โรคผิวหนังในสุนัข โรคผิวหนังสุนัข สุนัขเป็นโรคผิวหนัง
โรคผิวหนังในสุนัข
โรคผิวหนังในสุนัข
posted on 10 May 2009 01:29 by why-notเวลาสุนัขมีปัญหาโรคผิวหนัง หลายต่อหลายคนมักจะเข้าใจว่าสุนัขเราเป็น ขี้เรื้อน เพราะสุนัขจะแสดงอาการ เกา, คัน, ผิวหนังแดงอักเสบ และขนร่วงจนแทบ จะหมดตัว บางรายจะมีกลิ่นตัวที่เหม็น และมีสะเก็ดรังแคมาก บางรายอาจจะมี ลักษณะเป็นแผลเต็มตัว รักษาอย่างไรก็ไม่หายซะทีสร้างความยุ่งยากใจ และอาจ ก่อให้เกิดปัญหาแก่ผู้เลี้ยงเป็นอย่างมาก
ในความเป็นจริงแล้วโรคผิวหนังของสุนัขมีอยูหลายชนิด แต่ละโรคมีสาเหตุที่แตกต่างกัน แม้ว่าอาการที่แสดงออก และลักษณะของผิวหนังจะ เหมือนกันก็ตาม ดังนั้นการที่เราจะรู้ว่าสุนัขของเราเป็นโรคผิวหนังอะไร จึงจําเป็น ที่จะต้องพาสุนัขไปพบกับสัตวแพทยเพื่อวินิจฉัยถึงสาเหตุที่แทจริง แล้วทําการ รักษา, ดูแลสัตว์เลี้ยงตามคําแนะนําของสัตวแพทย
โรคผิวหนังที่พบบ่อย และก่อให้เกิดความรําคาญ คือ โรคผิวหนังที่เกิดจาก ปรสิต ทั้งที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า และมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า
1. ปรสิตที่มองเห็นด้วยตาเปล่า ที่พบบ่อย คือ เห็บ, หมัด และที่พบไดบ้าง คือ เหา สุนัขของเราจะมีอาการคัน และเกามากจนเกิดผิวหนังอักเสบติดเชื้อ เจ้าของ ที่สัมผัสหรือโดนปรสิตเหล่านี้กัดบางคนก็อาจจะเกิดอาการแพ เป็นผื่นคันตาม ผิวหนังด้วยเช่น กัน
2. ปรสิตที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่พบบ่อยในบ้านเรา ส่วนใหญ่จะรู้จักกันในชื่อของตัวไร แต่ ไรที่มีปัญหาต่อผิวหนังมีอยูหลายชนิด การแยกชนิด ทําได โดยการขูดตรวจผิวหนัง หรือเอาขี้หูไปส่องตรวจทางกล้องจุลทรรศนโรคที่มีสาเหตุมาจากไรขี้เรื้อนที่ พบบ่อย ได้แก
โรคขี้เรื้อนเปียก สาเหตุเกิดจากไรขี้เรื้อนที่มีชื่อว่า Demodex โรค ผิวหนัง ชนิดนี้เป็นโรคที่ไม่ติดต่อสู่สุนัขที่เลี้ยงด้วยกัน และไม่ติดสู่คน สาเหตุของการเกิด โรคยังไม่แน่ชัดเนื่องจากเราสามารถพบไรชนิดนี้ในผิวหนังของสุนัขปกติไดแต่ คาดว่าน่าจะเกิดจากภูมิคุ้มกันของร่างกายที่ลดต่ำลง จนทําใหไรชนิดนี้มีผลหรือ ก่อให้เกิดปัญหาต่อผิวหนัง
โรคขี้เรื้อนแห้ง สาเหตุเกิดจากไรขี้เรื้อนที่มีชื่อว่า Sarcoptes โรคผิวหนัง ชนิดนี้จะติดต่อสูสุนัขที่เลี้ยงรวมกัน และสามารถทําใหคนที่สัมผัส เกิดอาการแพ หรือเป็นผื่นคันที่ผิวหนังได
โรคผิวหนังที่เกิดจากไรในหู โดยไรที่ก่อใหเกิดโรคคือ ไรชื่อ otodectes ตัว ไรจะอาศัยอยูในช่องหู สุนัขที่มีปัญหาจะมีขี้หูสีดํา หรือสีน้ำตาลเข้ม สุนัขจะมี อาการเกาคัน และสะบัดหูบ่อยๆ หากเปนมากอาจทําใหผิวหนังบริเวณรองหู เกิด การอักเสบติดเชื้อหรือทําให้เกิดลักษณะของหูบวมเลือด (hematoma) บางรายอาจมี ปัญหาทางระบบประสาท คือ ชัก ตากระตุก เดินหัวเอียงหรือเดินเวียนเปนวง โรค ผิวหนังชนิดนี้พบในแมวไดเช่น กัน
