โรคหูดับจากหมู โรคหูดับจากหมูเรียกว่า ปัญหาโรคหูดับในหมูและการแก้ไข


2,086 ผู้ชม


โรคหูดับจากหมู โรคหูดับจากหมูเรียกว่า ปัญหาโรคหูดับในหมูและการแก้ไข

               โรคหูดับจากหมู

เพชรบูรณ์เตือน เปิปสุก ๆ ดิบ ๆ ระวัง โรคหูดับ


 สรุปประเด็นข่าวโดยกระปุกดอทคอม
          สธ.เพชรบูรณ์ เตือน คนชอบเปิปอาหารสุก ๆ ดิบ ๆ ระวังโรคหูดับ คุกคาม ปีนี้ตายไปแล้ว 5 ราย
          สาธารณสุขจังหวัดเพชรบูรณ์ เปิดเผย ข้อมูลตัวเลขผู้ป่วยที่ได้รับเชื้อแบคทีเรีย ชื่อ สเตรปโตคอคคัส ซูอิส หรือ โรคหูดับ ในปี 2553 ว่า ตั้งแต่ วันที่ 1 มกราคม - ปัจจุบัน มีผู้ป่วยจำนวนทั้งสิ้น 23 คน เสียชีวิตแล้ว 5 คน มากสุดที่อำเภอเมือง รองลงมาเป็นอำเภอเขาค้อ และอำเภอชนแดน สาเหตุเกิดจากการรับประทานอาหารสุก ๆ ดิบ และลาบดิบ หรือ รับประทานก๋วยเตี๋ยวน้ำตก ที่ปรุงโดยใช้เลือดดิบ จากสถิติพบว่า จังหวัดภาคเหนือพบผู้ป่วยโรคหูดับมากขึ้น เนื่องจากยังมีคนบางกลุ่มนิยมกินลาบ ลู่ ซึ่งทำจากหมูดิบ ๆ โดยเฉพาะการนำมาแกล้มเหล้า

          ทั้ง นี้ โรคหูดับ นั้น เป็นภาวะสูญเสียการได้ยินอย่างกะทันหัน โดยผู้เป็น โรคหูดับ จะมีอาการที่หูได้ยินเสียงน้อยลง หรือไม่ได้ยินเสียงเลย อาจจะเป็นข้างเดียวหรือทั้งสองข้างก็ได้ แต่ส่วนใหญ่มักจะเป็นเพียงข้างเดียว จากสถิติพบว่าผู้ป่วย โรคหูดับ หนึ่งในสามมักจะมีอาการ หูดับ ในช่วงเช้า โดยเฉพาะหลังตื่นนอนใหม่ ๆ และมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น ปวดศีรษะ อาเจียน เวียนหัว บ้านหมุน มีเสียงดังในหูร่วมด้วย อย่างไรก็ตาม มีผู้ป่วยเพียงร้อยละ 10-15 เท่านั้นที่หาสาเหตุได้ ว่าอาการ หูดับ เกิดจากอะไร ที่เหลือไม่พบสาเหตุแน่ชัด
          สำหรับการรักษา โรคหูดับ นั้นต้องให้ผู้ป่วยพักผ่อนให้มากที่สุด เพื่อให้ประสาทหูฟื้นตัวโดยเร็ว โดยทั่วไปแพทย์จะสั่งให้พักผ่อนอย่างน้อย 1 สัปดาห์ โดยระหว่างนี้ห้ามฟัง หรือเข้าใกล้เสียงดังมาก ๆ และหากหยุดทำงานได้จะดีที่สุด เพื่อจะได้พักผ่อนอยู่กับบ้าน ทั้งนี้ อาการของ โรคหูดับ จะดีขึ้น หรือหายได้เองได้ราวร้อยละ 70 ของผู้ป่วยทั้งหมด เช่นนั้นแล้ว ใครที่เป็น โรคหูดับ ไม่รุนแรงแพทย์อาจพิจารณาติดตามอาการเท่านั้น ไม่ต้องรับการรักษามากมาย

