้นและจะทำมีอาการ คันมากขึ้นด้วย
            ปลาครีบแข็ง เช่น ปลาหมอ ปลานิล (สามารถรับประทานปลาช่อนได้)
            ของหมักดอง เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์  เช่น เหล้า เบียร์
            อาหารรสจัด อาหารรสมันจัด หวานจัด เค็มจัด อาหารทะเล
        2. หลีกเลี่ยงสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการเครียด
        3. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

        ผู้ที่สนใจสามารถเข้ารับการปรึกษาแพทย์แผนไทยได้ ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 8.30 - 16.00 น. ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ ณ ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร หรือสนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 037-211-088 ต่อ  3333
       Link   https://www.pr-network.in.th

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


             อาหารสำหรับโรคสะเก็ดเงิน

าหารต้องห้ามสำหรับผู้ที่ป่วยเป็นโรคสะเก็ดเงิน (เรื้อนกวาง)Psoriasis
สำหรับผู้ที่ป่วยเป็นโรคสะเก็ดเงิน ห้ามรับประทานอาหารดังต่อไปนี้โดยเด็ดขาด
1. อาหารทะเล เช่น ปลาหมึก กุ้ง ปู ส่วนปลาต่างๆ สามารถรับประทานได้ แต่ห้ามรับประทานปลาที่ไม่มีเกล็ด เช่น ปลาดุก ปลาไหล
2. ถั่วต่างๆ เช่น ถั่วลิสง ถั่วเขียว (ถั่วเหลืองรับประทานได้)
3. ของหมักดอง เช่น ผลไม้ดอง ปูดอง ปลาร้า ผักกาดดอง
4. อาหารรสจัดต่างๆ เช่น เปรี้ยวจัด เผ็ดจัด เค็มจัด (ปูเค็ม ปลาเค็ม)
5. สัตว์ปีก เช่น เป็ด ห่าน
6. เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เช่น เหล้า เบียร์
7. อื่นๆ ได้แก่ หน่อไม้ เนื้อวัว ข้าวเหนียว
8. ขนุนสุกๆ คันมากๆ
9. ระวังร้านก๋วยเตี๋ยวบางร้านที่ต้มน้ำซุปด้วย ห้วกุ้ง ปลาหมึกแห้ง
อย่าง ไรก็ตาม ถึงแม้ผู้ป่วยจะเป็นโรคสะเก็ดเงินเหมือนกัน แต่อาหารต้องห้ามก็ยังคงแตกต่างกันไป ต้องให้คุณภัสสรินทร์เป็นผู้วินิจฉัยอีกทีว่าอาหารชนิดใดที่ไม่ถูกกับโรค สะเก็ดเงินที่ท่านเป็นอยู่ เนื่องจากคุณภัสสรินทร์ได้เคยเป็นโรคนี้ และศึกษาโรคนี้มาด้วยตนเองกว่าสิบปี ทำให้คุณภัสสรินทร์สามารถมองรอยโรคของคนไข้และสามารถบอกได้ว่าอาหารชนิดใด แสลงต่อตัวผู้ป่วย
Link     https://www.bloggang.com