โรคผิวหนังที่พบบ่อย และส่วนใหญสามารถติดสูคนได เป็นโรคที่เจ้าของ จะต้องระมัดระวัง และใหความสําคัญเป็นพิเศษ ไดแก โรคผิวหนังที่มีสาเหตุจากเชื้อรา โรคนี้สามารถติดสูสัตว และคนที่มีรางกาย ออนแอ และไปสัมผัสโดนเชื้อ ผิวหนังสุนัขที่เปนจะพบขนรวงเปนวง มีอาการคัน ไมมากนัก เราไมสามารถแยกชนิดของเชื้อราไดดวยตาเปลา แตเราสามารถแยกได โดยการเพาะในอาหารเลี้ยงเชื้อ และสองตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน
โรคผิวหนังที่พบบ่อยแต่เป็นปัญหาเฉพาะตัวของสัตวเลี้ยงก็ เป็นอีกโรคที่ พบมาก โรคในกลุ่มนี้ต้องใชการรักษาระยะยาว หรือบางโรคอาจจะต้องไดรับการ รักษาตลอดชีวิต
1. โรคผิวหนังที่มีสาเหตุมาจากภูมิแพ (atopy) โดยรางกายของสุนัขจะมี ปฏิกิริยาตอบสนองตอสิ่งที่สัมผัสหรือสิ่งที่แพไวเปนพิเศษ เปนโรคที่เกี่ยวของกับ พันธุกรรม และรักษาไมหายขาด การรักษาโดยมากจะเปนการรักษาตามอาการ และควบคุมการคันไปตลอดชีวิตของสุนัข แตหากเราทราบสาเหตุของการแพ และ หลีกเลี่ยงสภาพที่กอใหเกิดการแพ สุนัขของเราก็สามารถหาย และไมตองกินยา ตลอดชีวิตได สาเหตุของการแพที่พบบอย เชน แพไรฝุน แพละอองเกสรดอกไม
2. โรคผิวหนังที่มีสาเหตุจากเชื้อยีสต โดยเฉพาะสุนัขที่ผิวหนังอับชื้น หรือ มีรอยพับของผิวหนังมาก หากมีการอักเสบติเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วยก็จะยิ่งทําให สุนัขมีอาการคัน และมีกลิ่นตัวแรง ในสุนัขปกติก็สามารถพบยีสตชนิดนี้ไดที่ ผิวหนัง แตยีสตดังกลาวจะเพิ่มจํานวนจนทําใหเกิดโรคไดในบางกรณี เชน ใน สุนัขเป็นโรคผิวหนังภูมิแพชนิด atopy อยูแล้ว
3. โรคผิวหนังที่มีสาเหตุมาจากฮอร์โมน เป็นโรค ที่ไมค่อยก่อใหเกิดความ รําคาญแกเจ้าของมากนักหากไมมีการติดเชื้อแทรกซอน เพราะอาการเดนของโรค คือ ขนร่วงแตไมมีอาการคัน ฮอร์โมนที่มีความสําคัญตอผิวหนังไดแกฮอรโมน เพศ (Sex hormone), ฮอรโมนไธรอยด (Thyroid hormone), ฮอรโมนที่เกี่ยวกับการ เจริญเติบโต (Growth hormone)
4. โรคที่ผิวหนังที่เกิดจากการขาดสารอาหาร โดยอาจจะเกิดจากการขาด ความเขาใจของเจาของโดยใหอาหารที่มีคุณประโยชนไมเพียงพอ เปนระยะเวลา นาน หรืออาจจะเปนเพราะสุนัขเลือกกินแตอาหารที่ชอบ หรือบางครั้งอาจกินแตขนมทําใหไมยอมกินอาหาร สภาวะที่สุนัขขาดสารอาหารทําใหเกิดปญหาตอ ผิวหนัง และขนของสุนัขได
5. โรคผิวหนังที่เกิดจาก Autoimmune (ระบบภูมิคุhมกันทําลายผิวหนัง) เปHนโรคที่พบไดไมบอยนัก แตเปนโรคที่คอนขางรายแรง และสงผลตออวัยวะ หลายระบบของสุนัข การจะแยกกวาโรคผิวหนังชนิดนี้มีสาเหตุจากอะไร อาจจะ ตองทําการตัดชิ้นเนื้อบริเวณรอยโรคเทียบกับชิ้นเนื้อปกติเพื่อสงตรวจทาง พยาธิ วิทยา ความรุนแรง และการรักษาจะขึ้นอยูกับชนิดของโรค