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++=


                  โรคหูดับจากหมูเรียกว่า

โรคไข้หูดับ

โรคไข้หูดับเป็นอย่างไร

ไข้หูดับ หรือโรคติดเชื้อ สเตรฟโตคอกคัส ซูอิส (Streptococcus suis) เชื้อนี้จะทำให้สุกรป่วย และตายได้บ่อย ซึ่งในโรคนี้เป็นการติดต่อจากหมูสู่คน ไข้หูดับในคนมีการรายงานครั้งแรกในโลกที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ ในปี พ.ศ. 2511 หลังจากนั้นมีการรายงานประปรายทั่วโลก ต่อมาในปี พ.ศ. 2548 พบมีการระบาดครั้งใหญ่ในประเทศจีน มีผู้ติดเชื้อทั้งหมดประมาณ 215 ราย และเสียชีวิตถึง 38 ราย (ร้อยละ 18 ) คาดว่าทั่วโลกมีผู้ป่วยมากกว่า 800 ราย ผู้ป่วยจำนวนหนึ่งมาจากประเทศในแถบเอเชียอาคเนย์โดยเฉพาะประเทศไทย และประเทศเวียดนาม

สำหรับประเทศไทยที่รวบรวมไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2530-2553 พบ 19 รายงานมีผู้ป่วยรวม 301 ราย ผู้ป่วยส่วนใหญ่มีภูมิลำเนาอยู่ภาคเหนือ โดย 3 รายงานดังกล่าว (พ.ศ. 2537, 2549 และ 2552) เป็นผู้ป่วยในคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ถึง 91 ราย

เชื้อจากหมู่สู่คนได้กี่ทาง

การติดเชื้อไข้หูดับ

เชื้อนี้ผ่านบาดแผลตามร่างกาย หรือเข้าทางเยื่อบุตา ผู้ที่ติดเชื้อมักมีอาชีพเกี่ยวกับการเลี้ยงหมู ทำงานในโรงงานชำแหละหมู หรือผู้สัมผัสกับสารคัดหลั่งของหมู เช่น น้ำมูก น้ำลาย และผู้ที่มีความเสี่ยง หมายรวมถึงผู้จำหน่าย หรือผู้ที่รับประทานเนื้อหมูดิบ หรือดิบๆสุกๆ เช่น ลาบหมู โรคนี้ระบาดอยู่ในหลายประเทศที่มีการเลี้ยงหมูรวมทั้งประเทศไทย มักพบในชุมชนที่มีการเลี้ยงหมู เช่น ในภาคเหนือ เช่น เชียงใหม่ แพร่ และน่านการติดเชื้อในคนเกิดได้สองวิธี คือ

  • จากการรับประทาน
  • หรือการสัมผัสเนื้อ และเลือดดิบ หรือสุก ๆ ดิบ ๆ ของสุกรที่ป่วย

ยังไม่มีรายงานการติดต่อของไข้หูดับ จากคนสู่คน

ใครผู้ที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อนี้

ผู้ที่ป่วยมักเป็นกลุ่มชายวัยกลางคน และผู้สูงอายุ กว่าครึ่งของผู้ป่วยมีประวัติดื่มสุราเป็นประจำ มักพบว่ามีโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ไต มะเร็ง มักจะมีประวัติการรับประทานลาบ หลู้ ส้า ดิบ เฉลี่ย 3 วันก่อนป่วย และส่วนใหญ่ป่วยเป็นโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ เลือดเป็นพิษ และเยื่อบุหัวใจอักเสบผู้ที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อนี้ได้แก่ผู้ที่มีภูมิคุ้ม กันต้านทานโรคของร่างกายอ่อนแอ

          Link     https://www.siamhealth.net

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++==


                  ปัญหาโรคหูดับในหมูและการแก้ไข

   
 

สาเหตุ

   เกิดจากเชื้อ Streptococcus suis แกรมบวก รูปร่างกลม

การติดต่อ

    ผ่านระบบทางเดินหายใจ, nose-to-nose contact, เชื้อสามารถเข้าทางบาดแผลและรอยถลอกได้, เชื้อสามารถอยู่ในฝุ่นละอองและอุจจาระ, การใช้อุปกรณ์ที่ติดเชื้อ, การปนเปื้อน secretion และ excretion

 