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

              โรงพบาบาลที่ไหนรักษาโรคสะเก็ดเงินที่เล็บ

โรคสะเก็ดเงิน Psoriasis

โรคสะเก็ดเงิน Psoriasis

โรคผิวหนัง โรคสะเก็ดเงิน


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
          โรค สะเก็ดเงิน เป็นหนึ่งใน โรคผิวหนัง ที่มีหลายคนเป็น ซึ่งวันนี้กระปุกก็นำข้อมูลเกี่ยวกับ โรคสะเก็ดเงิน โรคผิวหนัง ชนิดนี้มาบอกต่อไว้เป็นความรู้กัน
          โรคสะเก็ดเงิน ( Psoriasis ) เป็น โรคผิวหนังอักเสบเรื้อรังที่พบได้บ่อย บางคนอาจเรียก โรคสะเก็ดเงิน ว่า เรื้อนกวาง เหตุที่เรียกว่า โรคสะเก็ดเงิน เพราะผื่นที่เกิดขึ้นจะเป็นตุ่มสีแดงมีขอบชัด และบนผื่นจะมีขุยสีขาว ดูเหมือนมีสะเก็ดสีขาวคล้ายเงินปกคลุมอยู่ ทำให้มีการเรียกชื่อโรคนี้ว่า โรคสะเก็ดเงิน ตามลักษณะของผื่นนั่นเอง
สาเหตุที่ทำให้เกิด โรคสะเก็ดเงิน
          โรคสะเก็ดเงิน เป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติทางพันธุกรรมเป็นพื้นฐาน และมีปัจจัยภายใน และปัจจัยภายนอกเป็นตัวกระตุ้นให้โรคกำเริบได้ โดยปัจจัยภายใน เช่น การเกิดโรคต่าง ๆ ภาวะทางจิตใจ ความเครียด ส่วนปัจจัยภายนอก เช่น การรับประทานอาหาร หรือยาบางชนิด การเปลี่ยนแปลงทางฮอร์โมน การติดเชื้อโรคต่าง ๆ การเกา แกะผิวหนัง ฯลฯ
ชนิดของ โรคสะเก็ดเงิน
          ประเภทของ โรคสะเก็ดเงิน แบ่งได้ตามลักษณะของผื่น คือ
Plaque
          เป็น โรคสะเก็ดเงิน ที่พบได้บ่อยที่สุด ลักษณะเป็นผื่นแดงนูนหนา มีขอบชัดเจน บนผื่นจะมีขุยสีขาวเงิน ซึ่งสะเก็ดนี้เป็นเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว ผิวหนังบริเวณผื่นมักจะแห้ง คัน และเกิดเป็นแผลได้ง่าย แพทย์เรียกชนิดนี้ว่า psoriasis vulgaris
Guttate
          เป็น โรคสะเก็ดเงิน ที่มีผื่นเหมือนรูปหยดน้ำสีแดง ๆ เล็ก ๆ พบมากที่ลำตัว แขน ขา โดยผื่นนี้จะไม่หนาเท่าชนิด Plaque ผื่นสามารถเกิดขึ้นได้หากผิวหนังติดเชื้อ มักพบในเด็กและวัยรุ่น
Inverse
          เป็น สะเก็ดเงิน ที่มักพบในคนอ้วนที่มีเหงื่อออกมาก และระคายเคือง ลักษณะผื่นจะราบเรียบ ผิวแห้ง อักเสบแดง ไม่มีขุย และไม่หนา มักพบตามข้อพับ รักแร้ เต้านม ก้น
Erythrodermic
          เป็น โรคสะเก็ดเงิน ชนิดที่พบได้น้อยที่สุด มักพบในผู้ป่วยที่เป็นโรคสะเก็ดเงินที่ผื่นสะเก็ดเงินหลุดง่าย โดยผื่นชนิดนี้จะแดง กระจายไปทั่ว และมักจะมีอาการบวม ปวด และคันร่วมด้วย
Generalized Pustular
          เป็นผื่นสะเก็ดเงินแดง บวมปวด และมีตุ่มหนองเกิดขึ้น หากแผลแห้งแล้วก็สามารถกลับมาเป็นหนองได้อีก
Localized Pustular

          เป็น โรคสะเก็ดเงิน ที่มีผื่นตุ่มหนองเกิดขึ้นที่บริเวณมือและเท้า ขนาดประมาณครึ่งเซนติเมตร
อาการของ โรคสะเก็ดเงิน
          อาการ สะเก็ดเงิน มักจะเกิดเป็นผื่นแบบเป็น ๆ หาย ๆ ซึ่งโรคสะเก็ดเงิน จะกำเริบได้ เมื่อผิวหนังบาดเจ็บ เช่นจากการเกา ผิวไหม้จากแดด ติดเชื้อไวรัส หรือแพ้ยา โดยจะมีอาการดังนี้
ผิวหนัง
          จะเริ่มเป็นผื่นเล็ก ๆ สีแดง มีขอบชัดเจน รูปทรงกลมหรือรูปไข่ และมีขุย หรือสะเก็ดสีขาวเงินติดอยู่ หากแกะขุยจะมีเลือดออก ก่อนที่ผื่นจะขยายวงกว้างออกไป ทั้งในรูปก้นหอย หรือหยดน้ำ มักเกิดที่ศอก เข่า ขา แขน คอ ศีรษะ
เล็บ
          เล็บของผู้ที่เป็น สะเก็ดเงิน จะเป็นหลุมเล็ก ๆ ขรุขระ หรือมีการหนาตัวอยู่ในเล็บ หากเป็นมาก เล็บจะผุ ร่อนออกมาจากพื้นเล็บได้
ข้อ
          ผู้ที่เป็น สะเก็ดเงิน หลังจากมีผื่นขึ้นตามลำตัวแล้ว จะเริ่มปวดข้อเล็ก ๆ ตั้งแต่ปลายนิ้วมือ เท้า มักเป็นสองข้าง บางครั้งอาจปวดตามข้อใหญ่ เช่น ข้อมือ ข้อเท้า ข้อเข่า ข้อหลัง โดยอาการที่มักพบคือ ปวดข้อ บริเวณรอบข้อ ข้อติดในตอนเช้า หากไม่ได้รับการดูแลรักษาอย่างถูกต้อง อาจทำให้ข้อพิการได้