6. เนื้องอก โดยเนื้องอกจะมีทั้งเนื้องอกธรรมดา และเนื้องอกชนิดที่เปน เนื้อราย เนื้องอกธรรมดา อาจจะกอใหเกิดความรําคาญแกตัวสุนัข และจะมีปญหา มากหากสุนัขเกาหรือพยายามกัดจนเกิดเปนแผล และมีการติดเชื้อแทรกซอน เนื้อ งอกบางชนิดสามารถพัฒนาเปนเนื้อรายได สวนเนื้องอกชนิดที่เปนเนื้อรายจะขยาย ขนาดอยางรวดเร็วบางชนิดอาจจะขยายจนผิวหนังแตกเปนแผล การรักษาจะตอง ทําโดยการผาตัดเอากอนเนื้องอกออก และพิสูจนชิ้นเนื้อ เพื่อปองกันการกลับมา เปนอีก แตหากกอนเนื้อมีขนาดใหญจนไมสามารถเอาออกได การทราบชนิดของ กอนเนื้อก็จะทําใหสัตวแพทยสามารถเลือกใชเคมีบําบัด เพื่อทําใหขนาดกอนเนื้อ เล็กลงจนสามารถผาตัดเอาออกได
จะเห็นไดวาโรคผิวหนังของสุนัขมีอยูหลายชนิดจริงๆ และแตละชนิดมี แนวทางการรักษา และระยะเวลาในการรักษาที่แตกตางกัน ดังนั้นหากสุนัขของเรา เริ่มมีปญหา เจาของควรจะรีบพาไปพบสัตวแพทยเพื่อทําการตรวจวินิจฉัยหา สาเหตุที่แทจริง และรีบทําการรักษาแตเนิ่นๆ สุนัขของเราก็จะมีสภาพผิว และขนที่ ดี และมีคุณภาพชีวิตที่ดีตอไปอีกนาน
Link https://why-not.exteen.com
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
โรคผิวหนังสุนัข
โรคผิวหนังที่อาจเกิดกับสุนัขในหน้าร้อน
ภาวะผิวหนังแพ้ง่ายที่อาจเกิดได้กับสุนัขของคุณ
ช่วงหน้าร้อนแบบนี้ หนึ่งปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพสุนัขที่มักพบมากที่สุดก็คือปัญหา โรคผิวหนังต่างๆ เช่น ขนร่วง ผิวหนังอักเสบ เป็นแผลเรื้อรัง ฯ ... อย่างตอนนี้มีสุนัขของเพื่อนๆ หลายคน กำลังเจอกับปัญหามีภาวะผิวหนังแพ้ง่าย เวลาคันหรือเกาขนจะร่วงเยอะมาก หลายคนบอกว่า ตอนแรกคิดว่าน่าจะเกิดจากปัญหาเห็บหมัด แต่พอเช็คดูแล้วก็ไม่มีเพราะว่าฉีดยาป้องกันเห็บหมัดตามที่คุณหมอกำหนดตลอด มีอยู่รายหนึ่ง สุนัขมีอาการผิวหนังแพ้ง่ายติดต่อกันประมาณสามอาทิตย์ ปรากฏว่าเกิดอาการผิดปกติขึ้นบริเวณใต้ผิวหนัง มีก้อนนูนๆ เกิดขึ้นที่หลังหลายจุด และบางจุดก็มีเลือกซึมออกมา ผู้เลี้ยงก็เลยต้องพาไปพบคุณหมอเพื่อหาสาเหตุของอาการผิดปกตินี้ หลังจากการตรวจอย่างละเอียดคุณหมอก็บอกว่า สุนัขมีอาการ "ภาวะแพ้อากาศร้อนจัด" หรือที่เรียกว่า "Hot Spot" นั่นเองค่ะ Hot Spot คืออะไร จริงๆ แล้วอาการ Hot Spot ก็คือโรคผิวหนังอักเสบในสุนัขนั่นเองค่ะ สาเหตุที่ทำให้เกิดโรคนี้มาจากความอับชื้น เป็นโรคที่สามารถเกิดขึ้นได้ทุกฤดูค่ะ แต่ว่าจะพบมากในช่วงที่มีอากาศร้อนและความชื้นสูง สำหรับอาการของโรค Hot Spot นั้น สุนัขจะมีอาการเป็นแผลอักเสบเป็นวงกลม แผลจะเป็นแผลแฉะ มีน้ำเยิ้มๆ อาจจะเป็นแผลตื้นหรือแผลลึกก็ได้ค่ะ สุนัขจะรู้สึกเจ็บและคันทำให้สุนัขเลีย กัด เกา บริเวณที่เป็นแผลทำให้มีอาการอักเสบและลุกลามไปเรื่อยๆ แผลจะขยายขนาดได้ไวมาก จากขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของแผล 1/4 นิ้ว จะใหญ่ขึ้นเป็นขนาดแผล 8 นิ้ว ในเวลาเพียง 6 ชั่วโมง Hot Spot รักษาได้โดย ... เราจะต้องรักษาไม่ให้แผลขยายใหญ่ขึ้น และแก้ไขสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการ โดยลำดับขั้นตอนการดูแลรักษาบรรเทาอาการมีดังนี้ 1. เริ่มจากการโกนขนบริเวณรอบแผลออกให้หมด เพื่อให้แผลแห้งและได้รับอากาศ สะดวกต่อการทำความสะอาดแผล 2. ทำความสะอาดแผลด้วยน้ำเกลือสำหรับล้างแผลแล้ว (หรือยา betadyne, chlorhexidine scrubs, boric acid) โรยแป้งยาปฏิชีวนะ หรือทาครีมที่มีส่วนผสมของยาปฏิชีวนะกับสเตียรอยด์ (ครีมเพนนิโซโลน หรือ ครีม Hydrocortisone) สเตียรอยด์ใช้เพื่อลดอาการคัน ส่วนยาปฏิชีวนะจะช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียพวก staph ผู้เลี้ยงควรทำแผลให้สุนัขวันละหลายๆ ครั้ง เพื่อให้แผลแห้งตลอดเวลา การทำแผลสำหรับวิธีธรรมชาติจะใช้แอสไพลินละลายในน้ำชาเข้มข้น (น้ำชามีฤทธิ์ยับยั้งการอักเสบและเชื้อรา ส่วนแอสไพลินบรรเทาอาการเจ็บปวด) 3. รายที่เป็นมากอาจจะต้องฉีดสเตียรอยด์ cortisone เพื่อหยุดอาการคันทันที แผลจะได้ไม่ลุกลาม และฉีดปฏิชีวนะควบไปด้วย (เพื่อให้ทราบปริมาณการใช้ยาที่เหมาะสมควรปรึกษาสัตว์แพทย์) 4. ให้ยาปฏิชีวนะสำหรับทาน 10 วันเป็นอย่างน้อย โดยยาปฏิชีวนะที่ออกฤทธิ์ดีในการฆ่าเชื้อ staph คือ Trimethoprim Sulfa 5. ถ้าดูแผลแล้วน่าจะมีอาการเจ็บแผลให้ใช้ยาแอสไพลิน หรือ สเตียรอยด์ เพื่อบรรเทาอาการ 6. ระหว่างการรักษา ผู้เลี้ยงควรใส่ collars (ปลอกคอกันเลีย) กันการเลียและกัดแผล รวมทั้งตัดเล็บและใส่ถุงเท้าให้สุนัข เพื่อป้องกันการเกาแผลจนเกิดการอักเสบ 7. ควรอาบน้ำบ่อยๆ ด้วยแชมพูที่มีส่วนผสมของตัวยาที่มีฤทธ์ในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เช่น benzoyl peroxide ดูและหลังการรักษา เมื่อรักษาอาการ Hot Spot หายดีแล้ว ผู้เลี้ยงจะต้องดูแลเรื่องขนของสุนัขให้ดี โดยเฉพาะสุนัขขนยาว ต้องหมั่นหวี และตัดขนไม่ให้ยาวจนเกิดไป ดูแลเรื่องเห็บหมัด หมั่นฉีดยาควบคุมเห็บหมัดตามที่คุณหมอแนะนำ นอกจากนี้ควรให้อาหารเสริมบำรุงผิวหนังพวกวิตามินอี น้ำมันปลา แชมพูที่ใช้ควรเป็นแชมพูสมุนไพรที่มีส่วนผสมของ aloe, oatmeal, jojoba, หรือ eucalyptus ลองสังเกตดูนะคะว่า หน้าร้อนนี้สุนัขของเพื่อนๆ มีอาการแบบนี้หรือเปล่า ถ้ามีล่ะก็ต้องมีรักษาด่วนเลยนะคะ เพราะอาการ Hot Spot ลุกลามได้ง่ายมาก ถ้าไม่รีบทำการรักษาอย่างถูกวิธี อาจจะกลายเป็นโรคเรื้อรังทำให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพของสุนัขได้ค่ะ บทความโดย: Dogilike.com +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++= สุนัขเป็นโรคผิวหนัง
++++++++++++++++=++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++= |