ปัจจัยเสี่ยง

   ภาวะเครียดของหมู , การจัดการที่ไม่ดีในฟาร์มสุกร

อาการ

   หมูไข้ขึ้นๆลงๆ ซึม ท่ายืนผิดปกติ ataxia ต่อมาชักแบบถีบจักรยาน ตาบอดและหูหนวก ข้อบวมอักเสบ ปอดบวม ตาถลน ติดเชื้อในกระแสโลหิต ผิวหนังแดง เยื่อหุ้มสมองอักเสบ

การรักษาและการป้องกัน

     เลี้ยงสุกรแบบ all-in/all-out มีการจัดการฟาร์มที่ดี แก้ไขสุขาภิบาลให้ดีขึ้น มีความเข้มงวดใน biosecurity เลือกใช้ยาปฏิชีวนะที่ไวต่อเชื้อ

 

การติดต่อระหว่างสัตว์สู่คน

     คนสามารถติดเชื้อจากการสัมผัสสุกรที่ติดโรค ผู้อยู่ในกลุ่มเสี่ยงคือ เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกร ผู้ทำงานในโรงฆ่าสัตว์ ผู้ชำแหละเนื้อสุกร แม่บ้าน สัตวบาล สัตวแพทย์ เชื้อเข้าทางบาดแผล รอยถลอก หรือเยื่อบุตา การบริโภคเนื้อสุกรที่ไม่สุก

ระยะฟักตัว

     1-3 วัน

อาการในคน

     มีไข้ ปวดศีรษะ คลื่นเหียน สับสน กลัวแสง คอแข็ง ข้ออักเสบ มักมีอาการปวดในข้อก่อน 1-2 วัน ม่านตาอักเสบ ผู้ป่วยอาจสูญเสียการได้ยินจนถึงขั้นหูหนวกถาวรภายใน 24 ชั่วโมง หลังจากหายป่วยอาจมีความผิดปกติในการทรงตัว ในรายที่รุนแรง อาจเสียชีวิตจากการติดเชื้อในกระแสโลหิต มีผลต่ออวัยวะภายใน เช่น ตับ ไต และระบบโลหิต เยื่อบุหัวใจอักเสบ ปอดอักเสบ มีผื่นจ้ำเลือดทั้งตัว และช็อก

 
     
                  การควบคุมและมาตรการป้องกัน                
 
สำหรับเจ้าหน้าที่
   1) ควรเฝ้าระวังผู้ป่วยที่มีอาการสงสัยโรคติดเชื้อ สเตร็ปโตคอดคัส ซูอิส และให้รายงานเข้าระบบการเฝ้าระวังโรค ( รง.506 ) และออกสอบสวนควบคุมโรค กรณีมีผู้ป่วยเสียชีวิตหรือมีผู้ป่วยเป็นกลุ่มก้อน  
   2) ให้ความรู้แก่ประชาขนโดยอาศัยเครือข่าย อสม. , SRRT ตำบล เพื่อให้ประชาชนได้รู้และทราบถึงความรุนแรงของโรคโดยเฉพาะในช่วงเทศกาลต่าง ๆ

สำหรับประชาชน
   1) ดูแลสุขอนามัยส่วนส่วนบุคคล หลีกเลี่ยงการจับสัมผัสหมูที่ป่วย หรือสวมถึงมือ และปิดแผลไม่ให้สัมผัสเชื้อ ล้างมือและฟอกสบู่ทุกครั้งที่สัมผัสเนื้อหมูดิบ  
    2) ปรุงอาหารที่มีส่วนประกอบของหมูควรทำให้สุก ผ่านความร้อนอย่างน้อย 70 องศาเซลเซียน นาน 10 นาที ก่อนนำไปรับประทาน 
    3) ไม่ควรนำหมูที่ป่วยหรือตายมาบริโภคและควรนำไปทำลายอย่างถูกวิธี
    4) หากมีอาการป่วยที่สำคัญ เช่น มีไข้สูง ปวดศีรษะหลังกินหมูดิบภายใน 3 วัน ให้รีบไปพบแพทย์ด่วน และต้องบอกประวัติการกินหมูดิบให้ทราบหากมาพบแพทย์เร็วจะช่วยลดอัตราเสียชีวิตและหูหนวกได้

               Link        https://dpc9.ddc.moph.go.th

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

อัพเดทล่าสุด