โรคสะเก็ดเงิน
โรคสะเก็ดเงิน


ความรุนแรงของ โรคสะเก็ดเงิน
เราสามารถแบ่งความรุนแรงของ โรคสะเก็ดเงิน ได้ 3 ระดับ คือ
          Mild Psoriasis คือ โรคสะเก็ดเงิน ที่มีผื่นขึ้นน้อยกว่า 2% มักพบเป็นแห่ง ๆ เช่น เข่า ข้อศอก หนังศีรษะ รักษาได้โดยการทายา
          Moderate Psoriasis คือ โรคสะเก็ดเงิน ที่มีผื่นขึ้นอยู่ระหว่าง 2-10% โดยมากมักขึ้นที่แขน ขา ลำตัว หนังศีรษะ รักษาได้โดยการทายาและรับประทานยา
          Severe Psoriasis คือ โรคสะเก็ดเงิน ที่มีผื่นขึ้นมากกว่า 10% ทำให้ผิวหนังแดง เป็นตุ่มหนอง ผิวหนังหลุดลอก และผู้ป่วยมักจะมีอาการข้ออักเสบด้วย
การรักษา โรคสะเก็ดเงิน
          การรักษา โรคสะเก็ดเงิน แบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอน โดยจะรักษาตามขั้นตอน ตั้งแต่ ขั้นที่ 1 เมื่อไม่ได้ผลจึงไปขั้นที่ 2 และขั้นที่ 3
ขั้นที่ 1 การใช้ยา
          ยาที่ใช้รักษา โรคสะเก็ดเงิน นิยมใช้ยาต่าง ๆ ดังนี้
ยาทาสเตียรอยด์
          เป็นยาที่นิยมใช้รักษา โรคสะเก็ดเงิน มากที่สุด มีหลายรูปแบบ การใช้ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่เป็น เช่น หากผู้ป่วยมีผื่นหนาที่แขน ขา มือเท้า ให้ใช้ยาในรูปขี้ผึ้ง หากมีผื่นบางที่ใบหน้า ข้อพับ ไม่ควรใช้ยาขี้ผึ้ง เพราะฤทธิ์แรงเกินไป แต่หากมีผื่นหนาที่ศีรษะให้ใช้ยาในรูปแบบครีมเหลว หรือครีมน้ำนม แต่หากผื่นบนศีรษะบาง ให้ใช้ยาน้ำ เพื่อให้ซึมเข้าสู่ศีรษะได้ดีกว่า ส่วนยาประเภททาน และฉีด ห้ามใช้กับผู้ป่วย โรคสะเก็ดเงิน เพราะอาจเกิดตุ่มหนอง ผื่นทั่วตัว รุนแรงกว่าเดิม
          ข้อดีของยาทาสเตียรอยด์ หาซื้อได้ง่าย ผื่นยุบเร็ว แต่ข้อเสียคือ หากใช้นานอาจทำให้เกิดภาวะดื้อยาได้ และหากหยุดยา อาจกลับมาเป็นผื่นได้ใหม่ และรุนแรงขึ้น นอกจากนี้หากยามีฤทธิ์แรงจะทำให้ต่อมหมวกไตมีปัญหา และส่งผลต่ออวัยวะอื่น ๆ
ยากลุ่มอนุพันธ์ของวิตามิน ดี 3 (Calcipotriene)
          เป็นยารูปแบบวิตามินดี ลักษณะเป็นครีม ราคาค่อนข้างแพง เหมาะกับผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงิน ที่เป็นน้อยจนถึงปานกลาง แต่ไม่ควรใช้ร่วมกับยาชนิดอื่น และไม่ควรใช้มาก เนื่องจากอาจเกิดการระคายเคืองได้ จึงไม่ควรใช้บริเวณใบหน้า ข้อพับ อวัยวะเพศ
ยากลุ่มน้ำมันดิน
          เป็นสารเคมีกลุ่มไฮโดรคาร์บอน ที่ได้มาจากธรรมชาติ ผู้ที่เป็นผื่นที่หนังศีรษะ สามารถใช้ แชมพูผสมน้ำมันดิน (Tar Shampoo) ช่วยรักษา โรคสะเก็ดเงิน ได้ ส่วน ครีมผสมน้ำมันดิน ก็ใช้รักษาผื่นที่ฝ่ามือและฝ่าเท้าได้ดี ข้อดี คือ โอกาสที่ผื่น และผิวหนังอักเสบจะกลับมาเป็นใหม่ เป็นได้ช้ากว่าใช้ยาสเตียรอยด์ แต่ข้อเสียคือ หาซื้อยาก ต้องซื้อตามโรงพยาบาลใหญ่ ๆ และยังมีสีและกลิ่นที่ไม่น่าใช้ ยาออกฤทธิ์ช้าไม่ทันใจ
ยาทากลุ่มเรตินอล วิตามินเอ
          ทำเป็นยาเจลทาวันละครั้ง ใช้ได้ดีกับ โรคสะเก็ดเงิน ที่หนังศีรษะและเล็บ โดยมักใช้ร่วมกับยาสเตียรอยด์
แอนทราลีน (Anthralin)
          เป็นยาที่ใช้รักษา โรคสะเก็ดเงิน มานานและนิยมใช้มากที่สุด หากผู้ป่วยมีอาการรุนแรงจะใช้รักษาร่วมกับรังสี UV ข้อจำกัดมีเพียงแค่ทำให้เกิดอาการระคายเคือง และทำให้ผิวหนังบริเวณที่ทามีสีคล้ำขึ้น นอกจากนี้ไม่ควรใช้กับผื่นแดงและมีน้ำเหลือง เพราะอาจทำให้โรคกำเริบมากขึ้น และไม่ควรใช้กับผื่นบริเวณหน้า คอ ข้อพับ ขาหนีบ อวัยวะเพศ เพราะจะระคายเคืองได้ง่าย
Salicylic Acid
          เป็นยาใช้ละลายขุย ทำให้ผิวหนังนุ่ม ลอกขุยออกได้ง่าย เพราะมีส่วนผสมของกรด อยู่ในรูปครีม หรือขี้ผึ้ง เหมาะใช้กับผื่นที่ฝ่ามือ ฝ่าเท้า แต่ไม่ควรใช้กับข้อพับ และเด็ก เพราะทำให้เกิดการระคายเคืองได้ง่าย
ขั้นที่ 2 การใช้แสงรักษา Phototherpy
Ultraviolet Light B
          เป็นการรักษาโดยใช้รังสีอัลตราไวโอเล็ตบี ใช้ได้ดีกับคนที่เป็นมาก โดยมีผลข้างเคียงน้อย คือ จะมีอาการคันและอาการแดงหรือไหม้ของผิวหนัง แต่มีข้อจำกัดคือ ผู้ป่วยต้องมารักษาที่โรงพยาบาล 3-5 ครั้งต่อสัปดาห์ เป็นเวลา 2-3 เดือนติดต่อกัน จากนั้นให้ทำ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์
PUVA
          เป็นการรักษา โรคสะเก็ดเงิน โดยใช้แสงอัลตราไวโอเล็ตเอ หรือ PUVA ร่วมกับการใช้ยา psoralen โดยให้ผลดีถึงร้อยละ 75 แต่มีผลข้างเคียงมาก คืออาจทำให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้ ดังนั้นควรใช้ในผู้ที่มีอาการรุนแรง และผู้ป่วยจะต้องได้รับการฉายแสง สัปดาห์ละ 2 ครั้ง รักษาประมาณ 20-30 ครั้ง ให้รักษาต่อไปอีก 2-3 เดือน จะลดโอกาสการเกิดซ้ำได้ใหม่
ขั้นที่ 3 การให้ยารับประทาน
ยาที่นิยมใช้ ได้แก่
เมโธเทร็กเซท (Methotrexate)
          มักนิยมใช้กับผู้ป่วย โรคสะเก็ดเงิน ที่เป็นรุนแรง ไม่ตอบสนองต่อการรักษาวิธีอื่นโดยใช้การรับประทานและฉีดอาทิตย์ละครั้ง เพราะมีผลข้างเคียงสูง คือ อาจทำให้ผู้ใช้รู้สึกคลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร รวมทั้งอาจทำให้เกิดตับอักเสบ และตับแข็ง ดังนั้นการใช้ยานี้ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ และผู้ป่วยต้องตรวจเลือดก่อนการรักษา และหลังการรักษาทุก ๆ 3-4 เดือน
          นอกจากนี้ ยาประเภทนี้ยังใช้ไม่ได้กับผู้ป่วยบางประเภท เช่น หญิงตั้งครรภ์ , ผู้ป่วยโรคตับหรือไต, ผู้ป่วยที่มีเม็ดเลือดขาวและเกร็ดเลือดต่ำกว่าปกติ,ผู้ที่ดื่มเหล้ามาก, ผู้ที่ติดเชื้อระยะรุนแรง เป็นต้น
Oral Retinoids
          เป็นยาในกลุ่มวิตามินเอ ใช้รักษาโรคสะเก็ดเงินรุนแรง โดยต้องใช้ร่วมกับ UVB และ PUVA ผลข้างเคียงของการใช้ยาคือ ผิวจะแห้ง ลอกเป็นขุย ผมร่วง ทำให้ไขมันในเลือดสูง และตับอักเสบ หากหยุดการรักษาในระยะต้น ๆ จะกลับเป็นปกติได้ หากใช้ยาเกิน 1 ปี อาจทำให้เกิดกระดูกงอกได้
          ข้อควรระวังคือ ยานี้ไม่ควรใช้กับสตรีมีครรภ์ เพราะอาจทำให้ทารกพิการ และผู้ใช้ยาห้ามตั้งครรภ์อย่างน้อย 2 ปี เนื่องจากยาสามารถอยู่ในเลือดได้นานถึง 2 ปี และไม่ควรได้รับวิตามินเสริม โดยเฉพาะวิตามินเออีก
ไซโคสปอริน (Cyclosporine)
          เป็นยากดภูมิคุ้มกัน ที่ใช้กับผู้ป่วย โรคสะเก็ดเงิน รุนแรง ผลข้างเคียงคือ อาจทำให้เกิดความดันโลหิตสูง เป็นพิษต่อไตได้ ถ้าหยุดยาในระยะต้น ๆ อาจจะสามารถกลับมาเป็นปกติได้ ไม่ควรใช้กับผู้ที่ไตพิการ มีโรคความดันโลหิตสูง เคยเป็นมะเร็งมาก่อน หญิงตั้งครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร ผู้ที่มีความบกพร่องของระบบภูมิคุ้มกัน เป็นต้น
การเลือกใช้ยา ตามตำแหน่งที่เกิดโรค
ศีรษะ
          กรณีที่ขุยบนศีรษะไม่หนามาก ให้สระผมด้วยแชมพูที่มีส่วนผสมของน้ำมันดินร้อยละ 2-8 (Tar shampoo) หาขุยหนา ให้ใช้น้ำมันมะกอก หรือขี้ผึ้งผสม 1-3% Salicylic acid นวดหนังศีรษะทิ้งไว้ 4 ชั่วโมง หรือทิ้งไว้ข้ามคืน เพื่อให้หนังศีรษะนุ่มลงก่อน แล้วจึงสระผมด้วยน้ำอุ่นและแชมพูที่มีส่วนผสมของน้ำมันดิน นวดให้ทั่วศีรษะทิ้งไว้ 5 นาทีแล้วล้างน้ำออก ใช้หวีซี่ถี่ ๆ ค่อย ๆ ขูดสะเก็ดบนหนังศีรษะออก อย่าขูดแรง เพราะอาจทำให้ สะเก็ดเงิน ขึ้นมาใหม่ และเมื่อผื่น หรือสะเก็ดเงินหายแล้ว ให้สระผมด้วยแชมพูยาสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง
นอกจากนี้ยังสามารถใช้วิตามินดี (Calcipotriol) นวดศีรษะ เพื่อลดการอักเสบได้
เล็บ
          การรักษาสะเก็ดเงินที่เล็บ ทำได้โดยการใช้ยาทาสเตียรอยด์ ซึ่งเป็นยาแรง ดังนั้นจึงควรอยู่ในความดูแลของแพทย์ และยังสามารถใช้ยาทากลุ่มวิตามินดี ทาร่วมกันได้ โดยผู้ที่มีขุยที่เล็บ ต้องทำให้ขุยลอกหลุดเสียก่อน ด้วยการใช้ 10-20 % Salicylic acid ในรูปครีมหรือขี้ผึ้งทาทิ้งไว้ข้ามคืน แล้วขูดสะเก็ดออกแล้วจึงทายาสเตรียอยด์หรือ Calcipotriol ointment
ใบหน้า
          นิยมใช้ยาสเตียรอยด์ชนิดอ่อน ๆ รักษา เพื่อไม่ให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหน้าที่บอบบาง และไม่ควรใช้ในระยะเวลานาน


ขอขอบคุณข้อมูลจาก
- siamhealth.net
- si.mahidol.ac.th

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

อัพเดทล่าสุด